ไฟไหม้ครั้งใหญ่ แพล่องกาญจน์ สูญกว่า20ล้านบาท

วันที่:
27/01/2554





แพล่องที่กาญจน์ไฟลุกไหม้ลามติดแพอื่นกว่า 10 หลัง
ดับเพลิงช่วยฉีดน้ำสกัดสองฝั่งลำน้ำแควโกลาหล กลายเป็นทะเลเพลิงในลำน้ำ
ด้านนายกสมาคมชาวเรือชาวแพเตรียมเรียกประชุมด่วน...

เมื่อ
เวลา 23.45 น. วันที่ 26 ม.ค.ศูนย์วิทยุจักรพรรดิเทศบาลเมืองกาญจนบุรี
รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเทศบาลเมืองกาญจนบุรี
(อปพร.) ว่ามีเหตุเพลิงไหม้แพปรีชา ที่จอดเทียบท่าอยู่ริมแม่น้ำแคว
ฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ต.บ้านเหนือ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี
จึงรีบนำรถดับเพลิงไปฉีดน้ำสกัดเพลิง พร้อมด้วยมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์

ปรากฏ
ว่าเพลิงได้ลุกลามติดต่อแพที่ผูกเชือกเทียบท่าใกล้กันอีกหลายหลัง
เนื่องจากโครงสร้างของแพแต่ละหลังส่วนใหญ่ทำด้วยไม้หลังคามุงจาก
ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว และเกิดเสียงระเบิดจากถังแก๊สภายในแพเป็นระยะ
ๆ ก่อนที่เชือกผูกแพเทียบท่าจะถูกไฟไหม้ขาด
แพหลายหลังลอยไปตามลำน้ำข้ามฝั่งมายังริมน้ำหน้าเมืองกาญจนบุรี
ซึ่งมีแพจอดเทียบท่าอีกหลายสิบหลัง
เพลิงได้ลุกลามแพต่อแพอย่างรวดเร็วไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ในเบื้องต้น
จึงประสานผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทราบ

ต่อมา พล.ต.ต.โชต วีรเดชกำแหง ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.กษณะ
แจ่มสว่าง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี นายประสิทธิ โอภาสทิพากร
นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกาญจนบุรี นายนพพร ถาวรประดิษฐ์
นายกสมาคมชาวเรือชาวแพจังหวัดกาญจนบุรี
ได้เดินทางมาบัญชาการดับเพลิงด้วยตนเอง
พร้อมสั่งการประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลปากแพรก เทศบาลตำบลแก่งเสี้ยน
นำรถดับเพลิงออกมาช่วยฉีดสกัดไฟที่ลุกไหม้แพทั้งสองฝั่งลำน้ำ
และสั่งการให้นำเรือดับเพลิงออกจากที่ตั้งเพื่อฉีดน้ำสกัดเพลิง
เนื่องจากแพแต่ละหลังจะจอดซ้อน ๆ กัน
ทำให้รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าถึงตัวแพที่ถูกไฟไหม้
ต้องฉีดน้ำล่อเลี้ยงเอาไว้ไม่ให้เพลิงลุกลาม
และรถดับเพลิงบางคันต้องกระจายกันแยกไป 2 ฝั่งลำน้ำเพื่อฉีดน้ำสกัดเพลิง
ท่ามกลางนักท่องเที่ยวยามราตรีที่มาท่องเที่ยวตามร้านอาหารที่อยู่นับสิบ
ร้าน ที่บริเวณถนนเลียบแม่น้ำแควหน้าเมืองกาญจนบุรี
ที่เห็นเหตุการณ์ต่างลุกจากเก้าอี้นั่งเดินข้ามถนนมาดูเพลิงไหม้แพด้วยความ
สนใจจำนวนมาก กลายเป็นภาพไฟไหม้แพในลำน้ำคล้ายทะเลเพลิง

หลังจากระดม รถดับเพลิงมาฉีดน้ำใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
จึงสามารถควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัด
ตรวจสอบเบื้องต้นมีแพล่องที่ถูกเพลิงลุกไหม้จำนวนประมาณ 10 หลัง
โดยแต่ละหลังมีมูลค่าการก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท
รวมค่าเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท

พล.ต.ต.โชต วีรเดชกำแหง ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า
เบื้องต้นทราบว่าต้นเพลิงมาจากแพปรีชา
ที่จอดเทียบท่าอยู่ฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี
ซึ่งเพลิงได้ลุกลามติดต่อแพที่ผูกติดกันอีกอีกราว 5-6 หลัง
ก่อนที่เชือกที่ผูกตัวแพกับต้นไม้บนฝั่งจะถูกไฟไหม้ขาด
แพบางหลังไหลตามลำน้ำข้ามฝั่งมาหาแพที่จอดเทียบท่าหน้าเมืองกาญจนบุรี
ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามเช่นกัน เบื้องต้นได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กษณะ
แจ่มสว่าง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี
จัดพนักงานสอบสวนขึ้นมาสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้
พร้อมให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี
มาตรวจเก็บหาหลักฐานที่พบในแพต้นเพลิง
เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยเบื้องต้นเชื่อว่าไม่ได้มาจากการวางเพลิง แต่อาจเกิดปัญหาใดนั้น
ต้องรอผลสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงจะสามารถให้คำตอบที่แน่นอนได้

ด้าน นายนพพร หรือเสี่ยเล็ก ถาวรประดิษฐ์
นายกสมาคมชาวเรือชาวแพจังหวัดกาญจนบุรี
ที่เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์และบัญชาการดับเพลิงด้วย เปิดเผยว่า
เบื้องต้นทางสมาคมชาวเรือชาวแพโดยตนจะเรียกประชุมคณะกรรมการของสมาคมในวัน
พรุ่งนี้
เพื่อติดตามตามสถานการณ์และข้อสรุปว่าเพลิงที่ลุกไหม้เกิดจากสาเหตุใด
และจะต้องหามาตรการในการป้องกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ที่ผ่านมาแพล่องที่ว่างจากการรับนักท่องเที่ยวและจอดเทียบท่าจะต้องมี
พนักงานดูแลอยู่ในแพตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว
ซึ่งน่าทราบข้อมูลในเบื้องต้นในวันพรุ่งนี้.

ข้อมูลจาก

http://www.thainn.com/exchange/temp_news.php?type1=1&type2=4&page=0&topic=14910&view=0