เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

ซีกับลัมโบกินี่







ขอขอบคุณข้อมูลจาก น้องซี >> http://www.ceemeagain.com <<

ตั๊ก-บริบูรณ์ ตามหา เนื้อคู่ ดึงเรื่องจริงลง MV บอย พีซเมกเกอร์



"ตั๊ก-บริบูรณ์" ตามหา "เนื้อคู่" ดึงเรื่องจริงลง MV "บอย พีซเมกเกอร์" (แกรมมี่)

ปล่อยให้เพลง "การเปลี่ยนแปลง" ทำคะแนน ไต่ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 กับทุกคลื่นทั่วประเทศมานานหลายสัปดาห์ ล่าสุดนักร้องหนุ่มเสียงดี "บอย พีซเมกเกอร์" เจ้าของอัลบั้ม "Sense of Sound" ขอปล่อยเพลง "เนื้อคู่" ซิงเกิ้ลล่าสุดมาเรียกคะแนนโหวตจากบรรดาแฟนๆ กันอีกรอบ และยังดึงหนุ่มอารมณ์ดี "ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง" มาถ่ายทอดเรื่องราวสนุกๆ ผ่านมิวสิควีดีโอเพลง "เนื้อคู่" กับเรื่องราวเนื้อหาที่โดนใจคนโสดที่ต้องการจะหาเนื้อคู่มาเคียงข้าง แต่เรื่องราวจะสนุกสนานขนาดไหนไปตามฟังจากปากพระเอกอารมณ์ดี "ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง" กันเลยดีกว่า...

"โอ้โหสนุกมากๆ เลยครับพี่ คือปกติผมจะเป็นคนรักเด็กอยู่แล้ว... เด็กจริงๆ นะพี่ ไม่ใช่เด็กผู้หญิงสาวๆ... ฮ่า ฮ่า(หัวเราะ) คือในมิวสิควีดีโอเพลง "เนื้อคู่" ผมต้องมาเล่นเป็นพี่เลี้ยงเด็กชั่วคราว คือพี่สาวในมิวสิควีดีโอของผมเขาจะออกไปตามหาสามี เพราะไม่กลับบ้านมาหลายคืนแล้ว แกเลยเอาน้องมิคกี้ลูกชายในเรื่องมาฝากเลี้ยง ผมก็เลยต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปโดยปริยาย

แต่ด้วยความที่ผมยังเป็นหนุ่มโสด หน้าตาดี พ่อรวย... ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นนะครับพี่ แต่ยังไม่มีเนื้อคู่ เลยชอบเล่นอินเตอร์ประเภทแชทหาเนื้อคู่อะไรประมาณนี้ แล้วเวลาที่สาวๆ เข้ามาแชท แล้วสาวๆ แต่ละคนเขาก็จะตั้งสเปคไว้ว่าอยากได้เนื้อคู่ประมาณไหน พอมีข้อความเข้ามาในห้องแชทผมก็จะทำตามที่สาวๆ เขาชอบ

อย่างเช่นสาวคนนี้อยากได้หนุ่มทำอาหารเก่ง ผมก็จะแอ๊บทำอาหารให้สาวๆ เห็น หรือสาวๆ คนไหนอยากได้แฟนเป็นหนุ่มเกาหลี ผมก็จะแต่งตัวเป็นหนุ่มเกาหลี K-POP ประมาณนี้ ซึ่งในเรื่องราวของมิวสิควีดีโอมันก็จะออกแนวเพี้ยนๆ ตามสไตล์ผมหน่อยนึงอยู่แล้ว... ฮ่า ฮ่า(หัวเราะ) ล้อเล่นครับพี่...

แล้วอย่างที่บอกว่าผมต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เลี้ยงหลานตัวเองด้วยในช่วงที่ผมกำลังตามหาเนื้อคู่ พอผมทำอะไรให้สาวๆ ดู แล้วน้องมิคกี้ที่เล่นเป็นหลานชายของผมในมิวสิควีดีโอตัวนี้ ก็จะทำตาม ประมาณว่าเห็นผมทำอะไร มิคกี้เขาก็จะเลียนแบบทุกอย่าง แต่เวลาเด็กทำก็จะน่ารักดีนะ แต่พอผมทำมันออกจะเป็นแนวเพี้ยนๆ มากกว่า

ซึ่งจริงๆ พี่เอ้อ(บุณณ์ญาณ์ อริยศรีวัฒนาผู้กำกับ) เขาก็ต้องการให้มันออกมาเป็นแนวสนุกสนาน เฮฮา ตามสไตล์ของผมอยู่แล้ว ซึ่งช่วงถ่ายทำก็จะสนุกมาก เหนื่อยบ้างแต่ไม่มากเพราะน้องมิคกี้เขาจะน่ารักมาก ไม่งอแง สงสัยคงเป็นเพราะเจอหนุ่มหล่อ อารมณ์ดีอย่างผมมั้งครับ น้องเขาเลยไม่ค่อยงอแง... ฮ่า ฮ่า(หัวเราะ)

สำหรับเพลง "เนื้อคู่" ผมว่า... เป็นเพลงที่ให้กำลังใจคนที่ยังไม่มีคู่ได้เป็นอย่างดี และส่วนตัวผมก็เชื่อว่าทุกๆ คนมีคู่ของตัวเองอยู่แล้ว ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเจอช้า หรือเร็วแค่นั้นเอง แต่ไม่ต้องห่วงผมนะครับ เพราะผมมีเนื้อคู่แล้ว...

ส่วนเรื่องที่ได้มาเล่นมิวสิควีดีโอของ "บอย พีซเมกเกอร์" ก็ชอบครับเพราะผมเองก็เป็นแฟนเพลงของบอยอยู่แล้วครับ เพราะเพลงของบอยที่ปล่อยออกมาแต่ละเพลงโดนๆ ทั้งนั้นครับ ยังไงผมก็อยากจะฝากแฟนๆ ของผม แล้วก็ของ บอย ให้ติดตามมิวสิควีดีโอเพลง "เนื้อคู่" กันเยอะๆ นะครับ เพราะในเรื่องผมเล่นไว้สนุกมากๆ รับประกันความฮาล้านเปอร์เซ็นต์ครับ"

แค่ได้ฟังเรื่องราวในมิวสิควีดีโอ ที่ได้หนุ่มอารมณ์ดี "ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง" มาถ่ายทอดยังสนุกสนานขนาดนี้ แต่ถ้าใครอยากจะดูแบบเต็มๆ ก็เตรียมตัวดูได้ตามรายการเพลงในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กันได้แล้ว และถ้าอยากฟังเพลง "เนื้อคู่" ของหนุ่มเสียงดี "บอย พีซเมกเกอร์" แบบเต็มๆ โดนๆ ก็สามารถโหลดมาฟังกันได้ที่ *4969 กด 18 หรือหาซื้ออัลบั้ม "Sense of Sound" ของหนุ่มบอยได้ตามแผงเทปทั่วปะเทศกันได้แล้วจ้า!


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://www.gmmgrammy.com/

Girls Generation เปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษ




โซนยอชิแด (So Nyeo Shi Dae) เปิดใจให้สัมภาษณ์ "พวกเราอยากเป็นสารแห่งความสุขให้กับทุกๆ คน" (Pingbook)

โซนยอชิแด (So Nyeo Shi Dae) (ยุนอา, เจสสิก้า, ซูยอง, ฮโยยอน, ยูริ, แทยอน, ทิฟฟานี่, ซันนี่ และ ซอฮยอน) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิวส์เอน และมายเดลี่ พวกเธอได้กล่าวถึงคำถามเกี่ยวกับการเดบิวของ Wonder Girls ในต่างประเทศ "ได้ยินมาเหมือนกันค่ะว่าพวกเธอจะเป็นศิลปินเปิดคอนเสิร์ตให้กับโจนัส บราเดอร์" เสริม "โจนัส บราเดอร์เป็นศิลปินที่สุดยอดมากๆ ในสหรัฐอเมริกา พวกเราอยากให้ผลออกมาดีเหมือนกันค่ะ"

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเดบิวของตัวเองในต่างประเทศ "ตอนนี้พวกเรายังมีอะไรให้ทำอีกเยอะในเกาหลีเลยค่ะ" เสริม "การที่จะให้พวกเราออกไปต่างประเทศในตอนนี้คงยังค่ะ เราคิดว่าเรายังมีจุดด้อยอีกเยอะค่ะ อีกทั้ง พวกเราอยากจะทำอะไรให้สำเร็จทีละอย่างในเกาหลีก่อนค่ะ" เสริม "พวกเรายังเด็กอยู่เลยค่ะ เรื่องการเดบิวในต่างประเทศยังมีเวลาเหลือให้คิดอีกเยอะค่ะ"

โซนยอชิแด กับการคัมแบ็คสู่วงการเพลงอีกครั้งในรอบ 3 เดือน พวกเธอกล่าว "เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้พวกเราเติบโตขึ้นค่ะ" เสริม "ตอนที่ทำกิจกรรมในเพลง "Gee" ถึงแม้ว่าเราจะได้ยินเสียงบอกว่าพวกเราเติบโตขึ้น แต่ว่าก็ยังได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับความสดใสและความเป็นเด็กของพวกเราด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งนั่นเองทำให้การกลับมาของโซนยอชิแดในครั้งนี้ พวกเราจะเติบโตและมาพร้อมกับเสน่ห์ที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นค่ะ

อีกทั้ง ในฐานะศิลปินกลุ่มแต่พวกเราก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ เนื่องจากมีงานเดี่ยวของสมาชิกแต่ละคนซึ่งนั่นทำให้ผิดความตั้งใจไปเยอะค่ะ" เสริม "และบนเวทีของพวกเรานั้นเหมือนจะขาดอะไรไป กับการคัมแบ็คในครั้งนี้พวกเรารอกันมากค่ะ พวกเราอยากกลับมาทำกิจกรรมทั้ง 9 คนอีกครั้งค่ะ" พวกเธอกล่าว

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับกระแสเกิร์ลกรุ๊ปที่ไหลทะลักออกมาอย่างมากมายในตอนนี้ พวกเธอตอบ "พวกเราก็อยากจะรีบขึ้นเวทีไปพร้อมกับพวกเธอเช่นเดียวกันค่ะ มันคงจะเป็นวันที่น่าตื่นเต้นมากเลยไม่ใช่เหรอคะ" เสริม "พวกเราไม่ได้มองว่าเป็นการแข่งขันค่ะ พวกเราอยากจะไปสนุกกับพวกเธอค่ะ" โซนยอชิแดกล่าว

"พวกเราคิดว่าเรามั่นใจค่ะ" เสริม "พวกเราไม่ได้จะออกมาพูดว่าพวกเรามั่นใจนะคะ แต่พวกเราอยากจะให้ทุกคนได้เห็นโซนยอชิแดในรูปแบบใหม่เท่านั้นเองค่ะ อย่าบอกว่าจะไปแข่งขันกับใครเลยค่ะ พวกเราก็เป็นแค่โซนยอชิแดที่พยายามทำอะไรให้ดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ" พวกเธอกล่าวพร้อมยิ้ม

โซนยอชิแด เปิดเผยกรณีความฮ็อตของ "Gee" "จนถึงตอนนี้พอเรามองกลับไป มันเหมือนฝันเลยค่ะ" พวกเธอหัวเราะ พร้อมกล่าว "ตอนที่พวกเราทำกิจกรรมในครั้งสุดท้าย สมาชิกทั้งหมดเมื่อได้คิดว่าพวกเราต้องอำลา "Gee" แล้วสภาพจิตใจก็ไม่ค่อยดีกันเลยค่ะ" เสริม "ตอนที่ร่างกายพวกเรารู้สึกไม่ดีเราก็จะไปให้น้ำเกลือแล้วมาขึ้นโชว์ต่อเลยค่ะ จริงๆ แล้วสมาชิกทุกคนในวงอยากทำกิจกรรมต่ออีกมากๆ ค่ะ อีกทั้ง ในเพลง "Gee" กับรางวัลอันดับที่ 1 รายการ Music Bank 9 สัปดาห์ติดต่อกันมันทำให้พวกเรามีความสุขค่ะ" เสริม "พอได้มองกลับไปเหมือนเป็นช่วงเวลาแห่งความฝันเลยค่ะ"

เมื่อถูกถามว่ารู้สึกกดดันบ้างไหมกับความฮ็อตในเพลง "Gee" โซนยอชิแดเผย "ถ้าบอกไม่กดดันก็คงโกหกแล้วล่ะค่ะ" เสริม "มีคนถามเข้ามามากเลยว่า ถ้าในครั้งนี้ไม่ได้อันดับที่ 1 รวม 9 สัปดาห์อีกล่ะ นั่นก็เพราะว่า "Gee" โด่งดังมากจนมันทำให้เหมือนเราต้องแบกอะไรเอาไว้ที่ไหล่เลยล่ะค่ะ"

(สำนักมายเดลี่) ทิฟฟานี่ เสริม "กับความรักตลอดช่วงครึ่งปีแรกที่พวกเราได้รับ ถึงแม้ว่ามันจะสามารถทำให้กลายเป็นความกดดันพวกเราได้ แต่ว่ายังไงเราก็อยากจะขึ้นโชว์ให้แฟนๆ ได้เห็นมากกว่าค่ะ" เสริม "หลายๆ คนจะสัมผัสได้เลยถึงการเปลี่ยนแปลงของพวกเราอย่างการเปลี่ยนสีผมค่ะ พวกเรารู้สึกดีค่ะที่ในครั้งนี้พวกเรามาพร้อมกับเพลงใหม่ และจะได้ทำให้แฟนๆ เห็นเสน่ห์ในด้านใหม่ๆ บ้าง"

โซนยอชิแด กล่าวต่อ "จริงๆ แล้วเรื่องรางวัล 1 นั้นพวกเราไม่ได้คิดถึงเลยแม้แต่ครั้งเดียวค่ะ พวกเราพยายามทำงานให้ดีที่สุดจากหัวใจค่ะ ซึ่งถ้ามีคนชื่นชอบเราเราก็รู้สึกดีค่ะ พวกเราอยากเป็นพลังให้กับทุกคน อยากให้สารแห่งความสุขให้กับทุกๆ คนค่ะ แต่ว่าสำหรับผลลัพธ์นั้นคงไม่สำคัญเท่ากับการที่พวกเราได้ขึ้นแสดงในโชว์ที่สนุกสนานหรอกค่ะ จนถึงตอนนี้สิ่งที่เราต้องการมีแค่การได้ขึ้นโชว์บนเวทีเท่านั้นเองค่ะ" เสริม "ตอนนี้เรายังไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์หรือเป้าหมายเลยค่ะ สำหรับพวกเราแล้ว เราคิดว่าแค่การร้องเพลงอย่างมีความสุขและสนุกไปกับมัน ก็จะทำให้ผลลัพธ์ที่ตามออกมาดีไปเองค่ะ"





นอกจากแนวเพลงแล้ว โซนยอชิแด ยังมีการพลิกภาพลักษณ์ในด้านแฟชั่นอีกด้วย เมื่อเทียบกับ "Gee" พวกเธอมาพร้อมกับเครื่องแต่งกายที่เต็มไปด้วยสีสันและกางเกงสกีนนี่ยีนส์ จนสามารถสร้างแทรนด์ใหม่ให้กับวงการในชื่อ "โซชิจีลุคส์" ได้เป็นผลสำเร็จ แต่สำหรับการกลับมาในครั้งนี้พวกเธอมาในสไตล์ของหนึ่งใน "มิลิทารี่ลุคส์ (Military Look)" อย่าง "มารีนลุคส์ (Marine Look)" จนกลายเป็นที่จับตามองจากทุกคนในเวลานี้

โซนยอชิแด กล่าว "แม้ทุกคนจะให้ความสนใจกับแนวคิดของ "มารีนเกิร์ล" แต่เราคิดว่าเครื่องแต่งกายของเราจะมีหมดเลยค่ะ ทั้งทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ" เสริม "เมื่อเทียบกับครั้งก่อน ในครั้งนี้พวกเราจะมาพร้อมกับความรู้สึกวิ๊งมากกว่าเดิมค่ะ ถึงขนาดที่สมาชิกทุกคนยกเว้นยูริต้องไปย้อมผมกันเลยนะคะ"

เมื่อถูกถามถึงเพลงและแนวคิดในการทำกิจกรรม พวกเธอกล่าว "โตขึ้นมากค่ะ และดูดีขึ้นด้วย" เสริม "พวกเราโตขึ้นกันแล้วนะคะ เมื่อเทียบกับ "Gee" พวกเราเหมือนเป็นโซนยอชิแดอีกคนเลยล่ะค่ะ" พวกเธอกล่าว

(สำนักมายเดลี่) โซนยอชิแด เผย "ทั้งทรงผมการแต่งหน้าให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปเลยค่ะ" เสริม "เพื่อให้ทั้งเทคนิคการร้องเพลงและภาพลักษณ์ที่ต้องถูกเปลี่ยนไป ส่งผลให้ทีมงานทุกคนทำงานกันอย่างหนักเลยค่ะ" โดยเฉพาะท่ามกลางสมาชิกในวง อย่าง ซูยอง, ทิฟฟานี่, ยุนอา และ เจสสิก้า ก็จะมาพร้อมกับสไตล์สาวผมสั้น ซึ่งจะให้ความรู้สึกเป็นอะไรที่เปรี้ยวเข็ดฟันอีกด้วย

ซูยองกล่าว "ตั้งแต่ ม. 4 แล้วค่ะที่ฉันไว้ผมยาวมาตลอด สำหรับการตัดผมสั้นในครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ" ส่วนคำถามที่ว่า "ไม่รู้สึกแปลกๆ บ้างหรือ(สำหรับผมสั้น)" ทิฟฟานี่ และ ซูยอง กล่าว "ไม่เลยค่ะ" พวกเธอตอบเป็นเสียงเดียวกัน ซูยองเสริม "ก่อนหน้านี้ก็กังวลนะคะ แต่พอมารวมกับสไตล์ลิสแล้วมันเข้ากันได้ดีมากๆ แถมเวลาสระผมกับเวลาเป่าผมก็สะดวกกว่าเดิมมากๆ เลยค่ะ" เธอหัวเราะ

สำหรับเพลง "Tell Me Your Wish" ในงานอัลบั้มใหม่นี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจาก "Gee" เป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่เธอมักจะมาพร้อมกับภาพลักษณ์อันแสนน่ารักและสดใส และในครั้งนี้พวกเธอมาพร้อมกับท่วงทำนองที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทางด้านเจสสิก้าเผย "มันเคยเป็นเพลงที่เยี่ยมมากค่ะ สำหรับโซนยอชิแดแล้วใช่ค่ะมันคือตัวพวกเราเลย แต่ว่าการที่จะให้พวกเราออกแนวเพลงเดิมๆ มาตลอด แฟนๆ ก็ไม่เห็นภาพลักษณ์อื่นๆ ของเราน่ะสิคะ"

ก่อนหน้านี้ที่หลายๆ คนมักคิดว่า "Tell Me Your Wish" ไม่ใช่เพลงฮุคซอง (Hook Song/เพลงที่มีคำร้องซ้ำๆ) ในกรณีนี้ทิฟฟานี่เผย "ฉันคิดว่าเหตุผลที่คนคิดว่าเพลงนี้ไม่ใช่เพลงฮุคซองเพราะว่า เมื่อเทียบกับเพลง "Gee" ก่อนหน้านี้ท่อนฮุคของเราคือคำว่า "Gee" แต่สำหรับในเพลงนี้มันคือคำว่า "Tell Me Your Wish (โซวอนึล มัลแฮปา)" ค่ะ"

แต่ว่า ซันนี่ กล่าว "จริงๆ แล้ว ครั้งที่แล้วกับเพลง "Gee" ฉันว่ามันไม่ใช่เพลงฮุคซองอะไรนั่นหรอกค่ะ" เธอกล่าวย้ำว่าเพราะการที่ไม่ใช่เพลงฮุคซอง ในครั้งนี้จึงไม่มีความสำคัญอะไรเลยว่าฮุคหรือไม่ฮุค เธอเสริม "พวกเราแค่พยายามที่จะทำเพลงดีๆ ออกมาค่ะ" เธอกล่าวพร้อมความมั่นใจ

อนึ่ง โซนยอชิแด เตรียมคัมแบ็คในวันที่ 26 มิถุนายน ผ่านทางรายการ KBS 2TV "Music Bank" พร้อมกับเพลงไตเติ้ล "Tell Me Your Wish (Genie)" เป็นครั้งแรก


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
PINGBOOK ENTERTAINMENT

ในหลวง ตรัสภูมิใจได้กินข้าวไทย - ต้องตระหนักรักษาไว้



ในหลวงตรัสภูมิใจได้กินข้าวไทย - ต้องตระหนักรักษาไว้ (กรุงเทพธุรกิจ)

ในหลวง ขอบใจกระทรวงวิทย์ฯ ถวายสิทธิบัตร ตรัสภูมิใจได้กินข้าวไทย คนไทยหนักใจมานาน หวั่นจะต้องกินข้าวฝรั่ง เพราะสิทธิบัตรฝรั่ง

เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 24 มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงอุทิศกำลังพระวรกายในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาพันธุ์ข้าว และการผลิตข้าวไทย และกราบบังคมทูลรายงานเกี่ยวกับสิทธิบัตรยีน ที่ควบคุมความหอมในข้าว โอกาสนี้ ทรงมีพระราชดำรัสกับคณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

"ขอขอบใจทุกท่านที่นำสิทธิบัตรนี้ ซึ่งถือเป็นการประกันว่า ข้าวไทยเป็นของไทยแท้ ซึ่งคนหนักใจว่าเรากินข้าวไทยมานานแล้วจะกลายเป็นต้องไปกินข้าวฝรั่ง เพราะว่าสิทธิบัตรนี้เป็นของฝรั่ง แต่ว่าสิทธิบัตรที่ได้นี้จะเป็นหลักประกันว่าเรากินข้าวไทย และจะได้กินข้าวไทยต่อไป ฉะนั้นการที่มีสิทธิบัตรนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ และก็หวังว่าทุกคนจะรักษาความเป็นไทยไว้ ด้วยการกินข้าวไทย ไม่ต้องกินข้าวฝรั่ง ขอขอบใจทุกคนที่ได้จัดการเกี่ยวข้องกับเรื่องประกันนี้ สำหรับในนามของคนไทยทั้งหลายที่มีความภูมิใจที่ได้กินข้าวไทย ขอขอบใจทุกคนที่ทำงานเพื่อการนี้ ขอให้ท่านได้ช่วยกันทำให้เราสามารถสืบของไทย แล้วก็กินข้าวไทยแท้ไม่ใช่ต้องไปกินข้าวฝรั่ง เชื่อว่าการกินข้าวไทยนี้ทำให้คนไทยมีความภูมิใจในความเป็นไทย ก็ขอขอบใจทุกท่านที่ทำงานเพื่อการนี้ต่อไป และได้เป็นคนไทยต่อไป"

สำหรับเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านหน้าของเหรียญ เป็นพระสาทิสลักษณ์ในหลวง และรวงข้าว ด้านหลังเหรียญสดุดีเป็นตัวเลขไทย 80 พรรษา และรวงข้าวโอบ พร้อมคำประกาศพระเกียรติคุณ ประดิษฐ์จากทองคำบริสุทธิ์ร้อยละ 96.5 น้ำหนักรวม 29 บาท ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 9.9 เซนติเมตร



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
กรุงเทพธุรกิจ

วิธีการป้องกันตัวจาก ไข้หวัด2009 แบบง่ายๆ โดยหมอแมว

วิธีการป้องกันตัวจาก ไข้หวัด2009 แบบง่ายๆ โดยหมอแมว








เชิญชมวิธีการป้องกันตัวจากไข้หวัด2009 แบบบ้านๆ กันครับ By หมอแมว (Pantip)

รอมาตั้งสัปดาห์...วิทยุ โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ ยังไม่เห็นบอกวิธีป้องกันตัวแบบชัดๆ เลย งั้นผม (หมอแมว) ขอทำหน้าที่แทนสื่อวิทยุ-โทรทัศน์แล้วกันครับ

ครั้งที่แล้วเราได้คุยเรื่องไข้หวัด 2009 ไปแล้ว ว่ามันไม่ได้น่ากลัวขนาดที่เราต้องตื่นตระหนกกัน แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรประมาท เพราะว่าในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตัวอื่นที่รุนแรงกว่าตัวนี้ได้ และยังรวมไปถึงเรื่องโรคติดต่อทางเดินหายใจโรคอื่นๆ ที่ระบาดกันทุกๆ ปี ตามพื้นที่ต่างๆ อันมีส่วนมาจากการที่คนส่วนมากไม่ใส่หน้ากากอนามัยเวลาป่วย และไม่ค่อยล้างมือ ดังนั้น วันนี้ผมขอนำเสนอเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เกี่ยวกับการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ที่จะช่วยให้คุณและสังคมรอบข้างรอดพ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคครับ

การแพร่เชื้อทางอากาศเกิดขึ้นได้ยังไง

เวลาเราหายใจ พูด ไอ หรือจาม จะมีละอองฝอยของหยดน้ำลอยออกมาจากร่างกายของเราครับ (Droplets) หยดน้ำเล็กเหล่านี้สามารถลอยฟุ้งไปในอากาศได้ และในระหว่างที่มันยังไม่ระเหยไป เชื้อโรคที่อยู่ในนั้นก็ยังสามารถแพร่ไปยังคนรอบข้างได้อยู่ ซึ่งระยะอันตรายคือ 1 เมตร ส่วนระยะสำหรับการจามอาจจะไกลถึง 3 เมตร ดังนั้น ถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานครก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่เราจะหลีกเลี่ยงละอองเหล่านี้ หากมันลอยออกมาจากปากของคนที่ป่วยแล้ว









ถ้าไม่มีหน้ากากล่ะ ทำอย่างไร

ถ้าไม่มีหน้ากากให้จามใส่ทิชชู่ครับ จากนั้นก็ทิ้ง แต่ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ควรจะใช้อะไรมาบังปากไว้ แต่ปัญหาคือถ้าเราใช้มือ พอเราเดินไปก็จะเอาน้ำลายไปป้ายที่อื่นๆ ได้ ดังนั้น จึงขอแนะนำว่าเวลาไอ จาม ให้ไอ จาม ใส่ข้อพับแขน

เป็นคำแนะนำที่กองควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกาแนะนำกันครับ









ใส่หน้ากากอย่างไร

วิธีการใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องก็คือ การใส่แล้วทำให้อากาศผ่านตัวหน้ากากครับ เพราะหน้ากากจะได้กรองเอาละอองไป ส่วนการใส่หน้ากากที่ไม่มิดชิดหรือมีรูรั่วจะไม่เกิดประโยชน์ในแง่การกรองเลย อาจจะแค่ป้องกันละอองใหญ่ๆ ที่กระเด็นมาโดนหน้าเท่านั้น









1. ใส่ N95 แต่ใส่ไม่มิด...ป้องกันละอองไม่ได้ ไม่เท่ 2. หน้ากากทักซิโด้ ไม่คลุมจมูก...ป้องกันไม่ได้ แต่เท่ 3. หน้ากากแสงจันทร์...โอเคครับ คลุมมิด พอป้องกันได้...ดูไม่เท่เท่าไหร

จะเลือกเท่หรือเลือกติดหวัดก็ต้องเลือกเอาล่ะครับ

สำหรับคนที่ไปซื้อหน้ากากอนามัยมาจากร้านต่างๆ แล้วไม่แน่ใจว่าใส่ถูกหรือไม่ ผมทำเป็นคลิปมาให้ดูครับ






การใส่หน้ากากอนามัยให้ได้ผล




เรื่องต่อไปคือเรื่องของการล้างมือครับ

บางคนอาจจะสงสัยว่า เชื้อหวัดมันมากับอากาศ แล้วเราจะล้างมือไปทำไม ช่วยอะไรได้หรือ คงต้องย้อนกลับไปดูที่ภาพการแพร่เชื้อทางอากาศครับ จะเห็นว่าขนาดของอนุภาคที่ออกมามีตั้งแต่เล็กไม่กี่ไมครอน ไปจนกระทั่งถึง 1,000 ไมครอน เมื่ออนุภาคลอยออกมา พวกที่เล็กมากๆ จะระเหยไปและเชื้อก็ตายไป พวกที่เล็กปานกลางลอยไปได้ประมาณ 1-3 เมตร และลอยเข้าจมูกไปได้ ส่วนพวกที่ขนาดใหญ่ๆ บางทีจะติดตามมือที่เอาไปบังปากเวลาไอ จากนั้นก็ไปจับลูกบิดประตู จับโต๊ะ ทำให้เชื้อไปเปื้อนตามพื้นผิว คนที่เดินตามมาทีหลังจับเข้าไป เชื้อก็ไปอาศัยความชื้นจากเหงื่อในมือทำให้อยู่ได้นานขึ้น สุดท้ายพอเอามือไปขยี้ตา แคะจมูก หรือหยิบของเข้าปาก เชื้อโรคก็แล่นเข้าได้อย่างรวดเร็ว

เว่อร์ไปหรือเปล่า เชื้อมันจะติดตามมือได้เลยหรือไง

บางคนอาจจะมองว่าเว่อร์เกินไปหรือเปล่า มาทำให้ตระหนก งั้นมาฟังเรื่องนี้ครับ…

ชายพิการแขนขาขยับไม่ได้คนหนึ่ง ไปโรงพยาบาลเพื่อไปตรวจร่างกายตามนัดปกติ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ได้ตรวจหน้าท้องของชายคนนั้น เป็นหน้าท้องแห้งๆ ไม่ได้สกปรกอะไร คุณคิดว่าจะต้องล้างมือหรือไม่? ทั้งที่ไม่มีอะไรเปียกชื้น









คำตอบอยู่ในภาพครับ ชายพิการคนนั้นมีการตรวจพบว่ามีเชื้อ MRSA ซึ่งเป็นเชื้อโรคดื้อยาอยู่ในช่องจมูก และเมื่อเอามือเจ้าหน้าที่ที่ตรวจหน้าท้องไปป้ายเจลเพาะเชื้อ ก็พบว่ามีเชื้อ MRSA ซึ่งเป็นเชื้อดื้อยาอยู่จริงๆ ดังนั้น หวัด...แม้ว่าจะเป็นไวรัสซึ่งแตกต่างจาก MRSA แต่ว่ามันก็มีความเสี่ยงที่จะติดได้ครับ ที่สำคัญ...ที่เราเน้นกัน เราไม่ได้ป้องกันแต่หวัดอย่างเดียว เราต้องการป้องกันโรคอื่นๆ ไปด้วยพร้อมกัน ซึ่งการล้างมือนั้นช่วยได้

การล้างมือที่ถูกวิธีมีอย่างไร

จากการรณรงค์ให้ล้างมือเป็นเวลา 10 กว่าปี อุปสรรคสำคัญ คือ จำไม่ได้ว่าต้องล้างอย่างไรครับ สมัย 10 ปีก่อน มีการล้างมือ 7 ขั้นตอน ซึ่งถ้าให้ท่องผมก็จำไม่ได้หรอกครับ (แต่ทำเป็น) และคิดว่านั่นคือสาเหตุหนึ่งที่คนอาจจะยังไม่ชอบการล้างมือให้ถูกวิธี เพราะคิดว่ายุ่งยากจนเกินไป กับการมานั่งจำว่าต้องล้างอย่างไร








ภาพนี้เป็นภาพที่ผมเห็นภาพแรกๆ เมื่อสัก 10 ปีก่อน และค่อนข้างชัดเจนครับ อาจจะนำไปลองหัดกันได้ แต่ถ้ารู้สึกว่ายังมากวิธีเกินไป เดี๋ยวเรามาดูวิธีอื่นกันครับ


การล้างมือ 6 ขั้นตอน

การล้างมือ 6 ขั้นตอน เป็นวิธีที่ทางผมรู้มาจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล รายละเอียด คือ กระทรวงสาธาณสุข วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุข ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนล้างมือให้ครบ 6 ขั้นตอน เพื่อลดการติดเชื้อ

วิธีจำการล้างมือ 6 ขั้นตอน แบบใหม่ง่ายมาก * หน้ามือ 2 ถูฝ่ามือซอกนิ้ว ปลายนิ้ว และลายเส้น * หลังมือ 2 ถูหลังมือ ซอกนิ้ว เน้นข้อต่างๆ * หมุน 2 หมุนหัวแม่มือ และข้อมือ อย่างเบาบาง

จริงๆ พออ่านเข้าแล้ว มันมีแค่ 3 ขั้นตอนเท่านั้นเองครับ เพียงแต่ว่าเค้านับมือทั้ง 2 ข้าง แยกขั้นตอนกัน ดังนั้น ง่ายมากๆ เลยจริงๆ (รายละเอียดเข้าไปดูได้ที่นี่)

แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าล้างยังไง เรามาดูคลิปตัวต่อไปกันครับ







วิธีการล้างมือแบบ 6 ขั้นตอน






และคลิปนี้เป็นการล้างมือแบบเดิม แต่ผมทำเน้นๆ ให้ดูมือเดียว เพื่อให้เห็นกันชัดๆ ครับ จำง่ายๆ ครับ ส่วนที่จะเข้ามามีปัญหาคือส่วนที่แคะ แกะ เกา หรือปลายนิ้วนั่นเอง ดังนั้น เวลาล้างทุกครั้งต้องใช้ปลายนิ้วถูลงไป จำอะไรไม่ได้เลย ก็ล้างเน้นปลายนิ้วมือครับ







วิธีล้างมือ 6 ขั้นตอน "มือเดียว"




สรุปแล้วมาตรการแบบบ้านๆ ในการป้องกันเชื้อหวัดและเชื้อโรคที่มากับอากาศ มีดังนี้...

1. ไอ จามใส่ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ (ใช้แล้วทิ้งให้เป็นที่) 2. ถ้าไม่มีจริงๆ ให้ไอ จามใส่ข้อพับแขน 3. ถ้ามีหน้ากากอนามัย ก็ให้คนที่ไอใส่ 4. ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือ น้ำ + สบู่ โดยล้างตามขั้นตอนทั้ง 6

ง่ายแค่นี้เองครับ ความจริงแล้วเรื่องการรณรงค์การรักษาสุขอนามัย ในการล้างมือและการสวมหน้ากากอนามัยนี้ ได้มีมานานแล้วครับ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่หลายแห่ง ได้ติดป้ายรณรงค์การล้างมือและวิธีล้างมือไว้ แต่หลังจากนั้นไม่นานมีหนังสือพิมพ์บางฉบับ นำข่าวไปลงว่าที่คนป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดตายในโรงพยาบาลกันมาก เพราะหมอไม่ยอมล้างมือ ?!? แล้วข่าวก็เงียบหายไป

เมื่อหลายปีก่อน "นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ" (ที่รักษา บิ๊ก D2B) ได้รณรงค์เรื่องการล้างมือและการใช้หน้ากากอนามัยในผู้ที่เป็นหวัด และก็เช่นเดิม คือขนาดทำเป็นโครงการมีนักร้องมาประชาสัมพันธ์ สุดท้ายก็เหมือนเดิม ช่วงไข้หวัด SARS ไข้หวักนก การประชาสัมพันธ์ทางพื้นที่ข่าวทำให้มันกลายเป็นโรคที่รุนแรงน่ากลัว จนคนป่วยหลายคนก็ไม่ยอมใส่หน้ากากเพราะกลัวถูกรังเกียจ มาครั้งนี้ไข้หวัด 2009 จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะมาเริ่มต้นกัน

ล้างมือให้สะอาด ใส่หน้ากากอนามัยกันเถอะครับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก กระปุกดอทคอม

เขียนโดย : หมอแมว
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
- cdc.gov/flu/protect/covercough.htm
- askdrc.missouri.edu/prevention.php
- camfilfarr.com
- content.nejm.org
- ทางอินเทอร์เน็ต











ภาพหลุด สวีต เป้ ก้อย





ก้อยเผยไม่เครียดที่ถูกแถบถ่าย แต่กลัวคนจะติดภาพเซ็กซี่ ยันไม่ได้ซ้อมฮันนีมูนแค่ไปพักผ่อนและไปกันหลายคน รับพ่อแม่เครียด บอกให้ระวัง...

ก้อย ไม่แคร์ ภาพหลุด สวีต เป้

ถึงจะไม่ ใช่ภาพหวือหวา แต่เป็นภาพหลุดทริปไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ของสาว ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ กับแฟนหนุ่มมาดเซอร์ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ โผล่ว่อนทั่วอินเตอร์เน็ต ดูสวีตหวาน อวดความเซ็กซี่ เห็นส่วนโค้ง-ส่วนเว้าของสาวก้อย คาดว่ามีมือดีแชะภาพ เลยไปถามก้อย ในงานแฟชั่นโชว์ "MC & Match independent style by Smallroom" มีคนแอบถ่ายภาพทั้งคู่จริงมั้ย "คิดว่าเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นภาพมันคงไม่หลุดออกมาหรอก คงไม่ถ่ายกันเองแล้วเอามาปล่อยอยู่แล้ว แต่ภาพก็ไม่มีอะไรเสียหาย แล้วมันก็เป็นเวลาส่วนตัวของเรา เราอยากจะไปพักผ่อน ถามว่าโกรธมั้ย ไม่โกรธค่ะ ก้อยกับเป้เฉยๆ แต่ถ้าครั้งหน้าเจอกัน มาขอถ่ายดีๆก็จะให้ถ่าย ดีกว่ามาแอบถ่ายแบบนี้" มีผลกระทบยังไงบ้าง "สำหรับตัวก้อยเองนะ ไม่ได้เครียดหรือรู้สึกว่ามันเป็นภาพที่ไม่ดี แต่คนอื่นที่ไม่รู้จักเรา จะมองยังไง ไม่อยากให้คนติดภาพ คนมองว่าเดี๋ยวนี้ก้อยเซ็กซี่ ใส่บิกินี แต่มันมีเสื้อคลุม มันเป็นการพักผ่อน เราไปว่ายน้ำ เราไปดำน้ำ ไม่อยากให้ใครมาคิดว่าเราจะเปลี่ยน

ภาพตัวเองไปเป็นแนวนั้นรึเปล่า ก้อยยังเป็นเหมือนเดิม สิ่งที่ออกไปมันก็เป็นงานเท่านั้นเอง คนที่เป็นนางเอกไม่ได้กินน้ำส้มตลอดเวลา คนที่เป็นตัวร้าย ตัวจริงเค้าอาจจะธรรมะธัมโมก็ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปติดอะไรกับภาพที่คุณเห็น มาเจอตัวจริง สัมผัสตัวจริงให้รู้ไปเลยดีกว่า" คนมองว่าไปซ้อมฮันนีมูน "ไม่ใช่ค่ะ แค่ไปพักผ่อนเฉยๆ ไปกับเพื่อนหลายคนด้วย" คนมองด้านชู้สาวรู้สึกยังไงบ้าง "ก้อยว่ามันไม่น่าจะเป็นถึงขั้นนั้น ภาพที่เห็นคือมีเพื่อนๆอยู่ด้วยหลายคน แล้วไม่ได้ทำอะไรเสียหาย" คุณพ่อ คุณแม่ว่ายังไง "คุณพ่อ-คุณแม่เห็นไม่ ได้อยู่ตรงนี้ เครียดกว่าเรา บอกให้ ระมัดระวัง ก้อยก็บอกว่าเราระวังแล้ว แต่มันยังเกิดขึ้นได้ คงต้องรอบคอบมากกว่านี้ ไม่งั้นต้องฝากบอกคนที่อยากจะมาถ่าย รูปเราว่า เข้ามาเลย ถ่ายเลยเต็มที่ แต่อย่าแอบถ่ายเลย".




สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย : thairath.co.th

Tags : ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ เป้ เสลอ เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ภาพหลุด

ปูดเสื้อผี มีสัญลักษณ์ชัยชนะ คาดใหญ่



เสื้อทีมเหย้ารุ่นใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีตัว V สีดำขนาดใหญ่พาดหน้าอกตัดกับสีแดงของตัวเสื้อ เป็นสัญลักษณ์แทนคำว่า victory หรือชัยชนะนั่นเอง จากการรายงานของ เดลี่ เมล์ ฉบับวันพุธที่ผ่านมา


แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมเปิดตัวเสื้อแข่งแบบใหม่ที่จะใช้ในฤดูกาลหน้าออกมา ซึ่งดีไซน์ขึ้นนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการเปิดใช้งานสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สังเวียนเหย้าของสโมสรที่เปิดใช้ตั้งแต่ปี 1909 และส่วนหนึ่งของการออกแบบจะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงเสื้อแข่งที่ขุนพล "เร้ด เดวิลส์" สวมใส่กันเมื่อ 100 ปีที่แล้วด้วย

ภาพที่ "ปีศาจแดง" ปล่อยออกมาเป็นนายแบบอย่าง เวย์น รูนี่ย์, ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ พาร์ค ชี ซอง ที่สวมเสื้อใหม่แบบมืดๆ เพราะต้องการยั่วน้ำลายแฟนๆ ก่อนงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า โดยระหว่างนี้ กองเชียร์ที่อยากได้ก่อนสามารถสั่งจองผ่านทางเว็บไซต์ได้

อย่างไรก็ดี ทาง เดลี่ เมล์ ได้ใช้เทคนิคพิเศษทำให้ภาพสว่างขึ้น เผยให้เห็นว่า บนหน้าอกของเสื้อสีแดง จะมีสัญลักษณ์คล้ายตัว V พาดใหญ่อยู่ด้วย

ทั้งนี้ นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด จะสวมเสื้อใหม่ยี่ห้อ ไนกี้ ลงเล่นในเกมที่เล่นกันเอาผลกันจริงจังครั้งแรกในวันที่ 9 สิงหาคมที่มีคิวเตะกับ เชลซี ในศึก คอมมิวนิตี้ ชีลด์ ที่ เวมบลีย์




สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย : siamsport.co.th

Tags : เสื้อทีมเหย้า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด

อินเทล ควงโนเกีย ปั้มสุดยอดเครื่องเล่นเน็ต พกพา

อินเทล (Intel) และโนเกีย (Nokia) ประกาศความร่วมมือในโครงการพัฒนาอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตพกพายุคใหม่ ระบุจะร่วมมือกันสร้างเทคโนโลยีสำหรับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์โมบายล์อินเทอร์เน็ตที่ดีกว่าเดิม ทุกฝ่ายเชื่องานนี้อินเทลเฮลั่นเพราะสามารถขยายอาณาจักรออกนอกตลาดคอมพ์ เข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนได้สบายๆ ขณะที่โนเกียก็อาจมีแนวโน้มขายสมาร์ทโฟนได้มากยิ่งขึ้น

รายงานระบุว่า อินเทลจะฝังเทคโนโลยีโมเด็มลิขสิทธิ์โนเกียลงในชิปของตัวเอง โดยทั้งสองจะวิจัยและพัฒนาร่วมกันในด้านซอฟต์แวร์ด้วย เช่น การเพิ่มความสามารถซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ จุดนี้ Anand Chandrasekher ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มอุปกรณ์เคลื่อนที่พิเศษของอินเทลแถลงว่า ซอฟต์แวร์ที่ทั้งอินเทลและโนเกียจะพัฒนาร่วมกันนั้นจะเป็นซอฟต์แวร์มาตรฐานเปิดที่นักพัฒนารายอื่นสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อทำงานด้วยได้อย่างเสรี

เชื่อว่าผลจากโครงการนี้จะทำให้เกิดอุปกรณ์เก็ดเจ็ดรุ่นใหม่ที่สามารถดึงดูดใจผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งในรูปสมาร์ทโฟนแบรนด์โนเกีย และอุปกรณ์พกพาอื่นๆที่จะใช้ชิปอินเทลในอนาคต สิ่งที่เกิดขึ้นอาจทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนเดินตามรอยตลาดโน้ตบุ๊ก ที่สามารถแตกเซ็กเมนต์ใหม่ออกมาเป็นตลาดเน็ตบุ๊ก (netbooks) คอมพิวเตอร์พกพาราคาประหยัดกว่า กินไฟต่ำกว่า ประสิทธิภาพน้อยกว่า และมีขนาดเล็กกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก แต่สำหรับสมาร์ทโฟนนั้นอาจแตกเซ็กเมนท์ออกมาเป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนที่สามารถทำงานเป็นคอมพิวเตอร์พกพาได้อย่างแท้จริง

ที่น่าสนใจคือ ความร่วมมือที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การร่วมกันวิจัยและพัฒนาธรรมดาๆ เนื่องจากทั้งอินเทลและโนเกียส่งสัญญาณว่าจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในนามของทั้งสองบริษัท แต่ยังไม่มีการประกาศรายละเอียดใดๆออกมาในขณะนี้

Kai Oistamo รองประธานฝ่ายอุปกรณ์ของโนเกีย กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างโนเกียและอินเทลว่าเป็นพันธกิจสำคัญระหว่าง 2 บริษัทเพื่อสร้างระบบประมวลผลเคลื่อนที่แห่งอนาคต

"เราจะมองหาแนวคิดการออกแบบใหม่ วัสดุ และการแสดงผล ซึ่งจะทำให้โนเกียเดินทางไปไกลกว่าโลกของอุปกรณ์และบริการซึ่งโนเกียให้บริการในตลาดขณะนี้"

ความร่วมมือนี้ถูกมองว่าจะเป็นก้าวที่สำคัญมากสำหรับอินเทล เพราะความร่วมมือนี้จะทำให้ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลกสามารถเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนได้สบายๆ ซึ่งเป็นตลาดที่อินเทลมองว่าจะสามารถสร้างความเติบโตให้กับบริษัทได้อย่างมาก

ที่ผ่านมา อินเทลประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากชิปรุ่นเล็กราคาประหยัดซึ่งออกแบบมาเพื่อติดตั้งในคอมพิวเตอร์เน็ตบุ๊ก ที่มีทิศทางตลาดขยายตัวต่อเนื่องในขณะนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่าอินเทลต้องการแทรกตัวเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนในก้าวต่อไป




สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย : manager.co.th

Tags : อินเทล Intel โนเกีย Nokia สมาร์ทโฟน

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP