เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

พัฒนาอย่างไรให้รู้จัก “พอใจในตัวเอง”

พัฒนาอย่างไรให้รู้จัก “พอใจในตัวเอง”
การ เรียนรู้ที่จะ “พอใจในตนเอง” เป็นกระบวนการทางจิตวิทยาเพื่อพัฒนาตนเองและยังเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะนำไป สู่การรู้จัก “นับถือตนเอง” (Self-esteem) และความเชื่อมั่น เพราะตราบใดที่เราสามารถรู้สึกพึงพอใจในตนเองอย่างแท้จริงได้ เราจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขและรู้สึกเต็มยิ่งขึ้นไม่ว่าจะ ต้องประสบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม ดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราที่ตรัสเรื่องของ “ความพอเพียง” ไว้อยู่เสมอ

มีขั้นตอนที่ไม่ยากเกินไปที่เราสามารถปฏิบัติได้เพื่อให้พอใจในตนเอง ดังนี้

ดูแลเอาใจใส่ตัวเอง ดูเหมือนไม่ยาก แต่กลับไม่ง่ายนักในทางปฏิบัติ ชีวิตประจำวันในทุกวันนี้ ต้องอาศัยวินัยและความหนักแน่นในการควบคุม และเตือนให้เอาใจใส่ตัวเองให้มากขึ้นเสมอ

กินดีให้ได้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับเรื่องของการดูแลเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพและการออก กำลังกายสารพัดวิธีที่ดีและเหมาะสม สิ่งที่สำคัญคือ ทำให้ได้และให้เป็นกิจวัตร เพราะวิถีสุขภาพดีนี้ จะนำมาซึ่งความสุขทางกายแล้วส่งผลให้คุณมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ทำให้มีความสุขทางใจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่คุณจะสามารถรู้สึกพอใจในตนเองได้

อย่าเผลอลืมผ่อนคลาย แม้คุณจะง่วนอยู่กับงานทั้งวัน แต่ควรหาเคล็ดลับที่ช่วยคลายความเครียดหรือความจำเจมากระตุ้นต่อมเพื่อคลายเครียดบ้าง เช่น หากต้องทำงานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา อาจหาเว็บไซต์ที่ชวนหัวเราะไว้ในรายการโปรดของคุณด้วย หรือ ตั้งเป็นหน้าแรกไว้ คุณจะได้เริ่มต้นวันด้วยอารมณ์แจ่มใสตั้งแต่เริ่มงาน

ยอมรับว่าใช่ นี่แหละตัวฉัน การ รู้สึกเห็นพ้องอย่างซื่อสัตย์กับใจตนเองต่อบุคลิก ลักษณะนิสัยของคุณเอง เป็นการยอมรับในความเป็นตัวตนของคุณ และมันจะสะท้อนถึงการกระทำและพฤติกรรมที่แท้จริงของคุณออกมา

รู้จักหมั่นคิดสิ่งดี หาสิ่งจรรโลงใจที่จะหล่อหลอมความเป็นคน “คิดดี” ให้กับตนเองเสมอๆ เช่น อ่านหนังสือดีๆ ฟังดนตรีไพเราะ ใฝ่หาและเพิ่มพูนความรู้ที่เป็นประโยชน์และทันสมัยให้ตนเองตลอดเวลา การเรียนรู้ยิ่งมาก ยิ่งเพิ่มความมั่นใจในตนเองตามไปด้วย

หลีกลี้การเปรียบเทียบ เคยลองสังเกตตัวเองางไหมว่าเราชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นโดยไม่รู้ ตัว ทั้งนี้เป็นเพราะแนวโน้มธรรมชาติวิสัยของมนุษย์ โดยเฉพาะการนำจุดด้อยของตนเองไปเปรียบเทียบกับจุดเด่นของผู้อื่น จึงมักก่อให้เกิดความรู้สึกสลดทดท้อในตัวเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อกระบวนการพัฒนาตนเองเลยแม้แต่น้อย และควรจำไว้ว่า ไม่ มีความจำเป็นอะไรที่เราต้องไปพิสูจน์ตัวตนให้คนอื่นเห็นเสมอไป เพราะตัวเราเองที่รู้ดี เป็นตัวของตัวเองแล้วคนอื่นจะเห็นเองไม่ช้าก็เร็ว

จัดระเบียบพัฒนาความพิเศษของตน ฝึกฝนและแบ่งปัน แทนที่จะมัวนั่งเปรียบเทียบกับคนอื่น หันมาค้นหาจุดเด่นที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง ย้ำกับตัวเองเสมอว่า “ทุกคนต้องมีความพิเศษในตัว” ฉะนั้นอย่ามัวซึมเศร้าว่าตัวเราช่างไร้ค่า อะไรก็ไม่เก่ง อะไรก็ไม่เป็น ถ้าคุณมัวแต่คิดเช่นนั้น คุณก็จะเป็นอย่างที่คุณคิด บางคนหาไม่เจอในความพิเศษของตัว ลองเปลี่ยนวิธีหา คิดดูว่า อะไรคือสิ่งที่คุณชอบที่สุด และนั่นล่ะคือสิ่งที่จะทำให้คุณค้นเจอในความพิเศษของตัวเองได้ เมื่อพบแล้ว ต้องหมั่นฝึกฝนพัฒนาให้ดีขึ้นแล้วนำมาแบ่งปันแลกเปลี่ยน ความพิเศษนั้นจะ พิเศษยิ่งขึ้นเพราะได้เป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วย ผู้รับก็พึงพอใจและประทับใจในเรา และนั่นเป็นหนทางที่เราจะเกิดความภาคภูมิ และพึงพอใจในตัวเอง

รู้จักหมั่นเรียนรู้ที่จะต่อสู้กับการ “ให้อภัย” เพราะการให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ การ ให้อภัยเป็นกุศลบุญที่สร้างความสุขให้ทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างหนึ่ง รวมถึงการให้อภัยตัวเองเพราะนอกจากจะเป็นการลดภาระอันหนักอึ้งที่สะสมอยู่ใน ใจ คุณจะมีความสุขได้เมื่อรู้สึกว่าใจไม่ติดค้างกับใคร แม้กระทั่งกับคุณเอง

ควรฝึกจิตให้พอใจกับสิ่งใดๆที่ได้รับ หากคุณยังรู้สึกว่าตัวเองยังโชคร้าย ลองคิดทบทวนหรือบันทึกสิ่งดีๆที่คุณได้รับในแต่ละวัน แล้วคุณจะประหลาดใจว่ามากมายสิ่งดีที่ยังผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วคุณจะเห็นว่าตัวเองนั้นโชคดีกว่าคนอื่นอีกหมื่นแสนล้านหลายเท่านัก

อย่างไรก็ดี พุทธศาสนสุภาษิตได้กล่าวไว้ว่า “ยัง ลัทธัง เตนะ ตุฏฐัพ พัง” หมายความว่า “ได้สิ่งใดพึงพอใจด้วยสิ่งนั้น” หากทุกคนรู้จักพอและรู้จักประมาณตน นั่นหมายถึงเราได้คิดบวก ชีวิตบวกนั่นเอง


ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

" จงพอใจในสิ่งที่ตนมี "

ฮวงจุ้ยที่นอน..ควรรู้

ฮวงจุ้ยที่นอน....พิจารณาฮวงจุ้ยของตำแหน่งเตียงนอน

1.เตียงนอนใต้ไฟ ศีรษะมีไฟส่อง กระสับกระส่ายไม่สบายตัว

2.เตียงนอนอยู่ใต้คาน ทำให้ต้องรับภาระหนัก มีเรื่องให้แก้ปัญหาเสมอ

3.เตียงนอนมีเสาบังอยู่ทั้ง 2 ข้าง เหมือนถูกบีบจากเสามีแต่เรื่องเครียดอยู่ตลอดเวลา

4.เตียงนอนตรงประตูทางเข้าออก ป่วยออดๆ แอดๆ เสมอ

5.เตียงนอนตรงประตูห้องน้ำ ป่วยด้วยโรคช่องท้อง เช่น มดลูก ท่อปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก อัมพาต

6.เตียงนอนวางลอยๆ กลางห้อง เหมือนเมรุเผาศพ คนเดินผ่านได้รอบข้างเป็นการจัดวาง ที่รับอันตรายได้รอบทิศทางถือว่าไม่เป็นมงคล

7.กระจกแผ่นใหญ่ส่องเตียงนอน ป่วยง่าย ทำให้ตกใจง่าย เหมือนถูกผีหลอกทั้งๆ ที่เป็นตัวเอง การป่วยจะเป็นการป่วยเรื้อรัง

8.วางเตียงนอนไว้ใต้บันได ถือว่ารับแต่ของสกปรก หรืออัปมงคลไว้ตลอดเวลาเป็นลักษณะกดทับแก้ปัญหายาก

9.เตียงนอนใต้แอร์ส่วนหัวเตียง ศีรษะจะถูกกดทับ

10.มีแฟน นอนบนเตียง มักจะนอนไม่ค่อยหลับสนิท แถมโคลงเคลงไปมา จะปวดตามบั่นเอวและแน่นหน้าอก จะปวดหน้าขา แต่ในขณะเดียวกันก็มีการเกร็งช่องท้องเหมือนจะตกจากที่สูงแต่ก็จะรู้สึกสนุกและเสียวไปในตัว ขณะเดียวกันก็จะรู้สึกมึนหัวคล้ายๆกับว่าจะต้องก้มหรือโก้งโค้งอะไรประมาณนั้น บางครั้งถ้าเฮี้ยนมากๆก็จะละเมอร้องครวญครางออกมาไม่เป็นภาษา ..แต่จะมีความสุข แต่ในบางรายที่องค์ลงตัวและจิตอ่อนก็อาจจะมีอาการท้องบวม เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ข้างในและท้องจะโตขึ้นเรื่อยๆจนถึงเดือนที่9 จะมีกุมารหรือกุมารีน้อยมาคอยปกป้องรักษาจิตใจเราให้ดีขึ้น

กูเกิล ขออภัย ส่งคำเตือนพลาด



ความผิดพลาดกรณีข้อความ"เว็บไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ"ที่ปรากฏต่อท้ายลิงก์ทุกรายการในหน้าผลการสืบค้นของกูเกิลเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ขอบคุณภาพจากคุณ TRUENO_86

ความผิดพลาดกรณีข้อความ"เว็บไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ"ที่ปรากฏต่อท้ายลิงก์ทุกรายการในหน้าผลการสืบค้นของกูเกิลเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ขอบคุณภาพจากคุณ TRUENO_86

กูเกิลขออภัยกรณีส่งคำเตือนแก่ผู้ที่สืบค้นข้อมูลบนเว็บไซต์กูเกิลช่วง 21.30-22.25 น. ของวันเสาร์ที่ผ่านมาผิดพลาด ไม่ได้ถูกแฮกแต่เป็นเพราะคนกูเกิลเองที่ทำพลาดจนทำให้ข้อความ "เว็บไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ" หรือ "This site may harm your computer" ปรากฏต่อท้ายลิงก์ทุกรายการในหน้าผลการสืบค้น

คำเตือนที่ผิดพลาดนี้เกิดขึ้นกับผลการสืบค้นบนกูเกิลทุกภาษาทั่วโลกในช่วงเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่ประมาณ 3 ทุ่มครึ่งถึง 4 ทุ่มครึ่งตามเวลาในประเทศไทยของวันเสาร์ที่ 31 มกราคม โดยผลการสืบค้นข้อมูลในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีข้อความเตือนว่าเว็บไซต์นี้อาจแฝงไวรัสแนบท้ายในทุกรายการ จุดนี้กูเกิลชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นในบล็อกของบริษัทว่าเป็นเพราะพนักงานกูเกิลใส่โค้ดอัปเดทรายชื่อเว็บไซต์แฝงมัลแวร์ผิดพลาด

ที่ผ่านมา ข้อความ"เว็บไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ"นั้นถูกกูเกิลใช้เป็นเครื่องหมายในการเตือนภัยให้ผู้บริโภคระมัดระวังการคลิกลิงก์เข้าสู่เว็บไซต์ที่ตรวจพบว่ามีการแฝงโปรแกรมประสงค์ร้ายในเว็บไซต์ ซึ่งพร้อมติดตั้งตัวเองในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ โดยรายชื่อเว็บไซต์ที่กูเกิลยืดเป็นหลักในขณะนี้ส่วนใหญ่รวบรวมผ่าน StopBadware.org โครงการการกุศลของนักเรียนทุนด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและออกซ์ฟอร์ด

พนักงานกูเกิลอัปเดทรายการเว็บไซต์ผิดพลาดเพราะการใส่เครื่องหมาย "/" โดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเครื่องหมายดังกล่าวมีความหมายว่าต้องการเลือก URL ทั้งหมด เป็นผลให้ข้อความเตือนปรากฏในรายการสืบค้นทุกรายการ

ขณะนี้กูเกิลแก้ไขข้อผิดพลาดเรียบร้อยแล้ว และได้ขออภัยในความไม่สะดวกต่อผู้ใช้ตลอดเวลาประมาณ 40 นาทีที่เกิดขึ้น รวมถึงเจ้าของเว็บไซต์ที่ทำให้ถูกพาดพิงด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

"เราจะสอบสวนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง และจะตรวจสอบความถูกต้องให้แน่นหนาขึ้นเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก" มาริสสา เมเยอร์ (Marissa Mayer) รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์สืบค้นและประสบการณ์ผู้ใช้ กล่าวในแถลงการณ์

google translate แปลภาษาไทยได้แล้วครับ

http://translate.google.com/ เป็นประโยชน์มากครับ ลองใช้กันดู

คริสโตเฟอร์ โรเบิร์ตส หนุ่มที่จูจุ๊บกับ มด คุณัชญา


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และ ดาราเดลี่

เป็นข่าวฮือฮาอีกครั้งสำหรับ "มด-คุณัชญา ชัยรัตน์" ที่ก่อนหน้าก็ถูกกระแสคลิปแอบถ่ายขณะอาบน้ำ ไปเต็มๆ ล่าสุดก็เป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อมีภาพหลุดที่สาวมด ไปจูจุ๊บเพื่อนหนุ่มไฮโซรูปหล่ออย่าง "คริส-คริสโตเฟอร์ โรเบิร์ตส" ถูกตีพิมพ์ลงบนนิตยสารดาราฉบับหนึ่ง งานนี้เลยทำให้ชื่อของ คริสโตเฟอร์ โรเบิร์ตส เป็นที่สนใจขึ้นมาเลยทีเดียว เอาล่ะค่ะ ถ้าเช่นนั้นเราก็ไปทำความรู้จัก คริสโตเฟอร์ โรเบิร์ตส กันดีกว่า

หนุ่มคริส หรือ คริสโตเฟอร์ โรเบิร์ตส เป็นลูกชายของอดีตเจ้าของเวอร์จิ้นเรดิโอ ปัจจุบันอายุ 17 ปี เรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นนายแบบไฮโซที่เคยเป็นอดีตแฟนเก่าของหญิงแม้น ม.ร.ว แม้นนฤมาส ยุคล เสียด้วย ก่อนจะมีข่าวว่าสาวมด เป็นมือที่ 3 ทำให้หนุ่มคริสกับหญิงแม้น ต้องสวมคอนเวิร์ส ทางใครทางมัน
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของหนุ่มคริส กับสาวมดก็พัฒนาขึ้นมาจนสนิทสนมกันเป็นพิเศษ เพราะมีข่าวว่าทั้งคู่ไปช็อปปิ้ง ไปเรียนพิเศษ และไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ก่อนจะมีข่าวออกมาอีกว่า หนุ่มคริสซึ่งเรียนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยอมที่จะแอดมิชชั่นอีกรอบ เพื่อสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ ในสถาบันเดียวกัน ตามสาวมดที่ตั้งใจจะสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์เช่นกัน ซึ่งสาวมดก็ออกมาปฏิเสธว่า เพราะคณะอักษรศาสตร์เรียนหนักมาก เลยทำให้หนุ่มคริสเรียนไม่ไหวต่างหาก พร้อมยืนยันว่า เธอกับคริสเป็นแค่เพื่อนที่สนิทที่สุดจริงๆ

"มดว่าเรายังเด็ก อนาคตมดยังเจอคนอีกเยอะ คงไม่คิดจะฝากชีวิตไว้กับใคร มันยังไม่ถึงเวลา มดมองว่าความรักสำหรับมดตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะมี คริสเป็นแค่เพื่อนที่ปรึกษาอะไรกันได้ โอเคยอมรับว่าวัยรุ่นก็ต้องมีบ้าง แต่ยังไม่มีเวลาที่จะมาคิดจริงๆ จังๆ แล้วก็อยากเรียนให้จบก่อน แล้วค่อยจริงจังกับเรื่องนี้ดีกว่า แต่กับคริส ณ ตอนนี้ ก็เหมือนเพื่อนช่วยเพื่อน ได้คุยกันแล้วสบายใจค่ะ" มด กล่าวยืนยัน

สำหรับการคบหากันของทั้งคู่นั้น ก็อยู่ท่ามกลางกระแสข่าว "แม่ไม่ปลื้ม" เพราะสาวมด ชอบไปเที่ยวดึกๆ ดื่นๆ กับหนุ่มคริส แถมยังมีภาพหลุดของคริสกับมดหอมแก้มกันออกมา รวมทั้งภาพสวีทกันในโรงหนัง จนคุณแม่ปวริษา ชัยรัตน์ แม่ของมดต้องไม่พอใจที่สาวมดรู้จักกับหนุ่มคริส แล้วก็มีแต่ข่าวเสียๆ หายๆ ก่อนที่สาวมดจะออกมาแก้ข่าวว่า แม่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับหนุ่มคริสเลย น่าจะเป็นการปล่อยข่าวมากกว่า อีกทั้งเวลาเธอไปไหน แม่ก็จะไปด้วยเสมอ พร้อมกับยืนยันคำเดิมว่า เธอและคริสเป็นแค่เพื่อนกัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะเงียบไป ก็กลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง เมื่อมีทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวของสาวมดจูจุ๊บกับหนุ่มคริส ลงตีพิมพ์ในหน้านิตยสาร และเผยแพร่คลิปว่อนอินเทอร์เน็ต ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของคนสายตาดีวิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นภาพที่ถ่ายกันในห้องนอน ทำให้สาวมดที่รู้เรื่องต้องรีบออกมาแก้ข่าวว่า เป็นภาพที่ถ่ายในร้านอาหาร หาใช่ห้องนอนแต่ประการใด พร้อมกับกล่าวขอโทษคุณแม่ที่ทำให้เสียใจ

ขณะที่หนุ่มคริส ก็รีบออกมาขอโทษครอบครัวของสาวมด และยอมรับว่าเสียใจมากที่ภาพเช่นนี้หลุดออกไป ที่สำคัญ คือ ไม่ได้ต้องการเกาะกระแสใครดัง

"ผมยังไม่เห็นภาพจึงไม่แน่ใจว่าถ่ายช่วงไหน ตามปกติถ่ายคู่กันก็ไม่มีเกินเลย อาจจะถ่ายนานมาแล้วแต่จำไม่ได้ ที่สำคัญยังงงอยู่ว่าจู่ๆ มีรูปหลุดออกมาได้อย่างไร เพราะรูปที่เคยโพสต์ลงใน hi5 ก็เป็นรูปคู่ที่ถ่ายเล่นกันธรรมดาๆ ไม่แน่ใจว่ามีคนมาแฮกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ไปหรือไม่ ส่วนจะดำเนินการเช่นไรนั้น ต้องขอดูรูปให้แน่ชัดเสียก่อน ยอมรับว่า เรื่องนี้ตกใจ รู้สึกเสียใจมาก อยากจะขอโทษมดและครอบครัวที่ทำให้เสียหาย ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย เพราะเพิ่งจะรู้จริงๆ ขอยืนยันเราคบกัน เป็นเพื่อนกันด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่คิดว่าจะมาเกาะกระแสดัง เรื่องอะไรแบบนี้ผมคงไม่ทำหรอก มันเสียความรู้สึกและผมไม่คิดอยากจะมาดังอะไรมากมายด้วย" หนุ่มคริส ให้สัมภาษณ์

ส่วนคุณแม่ปวริษาก็ถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นภาพเหล่านี้ และรู้สึกเสียใจกับภาพที่ออกมา แต่เชื่อว่าเป็นเพราะสาวมดยังเด็กอยู่ และเป็นคนขี้เล่น ถ่ายรูปกันสนุกๆ ไม่ได้คิดอะไร ทั้งนี้ก็ยืนยันว่าจะกลับไปสอนลูกสาวใหม่ เรื่องการคบหาเพศตรงข้าม เพื่อจะได้ไม่มีเรื่องเช่นนี้ออกมาอีก

"เพิ่งเห็นภาพเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ ในฐานะของคนเป็นแม่ ก็รู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากน้องมดยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ดังนั้นคุณแม่จึงมีหน้าที่ที่จะต้องค่อยๆ อบรมและสั่งสอนน้อง สำหรับการคบเพื่อนต่างเพศในกรณีนี้ ก็มีการพูดคุยกับน้องและพยายามให้ทั้งคู่ห่างกันมาประมาณสองเดือนแล้ว"

เฮ้อ... แต่ว่าเห็นภาพสนิทสนมกันขนาดนี้แล้ว ใครจะคิดอย่างไร ก็ต้องพิจารณากันเอาเองแล้วล่ะจ้ะ

ฟังเพลงดังมีผลต่อปอด

เราอาจจะทราบกันดีว่าการฟังเพลงเสียงดังๆ หรืออยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังนั้นจะส่งผลเสียต่อการได้ยินแล้วแต่วันนี้เราจะบอกคุณว่า การฟังเสียงดังยังส่งผลร้ายมากกว่านั้น เพราะอาจทำให้ปอดล้มเหลวได้

คณะผู้เชี่ยวชาญได้เขียนรายงาน Thorax โดยกล่าวถึงกรณีของผู้ที่มีประสบการณ์ปอดล้มเหลวเพราะชอบฟังเพลงดังๆ 4 ราย ทั้งนี้อาการปอดล้มเหลวที่เกิดจากการฟังเพลง ฟังดนตรีเสียงดังนี้วงการแพทย์เรียกว่าอาการนูโมโธแรกซ์

ชายคนหนึ่งมีประสบการณ์ในการเป็นนูโมโธแรกซ์ขณะกำลังขับรถ ซึ่งจู่ๆ เขาก็เกิดหายใจติดขัดและเจ็บหน้าอกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทว่าแพทย์ได้เชื่อมโยงอาการของเขากับลำโพงเสียงเบสที่ได้มีการติดเพิ่มเติม ในรถของเขาเพื่อให้เครื่องเสียงในรถมีพลังเสียงมากขึ้น

อาการนูโมโธแรกซ์จะเกิดขึ้นเมื่ออากาศเข้าไปแทรกตัวในช่องว่างระหว่างปอดกับพังผืดซึ่งห่อหุ้มปอดไว้ โดยจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีรอยแยกขนาดเล็กที่ผนังปอด ซึ่งวงการแพทย์คิดว่าการถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงและถี่ๆ เช่นการฟังเพลงเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยแยกในปอด เพราะอากาศและเนื้อเยื่อในปอดจะตอบสนองต่อปฏิกิริยาทางเสียงแตกต่างกัน

ตามปกติ ความเสี่ยงที่จะมีอาการปอดล้มเหลวมักจะมีสาเหตุจากการสูบบุหรี่ หรืออาการเจ็บป่วยที่ทำให้ผู้ป่วยอ่อนแอลง การเป็นโรคที่เกี่ยวกับปอดอย่าง เรื้อรัง หรือการใช้ยาหรือสารที่มีฤทธิ์ระงับความตื่นตัวและยากดประสาท
เช่น ยานอนหลับ บาบิทูเรต ยาสลบ หรือแอลกอฮอล์


อย่างไรก็ตาม แม้อาการปอดล้มเหลวที่เกิดจากการฟังเพลงเสียงดังจะเป็นกรณีที่ไม่ค่อยเกิด ขึ้นก็ตาม แต่อาการดังกล่าวก็สามารถส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้รับออกซิเจนไม่ เพียงพอ และชีวิตของผู้ป่วยก็จะตกอยู่ในอันตราย

ดร.จอห์น ฮาร์วีย์ จากโรงพยาบาลเซาท์มีด ในบริสทอล ซึ่งเขียนรายงาน Thorax ร่วมกับคณะนักวิจัยจากประเทศเบลเยียม กล่าวกับทางบีบีซีว่า เขาไม่คิดว่าจะมีใครสามารถยับยั้งไม่ให้คนไปสโมสร หรือไปตามสถานที่ที่มีเสียงดังๆ ได้ แต่เราอาจจะแนะนำผู้คนให้หลีกเลี่ยงการยืนใกล้ๆ
คนที่พูดเสียงดังหรือไม่แต่งเติมเครื่องเสียงในรถจนมากเกินไป

"อาการปอดล้มเหลวที่เกิดจากการฟังเพลงดังนั้นมักจะเกิด กับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงถึง 3 เท่า และอาการเจ็บปวดของโรคนูโมโธแรกซ์ก็มักจะเกิดขึ้นในขณะที่อยู่ในสโมสร หรืออยู่ใกล้ๆ ลำโพงเสียงเบสขณะกำลังชมคอนเสิร์ต"

เครดิต: http://hits4teen.com/viewthread.php?tid=957

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP