เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

11 คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009





ข้อมูลไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (สำนักจัดการความรู้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข)


1. หากเรามีอาการป่วยสงสัยจะเป็นไข้หวัดใหญ่ เราควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหรือไม่?

ตอบ
หากเรามีอาการป่วยสงสัยจะเป็นไข้หวัดใหญ่ให้ตรวจสอบว่าเราจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ นั่นคือ เราเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ หอบหืด เป็นต้น

* ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ติดเชื้อเอ็ชไอวี ผู้ป่วยโรคเลือด ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น * หญิงตั้งครรภ์ * ผู้ที่เป็นโรคอ้วน * กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี * เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี เราเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่โรคจะรุนแรง เราควรรีบไปพบแพทย์

หากเราไม่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เรายังไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ในทันที เราสามารถพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ รับประทานยาตามอาการ เช่น ถ้ามีไข้ ก็ให้รับประทานยาพาราเซตตามอล และเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น หรือถ้ามีอาการไอมาก ก็ให้ดื่มน้ำมากๆ เป็นต้น หากไข้ไม่ลด อาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน หรือเริ่มมีอาการที่บ่งว่าจะมีอาการรุนแรง (เช่น ผู้ป่วยที่หายใจเร็ว (อายุน้อยกว่า 2 เดือน หายใจเร็วกว่า 60 ครั้งต่อนาที อายุ 2 เดือนถึง 1 ปี หายใจเร็วกว่า 50 ครั้งต่อนาที อายุ 1-5 ปีหายใจเร็วกว่า 40 ครั้งต่อนาที อายุมากกว่า 5 ปีหายใจเร็วกว่า 30 ครั้งต่อนาที) ไข้ไม่ลดใน 3 วัน อาเจียนมาก รับประทานอาหารไม่ได้ เป็นต้น) จึงควรไปพบแพทย์

หากเราไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากการป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ การไปพบแพทย์จะทำให้เราเพิ่มความเสี่ยงในการรับเชื้อจากผู้ป่วยอื่นที่โรงพยาบาล และยังไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากแพทย์ก็จะแนะนำให้เรากลับมาพักฟื้นที่บ้าน ให้ยารักษาตามอาการ และแนะนำให้เราคอยเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของอาการของโรคอยู่ดี


2. เราจำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสหรือไม่?

ตอบ
เนื่องจากผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ส่วนใหญ่จะหายได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส กระทรวงสาธารณสุข จึงไม่ได้แนะนำให้ใช้ยาต้านไวรัสในผู้ป่วยที่สงสัยจะป่วย ด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 การให้ยาอย่างกว้างขวางในผู้ที่ไม่จำเป็นต้องได้รับยา นอกจากจะเป็นการสิ้นเปลืองแล้ว ยังอาจจะทำให้เชื้อดื้อยาได้เร็วขึ้นอีกด้วย

กลุ่มผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยา ได้แก่

1. ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่โรคจะรุนแรง ได้แก่ * ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ หอบหืด เป็นต้น * ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ติดเชื้อเอ็ชไอวี ผู้ป่วยโรคเลือด ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น * หญิงตั้งครรภ์ * ผู้ที่เป็นโรคอ้วน * กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี * เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี 2. ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง (เช่น ผู้ป่วยที่หายใจเร็ว (อายุน้อยกว่า 2 เดือน หายใจเร็วกว่า 60 ครั้งต่อนาที อายุ 2 เดือนถึง 1 ปี หายใจเร็วกว่า 50 ครั้งต่อนาที อายุ 1-5 ปีหายใจเร็วกว่า 40 ครั้งต่อนาที อายุมากกว่า 5 ปีหายใจเร็วกว่า 30 ครั้งต่อนาที) หายใจลำบาก เหนื่อย หอบ อาเจียนมาก รับประทานอาหารไม่ได้ เป็นต้น 3. ผู้ป่วยที่อาการไข้หรืออาการป่วยไม่ดีขึ้นใน 3 วัน

3. หากเราป่วยด้วยอาการที่คล้ายไข้หวัดใหญ่ เราจำเป็นต้องได้รับการตรวจเพื่อยืนยันเชื้อหรือไม่?
ตอบ
ในปัจจุบันที่เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 ได้ระบาดขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ การตรวจว่าเราติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 หรือไม่มีความจำเป็นน้อยลงมาก การตรวจหรือไม่ตรวจไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย ดังนั้น ในปัจจุบันในพื้นที่ที่มีการยืนยันการแพร่ระบาดของโรคชัดเจนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการตรวจยืนยันการติดเชื้อก่อนให้การรักษาแต่อย่างใด


4. ในปัจจุบัน ได้มีโรงพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ได้แนะนำให้ผู้ป่วยตรวจคัดกรองการติดเชื้อ ด้วยชุดการตรวจสอบการติดเชื้อที่ให้ผลเร็ว หากเราป่วยด้วยอาการที่คล้ายไข้หวัดใหญ่ เราควรตรวจด้วยชุดทดสอบให้ผลเร็วเหล่านี้หรือไม่

ตอบ
ไม่จำเป็น การตรวจหรือไม่ตรวจไม่ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย นั่นคือ ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร แนวทางการรักษาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม (เหมือนข้อ 1)

นอกจากจะเป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นแล้ว การตรวจดังกล่าวยังไม่ถือเป็นวิธีที่มาตรฐาน กล่าวคือ การตรวจยังมีความผิดพลาดค่อนข้างสูง นั่นคือ หากมีผู้ป่วยที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 จริง 100 คน การตรวจด้วยชุดทดสอบให้ผลเร็วจะให้ผลบวกถูกต้องน้อยกว่า 50 คน นั่นคือ ชุดทดสอบจะบอกว่าผู้ป่วยไม่ติดเชื้อสูงถึงกว่า 50 คนทั้งที่ผู้ป่วยติดเชื้อ การให้ผลผิดพลาดที่สูงมากขนาดนี้ อาจทำให้ผู้ป่วยที่ป่วยจริงเมื่อทราบผลว่าตัวเองไม่ติดเชื้อวางใจ ไม่ดูแลรักษาตัวเองหรือไม่ติดตามเฝ้าระวังอาการของตัวเองให้เหมาะสม จนอาจเกิดอาการรุนแรงตามมาได้
5. เราควรพักฟื้นอยู่ที่บ้านนานเท่าไหร่?

ตอบ
ผู้ป่วยควรหยุดงานและพักฟื้นอยู่กับบ้าน หลีกเลี่ยงการพบปะ คลุกคลีกับผู้อื่นเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน หากครบ 7 วันแล้วยังคงมีอาการบางอย่างหลงเหลืออยู่บ้าง ก็ให้พักฟื้นอยู่กับบ้าน และหลีกเลี่ยงการพบปะ คลุกคลีกับผู้อื่นต่อไปอีก จนกว่าอาการจะหายสนิทแล้ว 1 วัน
6. ผู้ที่เป็นโรคอ้วนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือไม่?

ตอบ

ผู้ที่เป็นโรคอ้วนมีโอกาสจะเกิดอาการรุนแรงได้สูงกว่าคนปกติทั่วไปที่แข็งแรงดี ดังนั้นหากผู้ที่เป็นโรคอ้วนป่วยด้วยอาการที่สงสัยจะเป็นไข้หวัดใหญ่ ก็ควรไปพบแพทย์ทันที

7. หากเราเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง และยังไม่ติดเชื้อ เราควรต้องป้องกันอะไรเป็นพิเศษ (เช่น การสวมใส่หน้าการอนามัย) หรือไม่?
ตอบ

ไม่จำเป็นต้องป้องกันอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ และไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่ชุมชน เนื่องจากหน้ากากอนามัยไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ หน้ากากอนามัยเป็นเพียงเครื่องมือที่ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ (นั่นคือ ผู้ที่ควรสวมใส่คือผู้ป่วย)

การล้างมือบ่อยๆ และการหลีกเลี่ยงการขยี้ตา แคะจมูก หรือนำนิ้วเข้าปาก

เพื่อลดโอกาสการนำเชื้อจากมือเข้าสู่ร่างกาย เป็นมาตรการในการป้องกันโรคที่สำคัญในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ป่วย นอกจากนี้กลุ่มประชากรกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำมากๆ ควร

1. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
2. หลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่

8. หากเราไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง แปลว่าเราจะไม่มีโอกาสเสียชีวิตใช่หรือไม่
ตอบ

ไม่ใช่ผู้ป่วยที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็มีโอกาสเสียชีวิตเช่นกัน แต่โอกาสที่จะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตในกลุ่มที่ไม่ได้มีความเสี่ยงจะต่ำกว่ากลุ่มเสี่ยง ข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงว่าร้อยละ 30 ของผู้ที่เสียชีวิตทั้งหมดเป็นผู้ที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง และมีสุขภาพแข็งแรงก่อนที่จะป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1


9.ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ในไทย ขณะนี้มีพอเพียงหรือไม่

ตอบ
ในปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้สำรองยาต้านไวรัสโอโซลทามิเวียร์ไว้จำนวนหนึ่ง (ประมาณ 400,000 เม็ด) และมีแผนจะจัดซื้อเพิ่มตามความจำเป็น ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขได้สำรองยาไว้เพียงพอสำหรับการใช้กับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับยา ตามแนวทางการใช้ยาต้านไวรัสที่ได้กล่าวถึงแล้วข้างต้น (ข้อ 2)

10. สมาชิกในครอบครัวที่สบายดี ไม่ป่วย ควรใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่

ตอบ
ผู้ที่ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยคือผู้ป่วย เนื่องจากการใส่หน้ากากอนามัยสามารถป้องกันการกระจายของน้ำมูกและน้ำลายเวลาที่ผู้ป่วยไอหรือจามได้ดี กระทรวงสาธารณสุขไม่แนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยในผู้ที่ยังไม่มีอาการป่วย


11.หากมีสมาชิกในครอบครัวป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ควรนำสมาชิกคนอื่นๆ ที่ยังไม่ป่วยไปฉีดวัคซีนหรือไม่
ตอบ

ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 ได้ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไม่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 ได้ ซึ่งคาดว่าประเทศไทยน่าจะมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอ็ช1 เอ็น1 อย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายปี พ.ศ. 2552
อย่างไรก็ดีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับกลุ่มเสี่ยง แต่ต้องเข้าใจว่าการฉีดวัคซีนที่แนะนำนี้ เป็นการฉีดเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ไม่ใช่เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

มาดูการตอบข้อสอบแบบเทพ ๆ สุดยอด

ข้อ 1 : จงหา x?




พี่แกตอบแบบไม่ต้องคิด วงกลมล้อมรอบ แล้วมีการเขียนบอกว่า 'อยู่นี่ไง' อีกต่างหาก Error! Filename not specified. ,,, ผลคือ ได้ 0 แบบบไม่ต้องสืบ

-------------------------------------------------



ข้อ 2 : ลิมิตตะแคงข้าง



อันนี้ ถ้าเรียนแคลคูลัสแล้วจะช่วยให้ฮายิ่งขึ้น ,,, ก็คือ อาจารย์คนนี้แกสอนเด็กว่า ถ้าลิมิตเข้าใกล้ a ของ 1/(x-a) แล้ว คำตอบมันจะได้เท่ากับ อินฟินิตี้ แล้วแกก็ยกตัวอย่างกรณี a=8 ,,, ปลาดุก และปลากดว่า ไอ่เครื่องหมายอินฟินิตี้ มันดันไปเหมือนกับเลข 8 ตะแคงข้าง ,,, เด็กมันก็เลยเข้าใจว่า คำตอบของโจทย์ทำนองนี้ ก็คือ ให้เอาตัวเลขไปตะแคงข้าง พอลิมิตเข้าใกล้ 5 ปุ๊บ มันก็ตอบเป็น เลข 5 ตะแคงข้างทันที เออ เอากับมัน Error! Filename not specified.

-------------------------------------------------



ข้อ 3 : sinx/n = 6





อันนี้ไม่ต้องมีคำบรรยายใดให้มันลึกซึ้ง คนแก้สมการตัดตัวเลขมันมือไปหน่อยยังไงไม่ทราบ ดันไปตัด 1/n กับ ตัว n ของคำว่า sin แล้วเผอิญมันกลายเป็นคำว่า six ก็เลยตอบ 6 ไปซะดื้อ ฮ่วย!

-------------------------------------------------



ข้อ 4 : จงกระจาย



อันนี้เห็นแล้วอยากกรี๊ดเป็นภาษาไนจีเรีย Error! Filename not specified. โจทย์บอกจงกระจาย ไอ่คนทำ มันก็กระจายจริงๆ ,,, เขาบอกกระจายเป็นพจน์ว้อยยย ไม่ใช่กระจายตัวหนังสือ Error! Filename not specified.

-------------------------------------------------



ข้อ 5 : ตายดีกว่า



ผมเห็นใจคนนี้มากที่สุด เพราะดูเค้าพยามแล้ว แต่ประมาณคิดไปคิดมาแล้วมันตันไปต่อไม่ได้ยังไงไม่ทร าบ เฮียแกเลยสติแตก ผูกคอตายบนเครื่องหมายรากม่างซะเลย ,,, ไปสู่สุขตินะเฮีย

-------------------------------------------------

ข้อ 6 : J...วย! มาดูดJูตูเหอะ!











รายนี้ก็ออกแนวสติแตกแบบข้างบน แต่ออกเป็นแนวถ่อย สุดท้ายนอกจากไม่ได้คะแนน โดนอาจารย์เรียกพบอีกต่างหาก

-------------------------------------------------



ข้อ 7 : เทพ vs noob





เปลี่ยนมาดูวิชาภาษาอังกฤษกันบ้าง ,,, ผมว่าเจ้าของกระดาษคำตอบแผ่นนี้คงติดเกมออนไลน์แหงม Error! Filename not specified. (สำหรับคนไม่เข้าใจมุก ,,, ภาษาของคนที่เล่นเกมออนไลน์ คำว่า pro หมายถึง คนที่เล่นเก่ง หรือทีเรียกว่า 'เทพ' นั่นแหละครับ ส่วน คำว่า noob มาจาก newbie หมายถึง คนเล่นไม่เก่ง หรืออ่อนหัด อะไรทำนองนั้น)

-------------------------------------------------



ข้อ 8 : วัดใจ เสี่ยงดวง





ออกแนวเกมวัดดวงกันเลยครับสำหรับรายนี้ สงสัยพี่แกกะว่า เลือก C รวดทั้งร้อยข้อ ขี้หมูขี้หมามันต้องมีข้อถูก ,,, แต่เผอิญมันซวยตรงที่ อีตานี่คงอ่านโจทย์ไม่ดี ข้อสอบมันเป็นแบบถูกผิด ถ้าถูกเลือก A ถ้าผิดเลือก B แต่อีตานี่ดันโซโล่ C ทั้งร้อยข้อ (จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด -*-)

-------------------------------------------------



ข้อ 9 : สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม



เป็นการเชือดเฉือนกันด้วยธรรมะกันเลยทีเดียว ,,, เมื่อลูกศิษย์ร้องขอความเมตตา ด้วยสุภาษิต 'เมตตาธรรมค้ำจุนโลก' (ให้คะแนนผมเถอะ) แต่อาจารย์ก็ใช่เบา สวนกลับด้วยสุภาษิต 'สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม' (ทำได้แค่นี้ ก็เิอาคะแนนไปเท่านี้)

-------------------------------------------------



ข้อ 10 : มืด8ด้าน



ไม่รู้จะบรรยายไงดี แต่ขอบอกว่า อาจารย์ให้ค่ามุกไปตั้ง 1 คะแนนแน่ะ



ภาพลวงตา






















สัญญานและอาการของคนที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ใหม่ ชนิด A 2009 H1N1 ที่ระบาดในประเทศเม็กซิโก

สัญญานและอาการของคนที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ใหม่ ชนิด A 2009 H1N1 ที่ระบาดในประเทศเม็กซิโก

อาการของไข้หวัดหมูในคนนั้นมีอาการคล้ายกันกับอาการของคนที่เป็นหวัดปกติ และมีอาการต่อไปนี้คือ มีไข้ ท้องเสีย เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศรีษะ หนาว และ ไม่มีเรี่ยวแรง อ่อนล้า ร่วมด้วย ในบางคนมีอาการท้องเสียร่วมกับอาเจียน และในอดีตมีรายงานว่าผู้ป่วยหลายคนมีอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นปอดบวม และ ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุด เช่นเดียวกันกับหวัด ที่ไข้หวัดหมูอาจจะแย่ลงจนต้องมีสภาพการเรื้อรัง
ผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดหมูควรได้รับการพิจารณาถึงศักยภาพในการติดเชื้อ ระยะเวลาความยาวนานของการฟักเชื้อจนมีอาการ และความเป็นไปได้ของอาการป่วยที่ยาวนานถึง 7 วัน เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กเล็กอาจได้รับเชื้อเป็นเวลานาน

สัญญานเติอนภัยที่จะบ่งบอกถึงการต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่ต้องสังเกตมีดังนี้ ในเด็ก หากเด็กมีอาการหายใจเร็ว หรือหายใจลำบาก ผิวหนังเป็นจ้ำสีน้ำเงิน ดื่มน้ำน้อยไม่เพียงพอ ปลุกไม่ตื่น หรือไม่มีอาการตอบสนอง มีอาการงอแงไม่ยอมให้อุ้ม มีไข้เฉียบพลัน หรือมีอาหารหวัด ไออย่างรุนแรง หากมีอาการเหล่านี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ ต้องรีบเข้ารับการรักษาทันที ในผู้ใหญ่ สัญญานเตือนภัยที่จะต้องรีบรักษาเช่นกันคือ อาการหายใจลำบาก หรือหายใจถี่ เจ็บ แน่นหน้าอกหรือช่องท้อง วิงเวียน หน้ามืด และอาเจียนอย่างรุนแรง หรืออาเจียนเป็นเลือด หากมีอาการเหล่านี้ต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วน

โอกาสในการรับเชื้อ

การกระจายและการติดเชื้อของเชื้อไข้หวัดหมูมี 2 ทาง คือ ทางแรก เกิดจาการสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ หรือการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนด้วยเชื้อไวรัสไข้หวัดหมู ทางที่สอง การเกิดจากสัมผัสระหว่างคนกับคนที่ติดเชื้อ การกระจายและติดเชื้อระหว่างคนสู่คนนั้นได้มีการมีบันทึกไว้ และ ถูกคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูที่มีไข้หวัดระบาด (Seasonal flu) สาเหตุให้ที่จะทำให้เชื้อแพร่กระจายจากคนสู่คนถือการไอ หรือจาม ของผู้ติดเชื้อ

จะรักษาอย่างไร?

ยาที่จะใช้รักษาอาการไข้หวัดหมูนั้น CDC แนะนำให้ใช้ตัวยา oseltamivir หรือ zanamivir (ทางที่ดีอย่าซื้อกินเอง ควรไปพบแพทย์ค่ะ...ผู้เขียน) สำหรับการบำบัดรักษา การป้องกันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสนี้ ยาต้านไวรัส (Antivirus drug) ตามคำสั่งยาของแพทย์ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ด ยาน้ำ หรือ ยาชนิดสูดดม ที่มีฤทธิ์ต้านหวัดช่วยได้โดยการป้องกันการเจริญและพิ่มจำนวนในร่างกาย (ยังคงมีไวสหลงเหลือในร่างกาย) ถ้าหากมีอาการป่วย ยาต้านไวรัสเหล่านี้สามารถทำให้อาการป่วยลดลงและสามารถทำให้รู้สึกดีขึ้นเร็วขึ้น และอาจใช้ป้องกันอาการหวัดที่รุนแรงได้ สำหรับการรักษานั้นยาต้านไวรัสทำงานได้ดีที่สุดถ้าใช้ตั้งแต่เริ่มมีอาการป่วย โดยเฉพาะในช่วงประมาณ 2 วันแรกที่มีอาการเหมือนเชื้อหวัด..ไม่มีวัคซีนในการรักษา อย่างไรก็ตามหากการกระทำใดๆในชีวิตประจำวันที่ผู้คนสามารถใช้ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจได้ก็สามารถนำมาใช้ป้องกันเชื้อไขหวัดหมูนี้ได้

ข้อแนะนำตามขั้นตอนพึงปฏิบัติเป็นประจำทุกวันเพื่อปกป้องสุขภาพของตัวคุณเอง ดังต่อไปนี้

1. ใช้กระดาษทิชชูปิดจมูกและปากของคุณเมื่อไอ หรือจาม และทิ้งกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่มีฝาปิดหลังการใช้ทันที

2. ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือล้างด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ (เช่นเจลล้างมือ) บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังการไอ หรือ จาม

3. พยายามหลีกเลี่ยงการพบปะ และสัมผัสกับผู้ป่วย ถ้าหากป่วยเป็นหวัดควรหยุดพักอยู่บ้าน เพื่อจำกัดการพบปะผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก หรือ ปาก เพราะเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายทางอวัยวะเหล่านี้ได้

ประชาชนยังไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลกับการจัดเตรียมและรับประทานเนื้อหมู เช้อไวรัสไข้หวัดหมูนี้ไม่สามารถแพร่กระจายได้ทางอาหาร อนึ่งการรับประทานเนื้อหมูที่ผ่านการเตรียมที่ดีและผ่านการปรุงสุกจะช่วยให้มีความปลอดภัยจากเชื้อโรคนี้


ขอบคุณที่มา
http://www.vibhavadi.com/web/health_detail.php?id=336

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP