เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

ฟังเดอะช็อคออนไลน์ ( ผีฟังสด SHOCK FM 101 MHz )



สำหรับทุกท่านที่มีหัวใจกล้า พร้อมรับฟังเรื่องราวผีๆไปกับทีมงานเดอะช็อคในช่วงเวลาใหม่ ( SHOCK FM 101 MHz ) ตั้งแต่เที่ยงคืนครึ่งถึงตีสามครึ่ง ( 24.30 – 03.30 น.)ครับ ฟังทุก วันจันทร์ - ศุกร์ ์ขอให้รายการดีๆนี้อยู่คู่สังคมไทยไปตราบนานเท่านานครับ

คลิกที่นี่เพื่อรับฟัง


Tags : ฟังผีสด , the shock ฟังสด , Fm 101 MHz the shock , ฟังสดเดอะช็อค

ฟังรายการเดอะช็อคสด The Shock FM 101 MHz น่ากลัวจนขนหัวลุก

















ช่องที่ 1










ช่องที่ 2










ช่องที่ 3










ช่องที่ 4







ช่องที่ 5





ช่องที่ 6


Tags : ฟังผีสดๆจากรายการ The Shock ทุก วันจันทร์ - ศุกร์ - เวลา 24.30 - 03.30 ทาง FM 101 MHz อีเมล์ E- mail : shockfm@hotmail.com


ฟังเดอะช็อคออนไลน์ Online




ฟังรายการ Big Shock Online ป๋อง แอนด์เดอะแก็งค์ ( GANG กัดมัน ) คลิกที่นี่

ฟังรายการสดสยอง LIVE SHOCK (Live) ทุกวันพุธ 22.00-23.00 คลิกที่นี่

รับชมช่องรายการ มิติ 4 (MITI4) คลิกที่นี่

ฟังคลื่นวิทยุ ยอดนิยมทั้งหมด คลิกที่นี่

ฝน รับเต็มปากเลิก ตูน แล้ว

ฝน นันทกา - ตูน บอดี้สแลม


ฝน รับเต็มปากเลิก ตูน แล้ว (สยามดารา)

ใส่เกียร์ถอยห่างกันอีกคู่แล้ว สำหรับ ''ฝน'' นันทกา วรวณิชชานันท์ กับ ''ตูน'' อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ''ตูน บอดี้สแลม'' ที่ฝ่ายหญิงออกมายอมรับกับสื่อมวลชนในงาน ''ไนน์ เอ็นเตอร์เทน ก้าวใหม่ 9 สู่ความเป็นหนึ่ง'' ว่าตนได้โบกมือลาเลิกกับนักร้องหนุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากฝ่ายชายอยากจะโฟกัสเรื่องงาน พร้อมโต้ข่าวว่าตนเอาแต่ใจจนฝ่ายชายทนไม่ไหว

''ตอนนี้พี่เค้าทำงานหนักเรื่องออกอัลบั้มใหม่ ก็เลยต้องโฟกัสเรื่องงาน ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้คุย ก็ให้เวลากับพี่เค้าเรื่องงานอย่างเดียว ส่วนเรื่องความรักฝนยังไม่ห่างนะ ก็ยังเป็นกำลังใจให้อยู่ตลอด ส่วนข่าวที่บอกว่าเราทะเลาะกัน ไม่ได้ทะเลาะกันเลย ห่างกันเพราะเรื่องงานอย่างเดียว ถามว่ายังเรียกว่าแฟนได้รึเปล่า ก็เรียกว่าเป็นคนที่ให้กำลังใจให้เค้าก็แล้วกัน''

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามต่อว่าดูเหมือนช่วงนี้ฝนผอมลง ''ฝนก็อ้วน ๆ ผอม ๆ อยู่แล้วค่ะ ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย''

ต่อคำถามที่ว่ามีคนเห็นตูนควงสาวคนใหม่ไปเที่ยวทะเล เกี่ยวกับเรื่องนี้ฝนบอกว่า ''ไม่มีค่ะ ก็ยังคุยกันอยู่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ฝนยอมรับว่าสถานะถอยลง แต่ตัวฝนเองก็ยังเป็นกำลังใจให้ตูนเสมอนะ เพราะที่ผ่านมา เค้าก็ดูแลเราเป็นอย่างดี''

ส่วนข่าวที่บอกว่าฝนเป็นคนเอาแต่ใจจนพี่เค้ารำคาญ อันนี้ไม่จริงค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่สาเหตุแน่นอน ถามว่าใครเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน คือตูนอยากโฟกัสเรื่องงาน เป็นรื่องที่เค้าตัดสินใจดีแล้ว เราก็ต้องเคารพเนอะ แต่ถึงจะห่างกัน แต่ก็ยังเป็นห่วงเสมอ และก็ฝากเพลงพี่เค้าด้วยนะคะ''



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.siamdara.com/hotnews/091216_41214.html

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ดาลาเดลี่

แก้ภาษาไทยให้กับเว็บเบราว์เซอร์ Firefox

สวัสดีครับ วันนี้เรามาแก้ภาษาไทยให้กับเว็บเบราว์เซอร์ Firefox กันดีกว่า
เมื่อคุณเปิด Firefox ให้เลือกไปที่ Tools --> Optoins
คุณสามารถแก้และตั้งค่าได้ตามรูปภาพเลยครับ


ดิ อีเกิลส์



จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ?
ดิ อีเกิลส์
ข้อมูลพื้นฐาน
แหล่งกำเนิด ลอสแอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
แนวเพลง ร็อก,คันทรีร็อก,โฟล์กร็อก
ปี 1971–1980
1994–ปัจจุบัน
ค่าย Asylum, Geffen Records, Lost Highway, Universal
เว็บไซต์ eaglesband.com
สมาชิก
เกลนน์ เฟรย์
ดอน เฮนลีย์
ทิโมธีบี ชมิท
โจ วอล์ช
อดีตสมาชิก
เบอร์นี่ ลีดอน
แรนดี ไมส์เนอร์
ดอน เฟลเดอร์


ดิ อีเกิลส์ ((อังกฤษ: The Eagles) เป็นวงอเมริกันร็อก เริ่มก่อตั้งวงในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 สมาชิกในปัจจุบันคือ เกลนน์ เฟรย์, ดอน เฮนลีย์, ทิโมธีบี ชมิท และโจ วอล์ช

ประวัติ

เฟรย์ และ เฮนลีย์ ได้รับการว่าจ้างเป็นวงดนตรีแบ็คอัพของ ลินดา รอนสตัดท์ ในฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 2514 ส่วน ไมส์เนอร์ และลีดัน ร่วมเป็นนักดนตรีแบ็คอัพในการทัวร์คอนเสิร์ตฤดูร้อน ของ ลินดา รอนสตัดท์ เช่นกัน โดยทั้ง 4 เปิดแสดงโชว์เล็ก ๆ ร่วมกันครั้งนึง ที่ ดิสนีย์แลนด์

เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2514 ทั้ง เกลนน์ เฟรย์, ดอน เฮนลีย์, เบอร์นี่ ลีดอน และ แรนดี ไมส์เนอร์ เซ็นสัญญากับบริษัทแผ่นเสียง แอสไซลัม เรคคอร์ด หลังจากนั้นไม่นานจึงตั้งชื่อวงว่า ดิ อีเกิลส์ ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 บินไปอังกฤษและ ใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการบันทึกเสียงผลงานชุด The Eagles โดย กลีน จอห์นส์ ทำหน้าที่ควบคุมการผลิต และวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน มีเพลงดังอย่าง "Take It Easy" เป็นต้น

ดิ อีเกิลส์ออกตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตตลอดปี พ.ศ. 2515 จนกระทั่งถึงต้นปี พ.ศ. 2516 และบินไปอังกฤษอีกครั้งพร้อมกับ กลีน จอห์นส์ เพื่อบันทึกเสียงผลงานชุดที่ 2 Desperado ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพวกนอกกฎหมาย และวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2516 มีเพลงดังอย่าง "Tequila Sunrise" และ "Desperado"

หลังจากนั้นพวกเขามารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อผลิตผลงานชุดที่ 3 กับ ผู้ควบคุมงานดนตรี กลีน จอห์นส์ ได้เกิดความขัดแย้งกันด้านแนวความคิด พวกเขาแยกกันทำงานภายหลังจากอัดเสียงไปได้เพียง 2 เพลงเท่านั้น คือ "You Never Cry Like a Lover" และ "The Best of My Love"

ภายหลังการทัวร์คอนเสิร์ตตอนต้นปี พ.ศ. 2517 โจ วอล์ชได้จ้างโปรดิวเซอร์ บิล ซิมซิค มาทำงานดนตรีที่เหลือทั้งหมดใน ผลงานชุด On the Border โดย บิล ได้นำ ดอน เฟลเดอร์ ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของ เบอร์นีย์ ลีดอน ทุกคนในวงประทับใจและยินดีที่ได้ร่วมงานกับสมาชิกใหม่ ผลงานชุด On the Boarder วางจำหน่ายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2517 สามารถทำสถิติผลงานชุดที่ขายได้รวดเร็วที่สุดของดิ อีเกิลส์ และในเดือนเดียวกันนั้นเองผลงานซิงเกิลแรก "Already Gone" พุ่งเข้าสู่ท็อป 20 แต่บทเพลงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในผลงานชุดนี้และทำให้ ดิ อีเกิ้ลส์ และมีเพลงดังอันดับ 1 ในอเมริกาอย่าง "The Best of My Love"

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2518 ได้ออกผลงานชุดที่ 4 ชุด One of These Nights ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยสามารถคว้ารางวัลแผ่นเสียงทองคำ ในเดือนเดียว และทะยานสู่อันดับหนึ่งในเดือนกรกฎาคม พร้อมกับ 3 ซิงเกิ้ลยอดนิยมที่ไต่อันดับเข้าสู่ 1 ใน 5 ไม่ว่าจะเป็น บทเพลงที่พุ่งสู่อันดับหนึ่ง อย่าง "One of These Nights", "Lyin' Eyes" และ "Take It to the Limit" โดยเพลง "Lyin' Eyes" ได้รับรางวัลแกรมมี ประจำปี 2518 สาขาการร้องเพลงป็อปยอดเยี่ยม โดยนักร้องกลุ่มหรือประสานเสียง นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ผลงานชุดยอดเยี่ยมแห่งปี ส่วนซิงเกิ้ลเพลง "Lyin' Eyes" ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลแผ่นเสียงยอดเยี่ยมแห่งปี

เบอร์นี่ย์ ลีดอน ลาออกจากวง และต่อมาได้รับ โจ วอล์ช เข้าร่วงวง และออกทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกันในทันที และออกผลงานรวมฮิต ชุด อีเกิ้ลส์ : แดร์ เกรทเทสท์ ฮิตส์ 1971-1975 ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 โดยคว้ารางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว จากยอดจำหน่ายกว่า 1 ล้านแผ่น

ผลงานชุดที่ 5 Hotel California ออกวางขายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2519 โดยคว้ารางวัลแผ่นเสียงทองคำภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ และขึ้นสู่อันดับหนึ่งในเดือนมกราคม พ.ศ. 2520 และต่อมาสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้กว่า 10 ล้านแผ่น มีเพลงดัง "New Kid in Town" และ "Hotel California" ขึ้นอันดับหนึ่งในอเมริกา นอกจากนี้เพลง "Hotel California" ยังคว้ารางวัลแผ่นเสียงยอดเยี่ยมแห่งปี ในการประกาศ รางวัลแกรมมี่ ประจำปี พ.ศ. 2520

ต่อมาในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2520 พวกเขาเริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก โดยเริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน แล้วไปยุโรปและตะวันออกไกลอีกหนึ่งเดือน และกลับมาในสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคม เมื่อจบทัวร์ในเดือนกันยายน แรนดี้ ไมส์เนอร์ตัดสินใจลาออกจากวง โดยมีสมาชิกใหม่เข้ามาแทนที่ นั่นคือ ทิโมธี่ บี ชมิท

ดิ อีเกิลส์เริ่มต้นทำผลงานชุดใหม่ โดยใช้เวลานานเกือบหนึ่งปีครึ่ง The Long Run ออกจำหน่ายในเดือนกันยายน พ.ศ. 2522 อัลบั้มชุดนี้ขึ้นสู่อันดับหนึ่งและได้รับรางวัลแผ่นทองคำขาวอยู่หลายแผ่น ส่วน Heartache Tonight ไต่ขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในอเมริกา ส่วนเพลง "I Can't Tell You Why" สูงสุดที่อันดับ 8 และ "The Long Run" เข้าสู่อันดับ 8 บนอันดับของชาร์ทซิงเกิ้ลเช่นกัน นอกจากนี้เพลง "Heartache Tonight" ได้รับ รางวัลแกรมมี่อวอร์ด สาขาการร้องเพลงร็อกยอดเยี่ยมโดยนักร้องกลุ่มหรือประสานเสียง ในปี พ.ศ. 2522

และได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2523 และบันทึกผลงานชุด การแสดงสด Eagles Live และยังได้ออกผลงาน แอล.พี. คู่ (Double L.P.) ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2523 และติดอันดับเพลงยอดนิยม 1 ใน 5

ดิ อีเกิลส์ประกาศแยกวงอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2525 สมาชิกทั้ง 5 ต่างแยกย้ายมีผลงานเดี่ยวของตนเอง จนกระทั่งได้กลับมารวมวงใหม่ โดยบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตพิเศษของ MTV ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2537 และมีผลงานออกวางจำหน่ายตามมาในเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้น ทางวงออกผลงานชุด Hell Freezes Over ซึ่งขึ้นอันดับหนึ่งของชาร์ท และมียอดจำหน่ายได้หลายล้านแผ่น ซึ่งมีเพลงใหม่อย่าง "Get Over It" ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 40 ของ ชาร์ทเพลงป็อบ และเพลง "Love Will Keep Us Alive"

ดิ อีเกิลส์รวมกันอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2541 โดยได้รับการบันทึกในทำเนียบ ร็อก แอนด์ โรล ฮอล ออฟ เฟม ซึ่งมีทั้งสมาชิกวงปัจจุบันและอดีตสมาชิกอย่าง ลีดอน และ ไมส์เนอร์ และต่อมาวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ได้แสดงคอนเสิร์ตส่งท้ายสหัสวรรษที่ สเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ ใน ลอสแอนเจลิส โดยมีการบันทึกเสียง และรวบรวมไว้ในผลงานชุดรวมฮิต Selected Works 1972 - 1999 วางขายเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543

ในปี พ.ศ. 2550 กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้ม Long Road Out of Eden ที่วางขายในร้าน วอล-มาร์ต และ Sam's Club ซึ่ง ณ ขณะนั้นบิลบอร์ดไม่นับยอดขายที่ขายผ่านทางร้านขายปลีกแบบรายเดียวนี้เข้าไปด้วย แต่ก่อนที่จะประกาศอันดับเพียง 24 ชั่วโมง บิลบอร์ดได้ออกมาประกาศกฎใหม่ ทำให้อัลบั้ม Long Road Out of Eden ขึ้นอันดับ 1 ไปได้ ทำให้อัลบั้ม Blackout ของบริทนีย์ สเปียร์สซึ่งวางขายในสัปดาห์เดียวกันอยู่ที่อันดับ 2


ผลงาน

สตูดิโออัลบั้ม
พ.ศ. 2515 Eagles
พ.ศ. 2516 Desperado
พ.ศ. 2517 On the Border
พ.ศ. 2518 One of These Nights
พ.ศ. 2519 Hotel California
พ.ศ. 2522 The Long Run
พ.ศ. 2550 Long Road Out of Eden
[แก้]
อัลบั้มแสดงสด
พ.ศ. 2523 Eagles Live
พ.ศ. 2537 Hell Freezes Over
พ.ศ. 2547 Eagles Farewell Live From Melbourne I
[แก้]
อัลบั้มรวมเพลง
พ.ศ. 2519 Their Greatest Hits (1971-1975)
พ.ศ. 2525 The Eagles Greatest Hits, Vol. 2
พ.ศ. 2528 The Best Best of the Eagles
พ.ศ. 2537 The Very Best of the Eagles (1994)
พ.ศ. 2543 Selected Works: 1972-1999
พ.ศ. 2544 The Very Best of the Eagles (2001)
พ.ศ. 2546 The Very Best of the Eagles (2003)
พ.ศ. 2548 Eagles Box Set

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/ดิ_อีเกิลส์
ข้อมูลภาษาอังกฤษ
http://en.wikipedia.org/wiki/Eagles

แม้วสอนมาร์ค ทำสิ่งถูกต้อง ถวายในหลวง



อดีตนายกฯทักษิณ แนะเดินสายกลางแก้ปัญหามาบตาพุด ชี้ยังไม่สาย หากทุกฝ่ายเดินตามกติกา อย่ามี 2 มาตรฐาน เพื่อถวายความสุขแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จัดรายการวิทยุ "ทอล์ค อะราวด์ เดอะ เวิลด์" ผ่านทางเว็บไซต์ www.thaksinlive.com ว่า ขอตอบข้อเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ขอให้ทุกฝ่ายทำสิ่งที่ถูกต้องถวายในหลวง โดยต้องให้นายอภิสิทธิ์ทำสิ่งที่ถูกต้องด้วย ตลอดที่ผ่านมา 1 ปี ปัญหาต่างๆเกิดขึ้น เพราะหลายฝ่ายไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง พรรคการเมืองบางพรรคบอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง มีม็อบยึดสนามบินทหารก็ไม่ดำเนินการ และยังมีการชิงอำนาจทุกระบบทุกวิธีการ ระบบยุติธรรมไม่เป็นธรรม ไม่ทำตามกติกา กฎหมาย จนทำให้เกิดความไม่ถูกต้อง ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกลุ้มพระทัย

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้ยังไม่สายเกินไป ถ้าทุกฝ่ายเดินตามกติกาอย่างเคร่งครัด สิ่งที่ผิดไปก็มาทำให้ถูกต้อง เคารพกติกา เคารพกฎหมาย ไม่ใช่มุ่งทุจริตคอรัปชั่น เอางบประมาณไปซื้อสื่อ จนทำให้เกิดความไม่เป็นกลาง อย่าไปอ้างพระองค์ท่านเพื่อมาทะเลาะกัน ทุกคนไม่มีสิทธิผูกขาดความรักชาติ รักพระเจ้าอยู่หัว เพราะรักได้ทุกคน ถ้าไม่เลิกเอาชนะคะคาน เลิกเอาเปรียบ ก็ไม่มีทางสงบ ศาล องค์กรอิสระ ก็ขอให้มีความยุติธรรม อย่ามี 2 มาตรฐาน ถ้าทุกคนอยากถวายความสุขแด่พระเจ้าอยู่หัว ก็ต้องทำหน้าที่ให้ตรงไปตรงมา

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ ความขัดแย้งแบ่งขั้วรุนแรง อยากเห็นแนวทางที่ร่วมกัน มากกว่าการกำจัดกัน อย่าผูกขาดจงรักภักดี อย่าผูกขาดความรักชาติ หันหน้าหาแนวทางร่วมกันดีกว่า ตนเห็นหลายประเทศพังเพราะสงคราม ขัดแย้งภายใน พังเพราะแย่งชิงกันแล้วมันน่ากลัวมาก สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของไทยตอนนี้ ยังต้องพึ่งพาการส่งออกอยู่มาก อยากให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจภาคประชาชนมากๆ เพราะวันนี้ไปกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ กระตุ้นพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า รัฐบาลอย่าไปห่วงการเมืองมาก ขณะนี้ ประเทศยังไม่ค่อยดี มีปัญหาเรื่องการจ้างงานพอสมควร

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อถึงปัญหามาบตาพุดว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาพอสมควร กระทรวงการคลังได้วิเคราะห์ความเสียหาย พบว่าทำให้ตัวเลขจีดีพีมีปัญหา เรื่องนี้ตนอยากให้เดินทางสายกลาง ให้การลงทุนอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับประชาชน เป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน ทำไมไม่ไปตรงนั้น ทำไมต้องไปที่ศาลอย่างเดียว อย่าไปใช้กฎหมายเป็นตัวจับอย่างเดียว อาจจะต้องเสียต้นทุนเพิ่มขึ้นบ้าง เอาความปลอดภัยและการลงทุนให้อยู่ร่วมกันได้ หันหน้าเข้าหากัน เอานักวิทยาศาสตร์ที่เป็นกลางเข้ามาคุย การสร้างงานก็จะเกิดชาวบ้านก็มีงานทำ แต่อย่าทำให้สิ่งแวดล้อมเสีย เอาความเจริญไปให้เขาได้หรือไม่ ไปปรับปรุงแล้วไปบอกศาลปกครองน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด วันนี้รัฐบาลต้องให้เวลาประชาชนมากกว่านี้ เพราะได้ให้เวลากับการเมืองมากไป

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า เมื่อทุกฝ่ายอยากให้บ้านเมืองสงบไม่มีความขัดแย้ง ถ้าทุกคนอยากถวายความสุขให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บ้านเมืองมีความมั่งคั่ง ทุกฝ่ายจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานคณะกรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างไปเข้าข้าง หรือถือหาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เชื่อว่าบ้านเมืองจะไปต่อได้ สื่อมวลชนเองก็อย่าเพลินกับงบโฆษณาของรัฐบาล จนลืมอุดมการณ์หายหมด ข้าราชการก็ต้องทำตามคำสั่งที่ถูกต้อง เพราะคนที่รับผิดชอบทางกฎหมาย คือ ตัวข้าราชการเอง ทั้งนี้เราทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thairath.co.th/content/pol/51825

แม่วิศวกรสุดทน จวก'คำรบ' ทำลูกชายติดคุก


นางสิมารักษ์ ณ นครพนม

แม่วิศวกรไทยวอน'จิ๋ว-แม้ว-เพื่อไทย'ช่วยลูกชาย เตรียมทำเรื่องขออภัยโทษไม่คิดอุทธรณ์ เปิดใจจวกแหลก 'คำรบ'ต้นเหตุทำลูกชายรับกรรม จี้ออกมาปรากฏตัวแสดงความรับผิดชอบ...

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวภายหลังทราบผลการตัดสินของศาลกัมพูชาคดีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย โดยนางสิมารักษ์ ณ นครพนม ได้โฟนอินมาร่วมแถลงข่าวกับนายพร้อมพงศ์ด้วย

โดยนางสิมารักษ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ จากนี้ไปคงไม่มีที่พึ่งไหนอีกแล้ว จึงอยากขอความช่วยเหลือจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ช่วยลูกชายให้ได้รับอิสรภาพ โดยการขอพระราชทานอภัยให้ ขอฝากเรียน พล.อ.ชวลิต อีกครั้งให้ช่วยตนและลูกด้วย เพราะสภาพจิตใจตอนนี้สุดๆแล้ว ยิ่งเห็นลูกถูกพันธนาการ น้ำตามันกลั้นไม่อยู่

นางสิมารักษ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนคงได้ยินคำพิพากษาแล้ว สื่อมวลชนก็คงได้ฟังด้วย นายศิวรักษ์ พูดอย่างหมดเปลือก สิ่งที่อดกลั้นมานานและไม่เคยปริปากพูดหรือขอร้อง วันนี้เมื่อทุกคนทราบข้อเท็จจริงแล้ว อยากฝากถาม นายคำรบ ปาลวัฒน์วิชัย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย ในกัมพูชาว่า เวลานี้อยู่ที่ไหน ถ้าไม่โทรศัพท์มาหาลูกชาย ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ขอให้ออกมารับผิดชอบด้วย ตนไม่เคยพูดว่าใครเป็นต้นเหตุให้ลูกต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่วันนี้ลูกอยู่ในสภาถูกใส่กุญแจมือ ตนรับไม่ได้ ทำใจไม่ได้จริงๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทนายความจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษทันทีเลยหรือไม่ นางสิมารักษ์ ตอบว่า เบื้องต้นจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดีจะได้ไม่ยืดเยื้อออกไปอีก ส่วนกรณีกระทรวงการต่างประเทศก็จะยื่นพระราชทานอภัยโทษให้ จะหารือกับทนายก่อน เพราะเวลานี้ฝากความหวังไว้ที่ทนาย พล.อ.ชวลิต ,พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ขณะนี้มีความขัดแย้งมาก ไม่อยากให้ใช้นายศิวรักษ์ มาเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งทางการเมือง เราเป็นคนไทยด้วยกันช่วยกันดีกว่า อยากให้สงสารครอบครัวตนด้วย.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thairath.co.th/content/pol/51802

จับโกหก'เทือก' เปิดเอกสาร เอี่ยวจัดซื้อสตช.



นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

เปิดเอกสารบันทึกข้อความด่วน สตช.จับโกหก'สุเทพ เทือกสุบรรณ'เป็นผู้สั่งจ่ายเงินงวดสุดท้าย จยย.ไทเกอร์ กว่า 429 ล้านบาท...

กรณีข่าวที่ระบุว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง มีส่วนพัวพันกับการเบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์จำนวน 19,147 คัน กับบริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด 16 งวดสุดท้าย วงเงิน 429,361,010 บาท

แหล่งข่าวเปิดเผย"ไทยรัฐออนไลน์"ว่า แม้นายสุเทพ จะปฏิเสธในเรื่องดังกล่าว แต่ในบันทึกข้อความด่วนที่สุดที่ตั้งเรื่องโดยพล.ต.ต.ภูวดล วุฑฒกนก ผบก.พธ. กลับมีการระบุชัดเจนว่า การเบิกจ่ายเงินครั้งนี้ดำเนินการตามบัญชาของ นายสุเทพ โดยบันทึกข้อความ ที่ 009.22/1943 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2552 เรื่องการเบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 19,147 คัน ตามสัญญา ที่ทำถึง ผบ.ตร. (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) ผ่าน ผู้ช่วย ผบ.ตร. บร 21 คือพล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้ขอให้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงวดที่ 23-38 รวม 16 งวด คิดเป็นเงิน 429,361,010 บาท โดยอ้างถึงรายงานผลการประชุมหารือแนวทางการเบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อรถ จักรยานยนต์ดังกล่าว ว่า ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เข้าข่ายการฉ้อโกง และระบุว่า หากไม่ดำเนินการทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจถูกบริษัทฯเรียกร้องค่าเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 7.5

ท้าย บันทึกข้อความดังกล่าว พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ยังได้เขียนหนังสือด้วยลายมือตัวเองเรียน ผบ.ตร.(พล.ต.อ.พัชรวาท) ผ่าน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.บร.2 มีข้อความว่า “ในเรื่องนี้เป็นกรณีที่กวพ.มีหนังสือตอบข้อหารือของตำรวจใน 2 ส่วน โดยส่วนแรก (ข้อ 1-4) เป็นกรณีความสมบูรณ์ของสัญญาและในส่วนที่สอง (ข้อ 5) เป็นกรณีการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งได้พิจารณาแล้วเห็นควรดำเนินการตามเสนอของ พธ.ข้อ 3.1และ 3.2 ประกอบกับได้มีบันทึกของ รองนรม.(นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ลง 5 มี.ค. 52 เรียน ผบ.ตร.ขอได้โปรดสั่งการให้ จนท.เร่งรัดเบิกจ่ายเงินให้กับผู้ร้องตามสัญญาต่อไป จึงเห็นควรนำเรียนท่าน ผบ.ตร.ได้กรุณาทราบและประกอบการพิจารณาสั่งการ พร้อมเรื่องเดิมที่ได้นำเรียนไว้แล้ว

จากนั้น พล.ต.อ.จุมพล ได้เดินเรื่องส่งต่อไปยัง พล.ต.อ.พัชรวาท (ผบ.ตร.ขณะนั้น) ยืนยันอีกครั้งให้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายตามที่มีการเสนอมา และได้อ้างถึงหนังสือตอบข้อหารือของกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของ สัญญาซื้อขาย ข้อเสนอทางด้านเทคนิคว่า มีการแจ้งความร้องทุกข์และฟ้องศาลปกครองยังไม่มีข้อยุติ แต่เมื่อคู่สัญญาได้ส่งมอบและตรวจรับถูกต้องครบถ้วนแล้ว ส่วนราชการคู่สัญญาย่อมมีหน้าที่จะต้องดำเนินการตามระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 71(4) ดำเนินการจ่ายเงินและรายงานให้หัวหน้าส่วนราชการทราบ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.จุมพล ยังได้อ้างถึงบันทึก รองนายกรัฐมนตรี (สุเทพ เทือกสุบรรณ) ลง 5 มี.ค. 52 ท้ายหนังสือขอความเป็นธรรม บริษัทคาร์แทรคกิ้ง จำกัด ลง 2 มี.ค. 2552 เรียน ผบ.ตร.ขอให้ตรวจสอบหากเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้องโปรดสั่งการให้ จนท.เร่งรัดเบิกจ่าย โดยในเอกสารของ พล.ต.อ.จุมพล ลงวันที่ 12 มี.ค. 52 เวลา 14.05 น. จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาทได้แทงหนังสืออนุมัติให้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินงวดสุดท้ายได้กลับมายัง พล.ต.อ.จุมพล ลงวันที่ 19 มี.ค. 2552

เป็นที่น่าสังเกตว่ากระบวนการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงวดสุดท้ายกว่า 429 ล้านบาทเป็นไปอย่างรวดเร็ว เริ่มจากหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่บริษัทคู่สัญญาทำถึงนายสุเทพลงวันที่ 2 มี.ค. 52 โดยนายสุเทพรับลูกทันทีเสนอเรื่องถึง ผบ.ตร.ในขณะนั้นหลังจากได้รับการร้องขอความเป็นธรรมเพียง 3 วัน คือวันที่ 5 มี.ค. 52 ถัดจากนั้นอีกเพียง 5 วัน คือวันที่ 10 มี.ค. 52 พล.ต.ต.ภูวดล วุฑฒกนก ผบก.พธ. ก็ตั้งเรื่องให้มีการเบิกจ่ายเงิน 16 งวดสุดท้าย ผ่าน พล.ต.ท.พงศพัศ และใช้เวลาเพียง 2 วัน พล.ต.อ.จุมพล ก็เดินเรื่องต่อไปถึง ผบ.ตร.ในวันที่ 12 มี.ค. 52 ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาทจะลงนามอนุมัติในวันที่ 19 มี.ค. 52 รวมใช้เวลาในการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินครั้งนี้เพียง 17 วันเท่านั้น.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thairath.co.th/content/pol/51780

KALA คัมแบ็ค หนุ่ม หัวหอกรวมสุดยอดฝีมือฟอร์มวงใหม่

กะลา


KALA คัมแบ็ค!! หนุ่ม หัวหอกรวมสุดยอดฝีมือฟอร์มวงใหม่ ประเดิมปล่อย ไม่เห็นฝุ่น โดนใจคนแอบรัก กระแทกใจคนอกหัก (แกรมมี่)

ห่างหายจากวงการไปถึง 2 ปี กลับมาอีกที KALA วงร็อกที่นำทีมโดยนักร้องเจ้าของเสียงแหบเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ หนุ่ม-กฤตพจน์ แสงสุวรรณ ก็ฟอร์มวงใหม่ โดยคว้าเอาสุดยอดมือกีตาร์จากวง I-ZAX เพชร-พงศภัค ทองเจริญ , มือเบสและนักแต่งเพลงมืออาชีพ เขต-ปัญญา โกเมนไปรรินทร์ และ อดีตมือกลองวงลาบานูน พร-สมพร ยูโซะ มารวมตัวกันทำงานเพลงที่พวกเค้ารักอีกครั้ง โดยประเดิมปล่อยซิงเกิ้ลแรก ไม่เห็นฝุ่น ให้ฟังกันไปแล้ว ทั้งนี้ หนุ่ม พูดถึงการรวมตัวครั้งใหม่และซิงเกิ้ลล่าสุดให้ฟังว่า

"หลังจากที่พักการทำงานเพลงไปถึง 2 ปีเพื่อน ๆ นักดนตรีชุดเก่าก็แยกย้ายไปทำงานในสิ่งที่ตัวเองถนัด ผมเลยไปชวนเพื่อน ๆ ในวงการดนตรีที่แฟนเพลงทุกคนคงคุ้นเคยกับฝีมือแล้วก็ผลงานของแต่ละคนมาแล้วมาฟอร์มทีมทำวง KALA อีกครั้ง

คือ พร อดีตมือกลองวงลาบานูน กับ เพชร อดีตมือกีตาร์วงไอแซค ซึ่งทั้งคู่ผมคงไม่ต้องอธิบายถึงฝีไม้ลายมือคิดว่าทุกคนคงรู้จักกันดี ส่วนคนสุดท้ายคือ เขต ที่เล่นเบสเป็นอาชีพและยังแต่งเนื้อร้องทำนองให้กับศิลปินหลาย ๆ คน เช่น เพลงความอดทนของคนที่รอ ของ ชาช่า , เพลงตื่นจากฝัน ของอีโบล่า ฯลฯ

พวกเราใช้เวลาศึกษาการทำงานและนิสัยใจคอกันพักใหญ่จึงตัดสินใจทำงานเพลงร่วมกัน ทำให้ผมมั่นใจว่า KALA กลับมาคราวนี้ภาคดนตรีมีความเข้มข้นและควบแน่นมากขึ้น ทั้งไลน์กีตาร์ที่พิถีพิถัน สัดส่วนของกลองที่มีน้ำหนัก ส่วนเบสก็เน้นความลึกลงตัวเข้ากับเพลง ซึ่งเพลงทั้งหมดก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น KALA เหมือนเดิมคือภาษาเข้าใจง่ายสื่อสารตามสัญชาตญาณของลูกผู้ชายที่จริงใจครับ

กับเพลง ไม่เห็นฝุ่น ที่ปล่อยให้ฟังกันเป็นซิงเกิ้ลแรก ฟีดแบคดีมาก เนื้อหาพูดถึงคนที่แอบรักใครคนนึง พยายามทำทุกอย่างเพื่อเค้า ถึงรู้ว่าไม่มีค่าพอก็ขอทำตลอดไป เหมือนกับเศษฝุ่นเล็ก ๆ ที่ลอยไปมาอยู่รอบ ๆ ตัวแม้มันจะปลิวเข้าตาแต่เค้าก็คงไม่มีวันเห็น ซึ่งเพลงนี้พวกเราได้ร่วมงานกับ พี่ตุ้ย-ธนา ชัยวรภัทร คนที่เคยเขียนเพลง 4 นาที ในอัลบั้มที่แล้วมาเขียนเพลงนี้ให้อีกครั้ง อยากให้ลองติดตามฟังเพลง ไม่เห็นฝุ่น กันด้วย หรือจะดาวน์โหลดก็ได้ที่ *123 รหัส KALA 0021 ครับ" หนุ่ม บอก

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://www.gmmgrammy.com/

นายยาว-โกเซี๊ยะ-ซานาธาน สูตร'ไม่สำเร็จ'ธุรกิจร้านข้าวต้ม

นายยาว-โกเซี๊ยะ-ซานาธาน สูตร'ไม่สำเร็จ'ธุรกิจร้านข้าวต้ม



ร้านข้าวต้มเป็นธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจในภาวะเศรษฐกิจปรวนแปรเช่นวันนี้

โดยเฉพาะในตัวเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา แล้วจะมีร้านใหญ่ๆ อยู่หลายร้าน ซึ่งล้วนมีที่มาและการเติบโตที่น่าสนใจ รวมถึงร้านน้องใหม่ที่กำลังไต่ความนิยมในหมู่นักชิมยามดึกของเมืองหาดใหญ่ในวันนี้

นายพงษ์ชัย จิรสุขประเสริฐ เจ้าของร้านข้าวต้มนายยาว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหาดใหญ ่ กล่าวถึงความเป็นมาของร้านข้าวต้มระดับตำนานของเมืองหาดใหญ่ว่า "นายยาว" เปิดร้านเมื่อปี พ.ศ.2500 หรืออาจจะก่อนหน้านั้น เปิดเป็นแผงลอยอยู่ตรงหัวมุมถนนสายสาม เยื้องกับห้างสรรพสินค้าโอเดี้ยน ต่อมาก็ขยายกิจการเป็นร้านข้าวต้มนายยาว

"เหตุผลที่ได้สมยานามว่า ร้านข้าวต้มนายยาวก็ตั้งแต่พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา สมัยนั้นยังใช้เงินเป็นสตางค์กันอยู่ เมื่อก่อนข้าวต้มชามนึงก็แค่ห้าสตางค์ สิบสตางค์ ใช้มาสักสี่ห้าปี ต่อมาก็เป็นยี่สิบห้าสตางค์ หลังจากนั้นเตี่ยก็ใช้ราคาที่สูงขึ้นมาหน่อยคือว่าถ้าอาหารจานละห้าบาทก็จะขายห้าร้อยสตางค์ " พงษ์ชัย เล่ากลยุทธ์เล็กๆ น้อยๆ ทางการค้า

นางสาวรัดเกล้า จิรสุขประเสริฐ บุตรสาวของนายพงษ์ชัย เล่าให้ฟังถึงประวัติของร้านว่า ร้านนายยาวเป็นกิจการของอากง ที่มาจากเมืองจีน "เมื่อก่อนชื่อฮั่วหลี เพิ่งมาเปลี่ยนตอนหลัง เปิดเป็นร้านขายข้าวต้มและขายอาหารทะเล และในช่วงเช้าจะขายพวกกาแฟไปด้วย ต่อมาก็เริ่มลดหลั่นเวลามาเหลือเฉพาะช่วงเย็นเปิดเป็นร้านข้าวต้มนายยาวมากว่ายี่สิบปีแล้ว"

รัดเกล้า บอกว่า เหตุผลที่ร้านเป็นที่นิยมคงเป็นเพราะรสชาติอาหารที่ถูกปากลูกค้า เมนูเด็ดคือ หนัมเลี๊ยบหมูสับ ปลาจะระเม็ดราดเต้าเจี้ยว เป็ดพะโล้ จุดเด่นของร้านอยู่การต้อนรับด้วย ส่วนมากก็จะเป็นที่ พี่ๆ น้องๆ เจ้าของร้านที่ช่วยกันต้อนรับลูกค้า ถ้าเป็นแขกที่มีอายุเราก็จะช่วยพยุงและจัดโต๊ะให้

ส่วนราคาอาหาร แล้วแต่ว่าเป็นอะไร ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ก็แพงหน่อย ผักก็ถูกลงมา

ปัจจุบัน ร้านข้าวต้มนายยาว ได้ย้ายมาอยู่ติดกับ รร.บีพี.แกรนด์ ทาวเวอร์ เนื่องจากที่เดิมค่อนข้างจะเก่า ต้องปิดปรับปรุง

สำหรับการเปิดสาขานั้น กำลังปรึกษากันอยู่ภายในครอบครัวแต่ก็คงจะชะลอเอาไว้มากกว่า เพราะอัตราการเจริญเติบโตของธุรกิจช่วงนี้ไม่ถือว่าดี นักท่องเที่ยวน้อย ภาวะทางการเมืองมีผลกระทบ เพราะการเมืองไม่มั่นคงนักลงทุนไม่กล้ามาลงทุน

ครอบครัวส่งวรกุลพันธ์ ลูกค้าประจำ ซึ่งประกอบด้วยพ่อนายสุรกิจ แม่นางกมลรัชต์ และ ด.ช คณิน กล่าวถึงร้านข้าวต้มนายยาวว่า รู้จักมานานแล้ว ชอบที่รสชาติ แล้วก็กับข้าวเขาจะจัดมาแบบพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่ คิดเงินก็คิดเป็นสตางค์
เพื่อนบอกว่า มาทานที่นี่มื้อละ 20,000 ก็คือ 20,000 สตางค์ นั่นเอง




ขอขอบคุญข้อมูลจาก
http://www.focuspaktai.com/index.php?file=news&obj=news.view(id=8244)

เกรียน

เกรียน เป็นศัพท์สแลงแทนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ก่อกวน ไร้เหตุผล หรือคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของสังคมอินเทอร์เน็ต บุคคลกลุ่มนี้จะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลหรือการวิเคราะห์ไตร่ตรอง นอกจากนี้ยังอาจหมายถึงบุคคลที่ชอบแสดงตัวว่ามีความรู้ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีความรู้ดังกล่าวเลย หรือมีเพียงผิวเผินเท่านั้น

ประวัติ

ในช่วงแร็กนาร็อกออนไลน์เป็นที่นิยมในระยะแรกๆ เยาวชนที่เล่นเกมนี้ยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะจัดสรรเวลาและค่าใช้จ่ายของตน เพื่อที่จะเล่นในร้านอินเทอร์เน็ตหรือที่บ้าน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จึงเข้ามาดูแลส่วนนี้โดยตรง โดยออกข้อบังคับบางประการ เช่น ห้ามเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเล่นเกมออนไลน์ทุกประเภทหลัง 22 นาฬิกา หรือห้ามเล่นเกิน 3 ชั่วโมงต่อวัน[1] ซึ่งข้อบังคับนี้ส่งผลกระทบต่อเยาวชนที่ติดเกมดังกล่าว เยาวชนบางส่วนจึงเข้าไปพูดคุยกันในเว็บบอร์ดของประมูลดอตคอมในลักษณะของการระบายอารมณ์และกล่าวโจมตีกระทรวงไอซีที ซึ่งจุดมุ่งหมายของเว็บไซต์ดังกล่าวคือการซื้อขายสินค้าเท่านั้น แต่ภายหลังเว็บบอร์ดนั้นกลายเป็นที่รวมการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวของเยาวชนที่ขาดการควบคุมดูแล และได้มีการกล่าวคำหนึ่งขึ้นว่า "เกรียน" เพื่อเป็นการดูแคลนเยาวชนเหล่านั้น และคำนี้ได้ถูกนำไปใช้กันอย่างกว้างขวางในเว็บบอร์ดหรือเกมออนไลน์ต่างๆ

คำว่า เกรียน อาจมีที่มาจากทัศนคติของเด็กชายที่ตัดผมสั้นหัวเกรียน (ตามความหมายเดิมของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานว่า สั้นเกือบติดหนังหัว ผิวหนัง หรือพื้นที่) ซึ่งมักจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวในร้านอินเทอร์เน็ตที่ให้บริการเกมออนไลน์อยู่บ่อยๆ เนื่องจากความไม่พอใจในสถานการณ์บางอย่าง เช่นขณะเล่นเกม หรือความต้องการที่จะก่อกวนผู้อื่น และเมื่อถูกใช้บ่อยครั้งเข้า คำนี้จึงใช้แทนกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเหล่านั้นไปเสีย โดยไม่คำนึงถึงอายุหรือวุฒิภาวะ

อย่างไรก็ตาม กลุ่มบุคคลเหล่านั้นมักไม่พอใจที่ถูกเรียกว่าเกรียน ซึ่งดูเหมือนเป็นการแบ่งแยกทางสังคม บางครั้งก็กลับเรียกบุคคลอื่นว่าเป็นเกรียนก็มี และเนื่องด้วยนิสัยส่วนตัวที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลาง เกรียนจึงใช้ศัพท์สแลงแทนตัวอีกคำหนึ่งคือ เทพ เช่น เกรียนเทพ เป็นต้น ซึ่งใช้เปรียบว่าตนเองมีอำนาจหรือมีความยิ่งใหญ่เหนือกว่าผู้อื่น และมองผู้อื่นว่าด้อยกว่าตน เนื่องจากจุดเริ่มต้นที่เว็บไซต์หรือระบบในเกมออนไลน์บางแห่งไม่รองรับอักษรไทย จึงเขียนเป็น Inw (ไอ เอ็น ดับเบิลยู) ในลักษณะลีทซึ่งคล้ายคำว่า เทพ คำนี้สามารถพบเห็นได้บ่อยพอๆ กับคำว่าเกรียนและถูกใช้ควบคู่กันเรื่อยมา

เกรียนอาจจัดได้ว่าเป็น "นูบ" (noob) ประเภทหนึ่ง ซึ่งอาจใช้ในความหมายเชิงดูหมิ่น แผลงมาจากคำว่า "นิวบี" หรือ "นูบี" (newbie: อเมริกันอ่านว่า นูบี อังกฤษอ่านว่า นิวบี) คือ ผู้มาใหม่ คนไม่ประสีประสา[2] หมายถึงบุคคลในอินเทอร์เน็ตที่เป็นสมาชิกใหม่ในเว็บบอร์ดหรือเกมออนไลน์หนึ่งๆ ที่ยังไม่รู้จักธรรมเนียมและมารยาทในสังคมนั้น และทำสิ่งที่ผิดพลาดในเรื่องที่ไม่สมควรจะผิดพลาด เป็นต้น
บุคลิกภาพของเกรียน

บุคคลที่อยู่ในสภาวะเกรียน อาจมีบุคลิกภาพต่อไปนี้มากกว่า 1 ข้อ
- มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ถึงขั้นที่เชื่อว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ หรือสร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง
- ชอบพูดโอ้อวดตัวเอง คิดว่าผู้อื่นด้อยกว่าตน มักจะพยายามหาทางดูถูกผู้อื่นทุกด้าน
- และจะคิดว่าตนนั้นมีทุกอย่างสมบูรณ์เสมอ
- มี EQ ต่ำ เนื่องจากจะแสดงออกตามอารมณ์เป็นที่ตั้งโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล
- มีความอดทนต่อสิ่งเร้าภายนอกน้อยกว่าบุคคลปกติ
- ใช้การแสดงออกทางวาจา (หรือข้อความที่พิมพ์) มากกว่าทางความคิด และใช้คำหยาบคายบ่อยครั้ง
- ไม่รู้จักมารยาทในสังคม สร้างความรำคาญและไม่คิดถึงความทุกข์ร้อนของคนรอบข้าง
- ชอบเรียกร้องความสนใจ สร้างประเด็นปัญหา ทำให้เกิดข้อขัดแย้งและการทะเลาะวิวาท
- มักจะรวมกลุ่มระหว่างเกรียนด้วยกันเอง เนื่องจากผู้อื่นไม่คบหาสมาคม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org/wiki/เกรียน

เลิกใช้ sofeware ละเมิดลิขสิทธิ์แล้วหันมาใช้ Freeware opensource กันนะ







หากคอมท่านมีไว้แค่ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเน็ต วันนี้เราขอแนะนำ ลองใช้ OS ของ Ubuntu Linux จ้า โหลดฟรีได้เลยที่ www.ubuntu.com

รูปสมัครโผล่สภา มาบอกลา ประชุม สว.ขนลุก

รูปท่านสมัครโผล่สภา มาบอกลา ประชุม สว.ขนลุก


สมัคร สุนทรเวช

สมัคร สุนทรเวช




สมัคร สุนทรเวช


ที่ประชุมวุฒิสภาขนลุก ระหว่างรอผลการลงคะแนนร่างกฎหมาย จู่ๆรูป "สมัคร" ใส่ชุดขาวเต็มยศขณะกำลังยกมือไหว้โผล่บนจอมอนิเตอร์นาน 4 วินาที ตรวจสอบไม่พบคอมพิวเตอร์ผิดปกติ แถมไฟดับพรึ่บ รองปธ.วุฒิฯ เชื่ออดีตนายกฯ มาบอกลา...


เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ได้เกิดเหตุการณ์น่าพิศวงระหว่างการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ เมื่อวุฒิสภาได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมาจนถึงช่วงเวลา13.28 น. เป็นช่วงที่นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งอยู่ในช่วงการลงมติมาตรา 15 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 28/1


ระหว่างที่รอให้ผลการลงคะแนนปรากฏทางจอมอนิเตอร์ในห้องประชุมอยู่นั้น สมาชิกวุฒิสภาที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก็ถึงกับตะลึง เมื่อมีภาพนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถึงแก่อสัญกรรมไปเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน ปรากฏบนจอประกาศผลคะแนน ในชุดขาวพระราชทานเต็มยศ กำลังยกมือไหว้ ปรากฏค้างหน้าจออยู่ประมาณ 4 วินาทีก็หายไป


เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ ส.ว.หลายคนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ขณะที่นายนิคม พร้อมด้วยส.ว.ส่วนหนึ่งได้รุดขึ้นไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวถึงห้องควบคุมภาพ และผลการลงคะแนนบริเวณชั้น 3 ของอาคารรัฐสภา ก่อนเปิดเผยด้วยสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดว่า ได้ตรวจสอบแล้ว รู้สึกขนลุก เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดทราบเรื่อง และไม่รู้สาเหตุว่าทำไมจู่ๆ ถึงมีภาพของนายสมัครปรากฏออกมา


"ขณะนั้นผมนั่งเป็นประธานที่ประชุมอยู่ด้วย ไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ ส.ว.ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตะโกนว่า "ท่านสมัครมา" จึงต้องรีบขึ้นไปตรวจสอบว่าเรื่องดังกล่าวเกิดได้อย่างไร" นายนิคม กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่นายนิคมและคณะ ส.ว.กำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอยู่นั้น ปรากฏว่าไฟในอาคารรัฐสภาก็ได้ดับพรึ่บประมาณ 1 นาที สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาส.ว.และเจ้าหน้าที่รัฐสภาเป็นอย่างยิ่ง


ทั้งนี้ นายนิคม ได้นำภาพนายสมัครยกมือไหว้ที่ปรากฏในห้องประชุมสภา ซึ่งถ่ายออกจากคอมพิวเตอร์ขนาดเอสี่ ก่อนจะเปิดเผยว่า "สงสัยท่านมาลาเรา" และว่าตนเคยเป็นลูกน้องเก่าของนายสมัคร สมัยที่เป็นรองปลัดกรุงเทพมหานคร (รองปลัด กทม.)


ด้าน ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ว.สรรหา กล่าวด้วยสีหน้าตกใจว่า ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมเห็นแล้วขนลุก เชื่อว่านายสมัครมาบอกลา ขณะที่นายวิทวัส บุญญสถิตย์ ส.ว.สรรหา ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมที่ขึ้นไปตรวจสอบ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบระบบคอมพิวเตอร์แล้วไม่มีปัญหา และไม่พบว่ามีข้อมูลรูปนายสมัครอยู่ในสต็อกภาพ


นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรับผิดชอบดูแลสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์รัฐสภา กล่าวว่า กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ เพราะดูจากรูปที่ปรากฏนั้น ทางสภาฯไม่มีสต็อกของรูปนี้เก็บไว้ เบื้องต้นสันนิษฐานว่า น่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น อาจจะเป็นภาพข่าวอินเตอร์เน็ต ส่วนสาเหตุที่ไฟตกในช่วงบ่ายเป็นเพราะวันนี้มีการใช้กำลังไฟสูงมากกว่าปกติ เนื่องจากมีการเตรียมความพร้อมในการจัดงานยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ในวันที่ 25 พ.ย.นี้














สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย :
thairath.co.th

วิธีรีเซ็ทตลับ HP 60

ตลับ HP#60 ไม่เขียนถึงไม่ได้แล้ว


หนแรกคิดว่าตลับ HP#60 รุ่นใหม่คงไม่ work
เพราะไหนเลยจะฟองน้ำเล็ก+เติมหมึกยาก แต่เครื่องพิมพ์ที่ใช้ตลับเบอร์นี้ออกมามากมาย
หลากหลายรุ่น เป็นที่แน่แท้แล้วว่าตลับ #60 คงเป็นตัวตายตัวแทนของตลับเบอร์ 21-22 ตลับหมึกในตำนาน
ผู้ใช้เครื่องพิมพ์จึงควรทำความรู้จักกับตลับ#60อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คาดว่าเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ที่ใช้ตลับ#60 อีกหน่อยคงมีผู้ซื้อไปใช้งานมากมาย
ล่าสุดเห็นทั้ง Printer และ All in one รุ่นใหม่ที่ใช้ตลับ 60 ออกมาหลายรุ่น
รุ่นราคาถูกจะไม่มีเฟืองจิกกระดาษด้านหน้า ไม่สามารถพิมพ์ไร้ขอบหรือเต็มหน้าได้
ผู้ใช้ควรสังเกตและเลือกรุ่นที่เหมาะกับงานตัวเอง



จากรูปจะเห็นกงล้อสีเงินเล็ก ๆ มีไว้จิกกระดาษสำหรับรุ่นที่พิมพ์ไร้ขอบได้

ประการสำคัญที่อยากเขียนถึงคือ เรื่องการใช้หมึกเติมกับตลับ #60 และการ reset ตลับหมึก

จะไม่ขอเขียนถึงวิธีเติมหมึก ท่านสามารถหาอ่านได้จากหัวข้อ “วิธีเติมหมึกตลับ HP”
ตลับ#60 #901 #703 ใช้เทคโนโลยีใหม่ของ HP คือ หัวพิมพ์ Dual Drop Technology
ประมาณว่ามีหัวพิมพ์ 2 แถว แถวนึงใหญ่หน่อย 5.2 pl อีกแถวนึง 1.3 pl
ทำให้งานพิมพ์ที่ได้ละเอียดเนียนมากขึ้นกว่าหัวพิมพ์รุ่นเก่า แต่หมึกเติมที่ใช้ควรเป็นหมึกเกรด Nano Technology
ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีหลายยี่ห้อ ผลิตหมึกเกรดนี้ออกมา

จากคู่มือการใช้งานเครื่องพิมพ์ที่ใช้ตลับรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องตัดไฟก่อนถอดตลับ
แต่ .. จะตัดไฟก่อนถอดตลับก็ได้ ซึ่งผมมักจะตัดไฟก่อนเสมอเพราะความเคยชินกับเครื่องรุ่นเก่า

เครื่องรุ่นใหม่หลังจากเติมหมึกอาจจะขึ้นไม่รับตลับหมึก ไฟตรงเครื่องหมายตกใจ “!” จะกระพริบ
ให้ท่านกดปุ่ม Power(หรือปุ่มon/offนั่นล่ะ) ค้างไว้อย่าปล่อย แล้วกดปุ่ม Cancel ตาม
เสร็จแล้วปล่อยปุ่มทั้ง 2 พร้อมกัน เครื่องจะพิมพ์หน้า Diagnostic ออกมา
ไฟกระพริบตรงปุ่มเครื่องหมายตกใจ “!” ก็จะหายไป หรือหยุดกระพริบ
เหลือแต่ไฟกระพริบเตือนหมึกสีหรือดำใกล้หมด (ซึ่งไม่ต้องไปสนใจ ปล่อยให้กระพริบไป)
เสร็จแล้วเครื่องก็จะสามารถใช้ตลับที่เติมหมึกได้

ไชโย.. สำเร็จแล้ว (แต่อย่าเพิ่งดีใจ อ่านให้จบก่อน)

บางครั้งเครื่องอาจจะพิมพ์หน้า Align (จัดหัวพิมพ์) ออกมาอีก 1 แผ่น
ถ้าหากตลับหมึกนั้นไม่ใช่ตลับที่ใส่อยู่ก่อนหน้านี้
ให้เอาหน้า Align คว่ำลงบนกระจก แล้วกดปุ่ม Scan 1 ครั้ง
ก็จะสามารถใช้งานได้เหมือนปกติ

สำหรับเครื่องรุ่น D1660 ซึ่งเป็นเครื่องราคาถูกที่สุดของค่าย HP
จะไม่มีปุ่ม Cancel มีเพียงปุ่ม On แค่ปุ่มเดียว
เมื่อเครื่องขึ้นไฟกระพริบที่ปุ่ม On ไม่รับตลับหมึก
ให้กดปุ่ม On ค้างไว้อย่าปล่อย แล้วเปิดปิดฝาขึ้นลง 1 ครั้งครับ
เครื่องก็จะพิมพ์หน้า Diagnostic ออกมา และสามารถใช้งานตลับเติมหมึกได้

--- ข่าวร้ายตอนจบ ---
ตลับแถมที่ผ่านการเติมหมึกจะใช้งานได้ไม่นาน
ประมาณ 300 กว่าหน้า ตลับแถมก็จะโดนล๊อค
เครื่องที่ใช้งานประมาณ 300 กว่าหน้า จะไม่สามารถใช้ตลับแถมได้
แม้ว่าจะเอาตลับแถมตัวใหม่ ของเครื่องอื่นมาใส่ก็ตาม

ดังนั้นทำใจครับพ่อแม่พี่น้อง หาซื้อตลับสี 60 ตัวใหม่ได้เลย
(ตลับดำ 60 ตัวแถม เท่าที่ใช้งานยังไม่โดนล๊อค สามารถเติมหมึกได้เรื่อย ๆ)

ตลับสี 60 ตัวใหม่ "คาดว่าน่าจะ" ไม่มีการล๊อคตลับ
เพราะผมทดลองใส่ตลับสี 60xl ที่ผ่านการเติมหมึกมาเกือบ 100 ครั้ง
เครื่องก็ยอมรับตลับปกติ ไม่มีปัญหา



โครงสร้างภายในตลับดำ #60 #901 #60B

ตรงสีแดงนั้นเป็นหัวพิมพ์ครับ ปกติสีขาวแต่ผมย้อมสีเป็นแดง แหะ..แหะ..
เวลาเติมหมึกแบบเสียบเข็มฉีดด้านบน อย่าจิ้มลงตรงกลาง จะทะลุหัวพิมพ์พัง


ตลับจะมีห้องว่างบนกับล่าง ให้ทลายผนังด้านล่างเพื่อเสริมฟองน้ำ (ด้านบนห้องเล็ก ไม่ต้องเสริมก็ได้)


จะว่าไปแล้ว ผมชอบวิธีเติมหมึกโดยไม่ต้องถอดตลับ
เจาะรูตรงมุมล่างซ้ายหรือขวาก็ได้ จิ้มเข็มฉีดหมึกเลย รวดเร็วดี



มาดูตลับสี 60 (ตัวแถม) จะเห็นว่ามีห้องว่างมากมายบนล่างซ้ายขวา
ถ้าจะเสริมอึ๋ม ต้องทลายผนังหลายด้านเลยล่ะ พอเติมหมึกมากเกินหมึกจะล้นข้ามไปผสมกับสีอื่น
ดังนั้นไม่แนะนำให้เสริมอึ๋มนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chaiya&group=17

จะทำอย่างไรเมื่อท่านไม่มีโฟโตช็อป





http://www.pixlr.com/editor/ ให้คุณได้ใช้โปรแกรมแต่งรูปเมื่อคุณไม่มีโฟโตช็อป ของดีๆ แบ่งๆกันจ้า

ท่านสมัคร ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว




ปิดฉากชีวิตลงแล้ว นายสมัคร สุนทรเสช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีบทบาทสร้างสีสรรให้กับวงการเมืองไทยมาตลอด โดยถึงแก่อนิจกรรมที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

วันนี้ (24 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้วที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายสมัคร หลังจากเดินทางกลับจากการรักษาที่ต่างประเทศ ได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย และพักฟื้นอยู่ที่บ้าน โดยก่อนจะถึงแก่อนิจกรรม ได้เข้าพักรักษาตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และถึงแก่อนิจกรรมในที่สุด

นายสมัคร สุนทรเวชเป็นบุตรของ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) กับ คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) เป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นหลานตาของ มหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนัก

นายสมัครเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ดังนี้
พ.อ. (พิเศษ) พ.ญ.มยุรี พลางกูร - อดีตรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
นางเยาวมาลย์ ราชวังเมือง - ประกอบธุรกิจส่วนตัว
พล.อ.อ.สมมต สุนทรเวช - อดีตที่ปรึกษา ทอ. (ถึงแก่กรรมแล้ว)
นายสมัคร สุนทรเวช
นายมโนมัย สุนทรเวช - พนักงานรัฐวิสาหกิจ
นายสุมิตร สุนทรเวช - นักการเมือง หัวหน้าพรรคประชากรไทย
นายสมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัทใน เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีบุตรสาวฝาแฝด คือ กานดาภาและกาญจนากร ปัจจุบันสมรสแล้วทั้งคู่ จากการที่ภรรยาทำงานอยู่กับบริษัทเอกชนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 สถานะการเงินของภรรยาจึงมั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวได้ นายสมัครเลยมิได้ทำงานประจำให้กับหน่วยงานใดและได้ทำงานด้านการเมืองเพียงอย่างเดียว มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516

ประวัติการศึกษา
ก่อนประถมศึกษา : โรงเรียนสตรีบางขุนพรหม
ระดับประถมศึกษา : โรงเรียนเทเวศน์ศึกษา
ระดับมัธยมศึกษา : โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
ระดับอาชีวศึกษา : โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์
ระดับอุดมศึกษา : นิติศาสตรบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ประวัติทางการเมือง
นายสมัครเริ่มต้นชีวิตการเมืองโดยสมัครเข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี พ.ศ. 2511 เริ่มลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาเทศบาลกรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ. 2514 และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 ในชีวิตการเมืองเคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งตลอดเวลาที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัครได้รับการแต่งตั้งในคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ได้แก่

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 2 (15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 – 13 มีนาคม พ.ศ. 2518)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช 3 (20 เมษายน พ.ศ. 2519 - 23 กันยายน พ.ศ. 2519)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร (8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 - 19 ตุลาคม พ.ศ. 2520)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 2 (30 เมษายน พ.ศ. 2526 - 5 สิงหาคม พ.ศ. 2529)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ (9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 - 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534)
รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร (7 เมษายน พ.ศ. 2535 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535)
รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539)
รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ (25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540)
นายกรัฐมนตรี (29 มกราคม - 9 กันยายน พ.ศ. 2551)

สรุปประวัติทางการเมืองได้ดังนี้
พ.ศ. 2511 : เข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2511 - 2519)
พ.ศ. 2514 : สมาชิกสภาเทศบาลนครกรุงเทพมหานคร (ได้รับเลือกตั้ง เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514)
พ.ศ. 2516 : สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 10 ธ.ค.16) และ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ได้รับแต่งตั้งเมื่อ 23 ธ.ค.16)
พ.ศ. 2518 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ม.ค. 2518)
พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พ.ศ. 2519 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2519)
พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ.ศ. 2519 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2519 - 2520)
พ.ศ. 2522 : ก่อตั้งพรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2522)
ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง และสถาบันการเงิน (พ.ศ. 2523 - 2526)
พ.ศ. 2526 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (เม.ย. 2526)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2526 - 2529)
พ.ศ. 2529 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2529)
ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง (พ.ศ. 2529 - 2531)
พ.ศ. 2531 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2531)
ประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2531 - 2533)
พ.ศ. 2533 : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (พ.ศ. 2533 - 2534)
พ.ศ. 2535 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (มี.ค. 2535) (ก.ย. 2535)
ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม (พ.ศ. 2535 - 2538)
พ.ศ. 2538 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (ก.ค. 2538)
พ.ศ. 2539 : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร (พ.ย. 2539)
พ.ศ. 2543 : ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2543 - 2547)
พ.ศ. 2550 : รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2550 - 30 ก.ย. 2551)
พ.ศ. 2551 : นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (29 ม.ค.2551 - 9 ก.ย.2551)

การดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
นายสมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จากการเลือกตั้ง พ.ศ. 2543 ด้วยคะแนนเสียง 1,016,096 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนเสียงมากที่สุด นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยผู้ได้คะแนนอันดับ 2 คือ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทย ไดัรับคะแนนเสียงเพียง 521,184 คะแนน

นายสมัคร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระหว่างปี พ.ศ. 2543-2547 นับเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนที่ 13 และเป็นคนที่ 5 ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่หลังจากพ้นตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คดีเรื่องการทุจริตกรณีจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง ก็ยังมีการดำเนินการตรวจสอบจนถึงปัจจุบัน

การเลือกตั้งวุฒิสภา 2549
หลังพ้นตำแหน่ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อครบวาระ 4 ปี นายสมัครตัดสินใจไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมัยที่ 2 แต่เบนเข็มมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ปี พ.ศ. 2549 ผลการนับคะแนน นายสมัคร สุนทรเวช ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียง เป็นอันดับสองของประเทศ รองจาก ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับที่ 1 แต่ ร.ต.อ.นิติภูมิ ยังไม่ทันได้รับการรับรองตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา จาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง เนื่องจากมีผู้ร้องเรียน เรื่องการไปขึ้นเวทีปราศัยของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อาจถือได้ว่าเป็นการ "หาเสียง" และขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ก่อนที่จะมีการชี้ขาดเรื่องดังกล่าว การเลือกตั้งวุฒิสภา พ.ศ. 2549 ก็ได้ถูกยกเลิก เนื่องจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ทำให้นายสมัครต้องพ้นจากตำแหน่ง โดยไม่มีโอกาสได้ปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา

การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายสมัคร สุนทรเวช ทำพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพัก นายสมัคร สุนทรเวช แถลงข่าว ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาลดูเพิ่มที่ การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย มกราคม พ.ศ. 2551 และ คณะรัฐมนตรีคณะที่ 57 ของไทย
เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ ให้นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี วันที่ 6 กุมภาพันธ์ นายสมัครยังได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อีก 1 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นพลเรือนคนที่ 3 ที่ดำรงตำแหน่งนี้ แต่ยังถูกกล่าวหาจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถึงการดำรงตำแหน่งของนายสมัคร สุนทรเวช นี้ว่าเป็นนอมินี(ตัวแทน)ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกในข้อหาเซ็นชื่อยินยอมให้ภรรยาซื้อที่ดินตามกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 นายชัช ชลวร ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมคณะ ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในกรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภาและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 267 ประกอบมาตรา 182(7) เนื่องจากรับเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ ของรายการ “ชิมไปบ่นไป” และ “ยกโขยง 6 โมงเช้า” ซึ่งคณะตุลาการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง เห็นว่านายสมัครกระทำต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 267 เรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี จึงทำให้นายสมัครสิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรีลง แต่ให้คณะรัฐมนตรีรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551 นายสมัครยังได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชนอย่างไม่เป็นทางการ โดยให้เหตุผลว่า ได้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคและรักษาระบอบประชาธิปไตยอย่างดีที่สุดแล้ว จึงขอยุติบทบาททางการเมือง ส่วนการดำเนินการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ให้ขึ้นอยู่กับพรรค

นายสมัครเคยถุกดำเนินคดีเป็นข่าวดังประกอบด้วย
คดีหมิ่นประมาทนายดำรง ลัทธพิพัฒน์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน ในรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ถึงแก่กรรมโดยการประกอบอัตวินิบาต ขณะกำลังเดินทางไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากปัญหาความเครียดส่วนตัว ต่อมานายสมัคร ซึ่งถูกปรับออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อ พ.ศ. 2529 กลายเป็นฝ่ายค้าน ได้ให้ข่าวในทำนองว่า นายดำรงฆ่าตัวตายเพราะความเครียด เนื่องจากการยักยอกงบประมาณของ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน นางสมศรี ลัทธพิพัฒน์ (เกตุทัต) ภรรยานายดำรง [14] มอบหมายให้นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ ฟ้องหมิ่นประมาทนายสมัคร สุนทรเวช ศาลฎีกามีคำตัดสินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 ว่า "นายสมัครกล่าวข้อความเป็นเท็จและหมิ่นประมาทจริง" และได้มีคำสั่งให้จำคุกนายสมัคร สุนทรเวชเป็นระยะเวลา 6 เดือน แต่ให้รอลงอาญา

กรณีสเตตเมนต์ปลอม เมื่อ พ.ศ. 2530 นายสมัคร สุนทรเวช ถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในครม.คณะที่ 43 และได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ (ครม.คณะที่ 44) เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2530 นายสมัครอภิปรายกล่าวหาว่า นายจิรายุรับสินบนโดยนำสำเนาสเตตเมนต์แสดงการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเฟิสต์ อินเตอร์สเตตในสหรัฐอเมริกา มาแสดงในสภาและอภิปรายว่ามีชื่อของนายจิรายุ เป็นเจ้าของบัญชีดังกล่าว ซึ่งมีรายการโอนเงินค่าสินบน เป็นจำนวนเงิน 92 ล้านบาท นายจิรายุได้ปฏิเสธและระบุว่าข้อกล่าวหาของนายสมัครเป็นเท็จและตนไม่เคยมีบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา

ต่อมา จากการตรวจสอบโดยคณะกรรมการวิสามัญตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎร ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พบว่า สเตตเมนต์ที่นายสมัครนำมาแสดงนั้นเป็นของปลอม และนายจิรายุไม่เคยมีบัญชีเงินฝากในธนาคารนั้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีการดำเนินการทางกฎหมายใดๆ กับนายสมัคร เนื่องจากมีกฎหมายให้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส. ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่อมา นายสมัครได้ยอมรับว่า ได้นำเอกสารเท็จมาแสดงในการอภิปรายในครั้งนั้นจริง

การจัดรายการโทรทัศน์ นายสมัคร ร่วมจัดรายการ สนทนาปัญหาบ้านเมือง ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม MV1 ซึ่งถูกโจมตีโดยฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นสื่อที่เข้าข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและหลังจากที่มีการปฏิวัติโดยคณะปฏิรูปฯ นายสมัคร สุนทรเวช ได้เลิกรายการของตนไป ก่อนหน้านั้น สมัครได้จัดรายการ "สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน" ร่วมกับนายดุสิต ศิริวรรณ ในเวลา 11.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ระยะเวลา 30 นาที ซึ่งนายสมัครได้กล่าวว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ "เลือกข้างใช่ไหม" จนก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และไม่พอใจของหลายฝ่าย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กล่าวว่า พล.อ.เปรม เป็นที่เคารพของหลายฝ่าย และเป็นถึงประธานองคมนตรี ทำให้นายสมัครขอยุติรายการดังกล่าวไปด้วยตนเอง

คดีหมิ่นประมาทอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. นายสมัคร และ ดุสิต ศิริวรรณ ซึ่งร่วมกันจัดรายการโทรทัศน์ "เช้าวันนี้ที่ช่อง 5" ทาง ททบ.5 และ "สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน" ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ถูกนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา โดยทั้งสองกล่าวหาว่านายสามารถทุจริตในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของกรุงเทพมหานครในรายการโทรทัศน์ ศาลมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของทั้งคู่เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจริง ทั้งนี้นายสมัครได้เคยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทมาแล้วหลายครั้ง โดยศาลปรานีให้รอการลงโทษไว้เพื่อให้ปรับตัวเป็นคนดี แต่นายสมัครกลับกระทำผิดซ้ำในความผิดเดิมอีก ศาลมีคำสั่งจำคุกสมัคร สุนทรเวช และนายดุสิต ศิริวรรณ รวม 4 กระทง ๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ขณะนี้คดีกำลังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์

25 กันยายน 2551 ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และนายดุสิต ศิริวรรณ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และใช้เงินสด 200,000 บาท ประกันตัวไป

กับสื่อมวลชน
สมัคร สุนทรเวช เป็นนักการเมืองที่รู้กันเป็นอย่างดีว่า มีวาจาที่เผ็ดร้อน และมักชอบมีวิวาทะกับสื่อมวลชนเสมอ ๆ เช่น ให้นักข่าวหุบปาก เป็นต้น ในการเลือกตั้งในปลายปี พ.ศ. 2550 สมัครได้มีวิวาทะกับสื่ออีกหลายครั้ง เช่น เมื่อนักข่าวถามถึงปัญหาภายในพรรคของสมัคร นายสมัครตอบว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่สามารถบอกได้ แต่นักข่าวกลับถามซ้ำหลายครั้ง นายสมัครจึงถามย้อนว่า "เมื่อคืนไปเสพเมถุนกับใครมาหรือเปล่า" เพื่อแสดงให้เห็นว่าการถามคำถามเช่นนี้เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัว, กล่าวว่า สื่อดัดจริต รวมทั้งกล่าวว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 เฮงซวย

วันที่ 3 พฤษภาคม 2551 ซึ่งเป็นวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก องค์กรวิชาชีพสื่อได้แถลงผลการศึกษาเรื่อง '(วิ)วาทกรรมสมัครกับสื่อ' สรุปว่าตั้งแต่ช่วงที่เข้ามารับเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน สมัครใช้กลยุทธ์การสื่อสารที่ทำให้การสื่อสารสองทางเป็นการสื่อสารทางเดียว ใช้ภาษาข่มขู่ รุนแรง ดุเดือด เลี่ยง เบี่ยงเบน บิดเบือน และทำให้หลงประเด็น พูดความจริงบางส่วน หรือ พูดเท็จบ่อย ๆ ทำให้ความชอบธรรมกลายเป็นความไม่ชอบธรรม ลดทอนน้ำหนักของประเด็นคำถาม สร้างเรื่องใหม่ขึ้นมากลบเกลื่อนประเด็นสำคัญ

ผลการศึกษาได้ข้อสรุปว่า สมัคร สุนทรเวช ขาดความเข้าใจเรื่องบทบาท สถานภาพ และหน้าที่ของตนและผู้อื่น เพราะนายสมัครมีกลวิธีสื่อสารแบบที่ไม่เป็นมิตรกับสื่อ และไม่สร้างเสริมประโยชน์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะข้อความที่สื่อได้จากการทำข่าวนั้นไม่สามารถสร้างผลประโยชน์ได้ ไม่นำไปสู่กระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองและการตรวจสอบรัฐบาลได้ แสดงออกถึงความเพิกเฉย ไม่สนใจ มองไม่เห็นคุณค่าของสื่อมวลชนในสังคมประชาธิปไตย ไม่เคารพศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของสื่อ

เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
เกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 สมัครได้เคยกล่าวไว้ในรายการ สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมีคนตายเพียงคนเดียว และคนนั้นเป็นญวนอีกด้วย ซึ่งนายสมัครได้ย้ำอีกครั้ง ในการให้สัมภาษณ์กับ แดน ริเวอร์ส ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ออกอากาศเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 และยังกล่าวอีกว่า "ผมบอกว่า ถ้าผมเป็นคนเลวมาไม่ได้ไกลขนาดนี้หรอก ถ้าผมเป็นคนเกี่ยวข้องไม่ได้รับการสนับสนุนให้เดินหน้ามาถึงป่านนี้หรอก"

บทบรรณาธิการของบางกอกโพสต์ กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของนายสมัครว่าไม่ได้เป็นเพียงแค่ปฏิเสธว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เท่านั้น เขายังปฏิเสธว่าการสังหารหมู่ไม่ได้เกิดขึ้นอีกด้วย ทั้งที่มีภาพถ่ายเป็นหลักฐานแสดงว่ามีผู้เสียชีวิตหลายคน และสมัครเองก็ทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น เนื่องจากเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการปลุกเร้าให้ต่อต้านคอมมิวนิสต์ อันนำไปสู่การสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ซึ่งประเด็นนี้ ได้กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่มีวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว ในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายในรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 สมัครก็ได้ตอกย้ำสิ่งที่ตนพูดอีกครั้ง ซึ่งเป็นการตอบโต้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ชวน หลีกภัย ฝ่ายค้าน พร้อมกับกล่าวว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการปิดหนังสือพิมพ์หลังเหตุการณ์นี้ และได้สาบานด้วยว่า ถ้าสิ่งที่ตนพูดไม่เป็นความจริง ขอให้ตนพบกับความวิบัติ ถ้าไม่จริง ขอให้เจริญรุ่งเรือง

อีกทั้งสมัครยังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แต่อย่างใด ขณะที่สื่อมวลชนรายหนึ่ง ได้โชว์รูปถ่ายที่นายสมัครยืนอยู่ข้างหลังจอมพลประภาส จารุเสถียรในครั้งนั้นแล้วชี้ให้นายสมัครดู แต่สมัครปฏิเสธว่าไม่เคยเห็นรูปดังกล่าวมาก่อน

ต่อมาในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 “แม่ลูกจันทร์” แห่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยืนยันว่าภาพดังกล่าวถ่ายไว้ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ถึง 4 ปี โดยเป็นภาพถ่ายเมื่อ เมื่อ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ขณะเกิดเหตุการณ์ ผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์ กลุ่มแบล็กเซปเทมเบอร์ บุกยึด สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ถนนชิดลม และจับเจ้าหน้าที่สถานทูตเป็นตัวประกัน ยื่นเงื่อนไขให้รัฐบาลอิสราเอลปล่อยโจรปาเลสไตน์ที่ถูกจับกุม ภายใน 12 ชั่วโมง ขณะนั้น จอมพลถนอม กิตติขจร เป็น นายกรัฐมนตรี และ จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็น รมว. มหาดไทย โดยที่ นายสมัคร สุนทรเวช ขณะนั้นเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอล ทำหน้าที่ประสานงานในเหตุการณ์ และ "แม่ลูกจันทร์" เป็นนักข่าวการเมืองที่อยู่ในเหตุการณ์ รูปดังกล่าวจึงไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ
พ.ศ. 2517 ตริตาภรณ์มงกุฏไทย
พ.ศ. 2518 ตริตาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. 2519 ทวีติยาภรณ์มงกุฏไทย
พ.ศ. 2520 รัตนาภรณ์ (ชั้นที่ ๒ )
พ.ศ. 2522 ประถมาภรณ์มงกุฏไทย
พ.ศ. 2524 ประถมาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. 2526 มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
พ.ศ. 2527 ทุติยจุลจอมเกล้า
พ.ศ. 2527 มหาวชิรมงกุฏ
พ.ศ. 2539 ปฐมดิเรกคุณาภรณ์
พ.ศ. 2545 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ

ผลงาน
เขียนบทความ และความคิดเห็นทางการบ้านการเมืองแบบไม่ประจำใน สยามรัฐ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ และชาวกรุง ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ถึง 2516
เขียนบทความการเมืองในหนังสือพิมพ์ประชาไทย (พ.ศ. 2517 - พ.ศ. 2520)
เขียนบทความในคอลัมน์ประจำ (มุมน้ำเงิน) หนังสือพิมพ์เดลิมิเร่อร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2521 จนถึง พ.ศ. 2537
ผู้ดำเนินรายการ ชิมไปบ่นไป
ผู้ดำเนินรายการ เช้าวันนี้..ที่เมืองไทย ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5
ผู้ดำเนินรายการ สนทนาประสาสมัคร ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

อาการป่วย
หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสมัครเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม-3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เนื่องจากป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ โดยไม่เป็นที่เปิดเผยทางสื่อมวลชนมากนัก จนกระทั่ง นายกฤษณะ ไชยรัตน์ พิธีกรโทรทัศน์ เดินทางไปถ่ายทำรายการถึงโรงพยาบาล อาการป่วยของนายสมัครจึงเป็นที่เปิดเผยในวงกว้าง ต่อมา นายสมัคร จึงเดินทางไปรักษาต่อที่ สหรัฐอเมริกา กระทั่งกลับมาเมืองไทย และพักฟื้นที่บ้าน ซึ่งต่อมา เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จนนกระทั่งถึงแก่อนิจกรรมในวันนี้



สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย : manager.co.th

Tags : สมัคร สุนทรเสช อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงแก่อนิจกรรม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เสียชีวิต

เกมคอนโซล ออกใหม่












ในสัปดาห์นี้ทาง Xbox360 ก็มีภาคต่อฟอร์มใหญ่ออกมาเพียบ ทั้งเกมมือสังหาร "แอซซาซินครีด" และ เกมยิงซอมบี้ "เลฟท์โฟร์เดด" ส่วนฝั่งเครื่อง Wii ก็ได้เกมไฟนอลแฟนตาซี "คริสตัลโครนิเคิล" ออกมาให้เล่นแล้ว

1.Assassin's Creed II (Xbox360/อังกฤษ)
ผู้พัฒนา/จัดจำหน่าย:Ubisoft
Official Site
























แนวเกม:Action Adventure ,จำนวนผู้เล่น: 1 คน
Gamespot scores:9.0/10 ,ESRB Rating:Mature (สำหรับผู้มีอายุ 17 ปีขึ้นไป)

ภาคต่อของเกมมือสังหารชุดขาว ย้อนเรื่องราวไปยังอิตาลีศตวรรษที่ 15 ให้เรารับบทเป็นนักฆ่า "Ezio" ผจญภัยในเมืองขนาดใหญ่เพื่อทำภารกิจสารพัด โดยรูปแบบการเล่นจะมีทั้งกระโดดปีนป่ายไปตามตึก แก้ปริศนาตามหาสมบัติ ซ่อนตัวในฝูงชน กำจัดศัตรูด้วยวิธีย่องเงียบลอบทำร้ายหรือเข้าต่อสู้ตรงๆ

2.Left 4 Dead 2 (Xbox360/อังกฤษ)
ผู้พัฒนา:Value /ผู้จัดจำหน่าย:Electronic Arts
Official Site
























แนวเกม:FPS ,จำนวนผู้เล่น: 1-2 คน (8 คนออนไลน์)
Gamespot scores:9.0/10 ,ESRB Rating:Mature (สำหรับผู้มีอายุ 17 ปีขึ้นไป)

เกมยิงซอมบี้สุดโหดภาคต่อ จับเอาเรื่องราวภายในเมืองที่มีเชื้อโรคแพร่ระบาดเปลี่ยนคนเป็นซอมบี้ ให้เรารับบทผู้รอดชีวิตต่อสู้ร่วมกันเป็นทีม 4 คน ยิงแหลกตะลุยผ่านด่านจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง พร้อมโหมดหลายคนที่สามารถเล่นฝั่งซอมบี้มาไล่ล่าผู้รอดชีวิตได้ด้วย

3.MagnaCarta 2 (Xbox360/อังกฤษ)
ผู้พัฒนา:Softmax /ผู้จัดจำหน่าย:Namco Bandai Games
Official Site
























แนวเกม:RPG ,จำนวนผู้เล่น: 1 คน
Gamespot scores:6.0/10 ,ESRB Rating:Teen (สำหรับผู้มีอายุ 13 ปีขึ้นไป)

เกม RPG จากบริษัทเกาหลีที่พัฒนาด้วยอันเรียลเอนจิ้น 3 เรื่องราวของอาณาจักรแห่งหนึ่งซึ่งเกิดสงครามภายในระหว่างฝ่ายเหนือและใต้ รูปแบบการเล่นจะให้เราเดินสำรวจฉากขนาดใหญ่ พุดคุยหาของ รับเควสต์จากชาวบ้าน ต่อสู้บนแผนที่แบบเรียลไทม์ มีการกดปุ่มโจมตีใช้สกิลคล้ายเกมแอคชั่นและเปลี่ยนตัวบังคับไปมาได้ตลอด

4.Dragon Ball: Raging Blast (Xbox360/อังกฤษ)
ผู้พัฒนา:Spike /ผู้จัดจำหน่าย:Namco Bandai Games
Official Site
























แนวเกม:VS Fighting ,จำนวนผู้เล่น: 1-2 คน (2 คนออนไลน์)
IGN scores:6.2/10 ,ESRB Rating:Teen (สำหรับผู้มีอายุ 13 ปีขึ้นไป)

เกมจากการ์ตูนบ้าพลังในตำนาน "ดราก้อนบอล" รวมเอาตัวละครเด่นๆในเรื่องกว่า 70 ชีวิตจากทุกภาค โดยรูปแบบการต่อสู้จะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ให้เราเข้าประชิดรัวปุ่มเตะต่อยทำคอมโบหรือปล่อยพลังถล่มจากระยะไกล พร้อมลูกเล่นอัดศัตรูใส่ของประกอบฉากเพิ่มความเสียหายได้

5.LEGO Indiana Jones 2: The Adventure Continues (Xbox360/อังกฤษ)
ผู้พัฒนา:Traveller's Tales /ผู้จัดจำหน่าย:LucasArts
Official Site
























แนวเกม:Adventure ,จำนวนผู้เล่น: 1-2 คน
ESRB Rating:Everyone10+ (สำหรับผู้มีอายุ 10 ปีขึ้นไป)

เกมตัวต่อเลโก้ชุดอินเดียน่าโจนส์ภาคใหม่ เพิ่มเนื้อหาจากภาพยนตร์ตอนล่าสุด "อาณาจักรกะโหลกแก้ว" เข้ามา ทำเป็นแนวตะลุยด่านง่ายๆ ให้เราหลบหลีกกับดัก แก้ปริศนาต่อสู้ศัตรู ขับยานพาหนะไล่ล่าหลบหนี และยังสามารถสร้างฉากขึ้นเองได้อีกด้วย

6.SpongeBob's Truth or Square (Xbox360/Wii/อังกฤษ)
ผู้พัฒนา:Heavy Iron Studios /ผู้จัดจำหน่าย:THQ
Official Site
























*ภาพจากเวอร์ชั่น Xbox360
แนวเกม:Adventure ,จำนวนผู้เล่น: 1-2 คน
ESRB Rating:Everyone (สำหรับผู้มีอายุ 6 ปีขึ้นไป)

เกมจากการ์ตูนเจ้าฟองน้ำหน้าทะเล้น "สปอนจ์บ็อบ สแควร์แพนท์" ที่ต้องเข้าไปผจญภัยในอดีตของตนเองเพื่อดึงเอาความทรงจำกลับมา รูปแบบการเล่นจะเป็นแนวลุยด่านหลบอุปสรรคต่อสู้ศัตรู โดยมีการใช้ความสามารถพิเศษเปลี่ยนร่างสปอนจ์บ็อบเป็นอาวุธหรืออุปกรณ์ต่างๆได้

7.Final Fantasy Crystal Chronicles: Crystal Bearers (Wii/ญี่ปุ่น)
ผู้พัฒนา/จัดจำหน่าย:Square Enix
Official Site
























แนวเกม:Action Adventure ,จำนวนผู้เล่น: 1-2 คน
Famitsu scores:30/40 ,CERO Rating:B (สำหรับผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไป)

เกมไฟนอลแฟนตาซีภาคพิเศษสำหรับเครื่อง Wii ทำออกมาเป็นแนวแอคชั่นผจญภัย เล่นโดยใช้จอยนุนชัคเคลื่อนที่ผสมกับจอยรีโมทชี้เป้าเพื่อควบคุมพลังพิเศษยกข้าวของบนฉากขึ้นมาเหวี่ยงโจมตี พร้อมด้วยเกมย่อยสารพัดอย่างการขับยานพาหนะ ย่องเงียบผ่านด่านหรือยิงปืนต่อสู้ฝูงศัตรู

8.NARUTO Shippuden: Clash of Ninja Revolution 3 (Wii/อังกฤษ)
ผู้พัฒนา:Eighting /ผู้จัดจำหน่าย:Tomy
Official Site
























แนวเกม:VS Fighting ,จำนวนผู้เล่น: 1-4 คน (4 คนออนไลน์)
IGN scores:8.0/10 ,ESRB Rating:Teen (สำหรับผู้มีอายุ 13 ปีขึ้นไป)

เกมภาคต่อจากการ์ตูนนินจา "นารุโตะ" อัพเดตเนื้อเรื่องตัวละครและเพิ่มท่าไม้ตายใหม่ รูปแบบการเล่นจะเน้นต่อสู้ตะลุมบอนทั้งแบบเดี่ยวและเป็นทีม ให้กดปุ่มเตะต่อยทำคอมโบง่ายๆ สะสมพลังจักระใช้ไม้ตายใหญ่ โดยจะมีการเก็บเงินมาปลดล็อกฉากและตัวลับได้ด้วย

9.Shaun White Snowboarding: World Stage (Wii/อังกฤษ)
ผู้พัฒนา/จัดจำหน่าย:Ubisoft
Official Site
























แนวเกม:Sport ,จำนวนผู้เล่น: 1-4 คน
Gamespot scores:7.5/10 ,ESRB Rating:Everyone (สำหรับผู้มีอายุ 6 ปีขึ้นไป)

เกมสโนว์บอร์ดที่นำชื่อของแชมป์โลกหลายรายการมาใช้ รูปแบบการเล่นจะให้เราตระเวนแข่งไปตามประเทศต่างๆเพื่อไต่อันดับขึ้นไป โดยมีทั้งแบบลงเขาเน้นความเร็วและโชว์ลีลาเก็บคะแนน ควบคุมด้วยจอยรีโมทหรือแท่นทรงตัววีฟิต แถมยังมีลูกเล่นใช้อุปกรณ์โมชั่นพลัสออกแบบท่าผาดโผนเองได้อีกด้วย

เกมอื่นๆที่ออกใหม่ในต่างประเทศของสัปดาห์นี้
ญี่ปุ่น
1.Sekai Saikyou Ginsei Igo Kouza (PS2)
2.Family Challenge Wii (Wii)
3.Calling ~Kuroki Chakushin~ (Wii)
4.Metal Fight Bayblade Gachinko Stadium (Wii)
5.Taiko no Tatsujin Wii Dodon to 2 Daime! (Wii)
อเมริกา
1.F1 2009 (Wii)
2.Lego Indiana Jones 2: The Adventure Continues (Wii/PS3)
3.Tony Hawk Ride (Wii/PS3/Xbox360)
4.My Ballet Studio (Wii)
5.Crazy Chicken Tales (Wii)
6.Buck Fever (Wii)
7.Bermuda Triangle: Saving the Coral (Wii)
8.JumpStart Escape From Adventure Island (Wii)
9.EA Sports Active More Workouts (Wii)
10.Scene It? Bright Lights! Big Screen! (Wii/PS3/Xbox360)
11.New Super Mario Bros. Wii (Wii)
12.The Princess and the Frog (Wii)
13.Jambo! Safari: Animal Rescue (Wii)
14.Just Dance (Wii)
15.Kamen Rider Dragon Knight (Wii)
16.Resident Evil: The Darkside Chronicles (Wii)
17.Pokemon Rumble (WiiWare)
18.Street Fighter II': Champion Edition (Wii - Virtual Console)
19.Indiana Jones' Greatest Adventures (Wii - Virtual Console)
20.SingStar Latino (PS2/PS3)
21.Assassin's Creed II (PS3)
22.God of War Collection (PS3)
23.Planet 51 (PS3)
24.Peggle Nights (PS3 - Playstation Network/Xbox360 - Live Arcade)
25.Peggle Deluxe (PS3 - Playstation Network)
26.NCAA Basketball 10 (Xbox360)
27.Gyromancer (Xbox360 - Live Arcade)
28.Crisis Nuclear Holocaust (Xbox360 - Live Arcade)
29.Diner Dash (Xbox360 - Live Arcade)
30.XMAS Taxi (Xbox360 - Live Arcade)
31.Jumper Robot (Xbox360 - Live Arcade)
32.Aesop's Garden (Xbox360 - Live Arcade)


เกมที่ออกก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์
1.Pro Evolution Soccer 2010 (Xbox360/อังกฤษ)
2.Star Wars The Force Unleashed: Ultimate Sith Edition (Xbox360/อังกฤษ)
3.DJ Hero (Xbox360/อังกฤษ)
4.Planet 51 (Xbox360/Wii/อังกฤษ)
5.Rabbids Go Home (Wii/อังกฤษ)
6.Call of Duty: Modern Warfare: Reflex Edition (Wii/อังกฤษ)

















สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย :
manager.co.th



ดร.เทพนมย้ำอีกครั้ง “มนุษย์ต่างดาวมีจริง!” ติดต่อได้ผ่านสมาธิ

ดร.เทพนมย้ำอีกครั้ง “มนุษย์ต่างดาวมีจริง!” ติดต่อได้ผ่านสมาธิ

โดย ผู้จัดการออนไลน์
4 ธันวาคม 2547 09:09 น.























ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต ผู้บรรยายบรรยายเรื่อง “โทรจิตติดต่อมนุษย์ต่างดาว”
ดร.เทพนมออกย้ำอีกครั้งว่า “มนุษย์ต่างดาวมีจริง” ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 9 ทำได้โดยติดต่อผ่านโทรจิตหรือการทำสมาธิ พร้อมกับเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้พบเจอกับมนุษย์ต่างดาว ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเองและคนรอบข้าง

มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 9 ในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์ทางจิตเพื่อสุขภาพ และการแพทย์ทางเลือก” ณ ดีทรอยต์ มอเตอร์เวิลด์ ได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่วานนี้ (3 ธ.ค.) โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการฝึกจิต เพื่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตและคุณธรรม อีกทั้งเป็นการรวบรวม วิเคราะห์ วิจัยความรู้ ปรากฏการณ์ทางจิตให้ปรากฏชัดว่าเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิต

ในวันแรกของการเปิดงาน ช่วงบ่าย ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิต ผู้ที่ศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับ “มนุษย์ต่างดาว” และ “ยูเอฟโอ” มากว่า 10 ปีได้ขึ้นบรรยายเรื่อง “โทรจิตติดต่อมนุษย์ต่างดาว” โดยเปิดเผยว่า มีการศึกษามนุษย์ต่างดาวกันอย่างกว้างขวางในต่างประเทศ โดยมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานการพบเห็น ซึ่งการติดต่อมนุษย์ต่างดาวนั้น ต้องกระทำด้วยการทำสมาธิทางจิต ต้องทำจิตให้สงบแล้วจะสามารถเห็นได้

แจงลักษณะมนุษย์ต่างดาว พร้อมเผยประสบการณ์ส่วนตัว

”นึกถึงเขาให้มาปรากฏ แต่ทุกครั้งที่ทำต้องเตรียมกล้องไว้ข้างกายเสมอเพราะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันเป็นข้อมูล เหมือนกับว่าหากเราเห็นแล้วคนอื่นก็ต้องเห็นด้วย” ดร.เทพนมเผย พร้อมทั้งแจกแจงว่า ในต่างประเทศได้แบ่งมนุษย์ต่างดาวไว้เป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.หน้าตาเหมือนมนุษย์ 2. มีลักษณะคล้ายมนุษย์แต่มีผิวหนังเป็นสีเทา 3.มีลักษณะคล้ายสัตว์ 4. มีลักษณะคล้ายหุ่นยนต์ 5. รูปร่างประหลาด 6. มีลักษณะคล้ายผี

ทั้งนี้ ดร.เทพนม ยังเล่าถึงประสบการณ์การพบมนุษย์ต่างดาวที่เกี่ยวกับครอบครัวของเขาว่า ลูกชายตัวเองแต่งงานมา 9 ปี แต่ไม่มีลูก ดร.เทพนมจึงขอกับมนุษย์ต่างดาว ซึ่งในการข้อครั้งนั้นมีข้อแม้ว่าต้องพาลูกชายและลูกสะใภ้ไปบอสตัน และเมื่อไปถึง เย็นนั้นเองจานบินก็มาหาที่ริมทะเล ถัดจากนั้นอีก 2-3 อาทิตย์ต่อมาลูกสะใภ้ของ ดร.เทพนมก็ตั้งครรภ์














บรรยากาศในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 9 มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
”หลังจากคลอดแล้วหลานคนนี้ก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่พูดทางจิตด้วยการส่งสัญญาณมือ และเมื่อหลานอายุได้ 3 เดือนก็นั่งสมาธิได้หลังจากได้บอกทางจิตให้ลองนั่ง ครั้งหนึ่งมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นระหว่างที่คุยกับหลานทางอินเทอร์เน็ต ก็มีมือที่มี 3 นิ้วโผล่ขึ้นมาด้านหลังโบกไปมา ต่อมาจึงปรากฏหน้าให้เห็นมีลักษณะคล้ายหญิงชราเอามือตบหัวหลานเหมือนกับว่าคอยดูแลคุ้มครอง” ดร.เทพนมเล่า ประสบการณ์ตรงจากการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว

โทรจิตติดต่อมนุษย์ต่างโลก จากดาว "เวก้า"

อีกทั้ง เขายังเล่าถึงประสบการณ์จากผู้อื่นว่า มีการติดต่อมนุษย์ต่างดาวทางสมาธิเมื่อปี 2546 โดยเป็นผู้หญิงเจ้าของบริษัทไฟฟ้ามาเล่าให้ฟังว่ามีประสบการณ์ประหลาด ตอนกลางคืนมีผู้ชายหน้าตาดี แต่งกายเหมือนท่านเคาท์แดรกคิวลามาหา ซึ่งผู้ชายคนนั้นบอกว่าตามหาหญิงเจ้าของบริษัทผู้นี้มานาน เนื่องจากเป็นภรรยาที่เสียชีวิตไปและต้องการให้กลับไปอยู่กินด้วยกันเหมือนเดิม

ผมจึงติดต่อด้วยสมาธิ และมนุษย์ต่างดาวผู้นี้บอกว่าชื่อ “บีอี” มาจากดาวชื่อเหมือนมิสยูนิเวิร์สปี 46 ที่ชื่อ“เวก้า” และจะมาปรากฏให้เห็นในตอนเย็นเป็นยานทรงกระบอกสีแดงในวันที่ 25 ธ.ค. อีกทั้งยังฝากบอกไปถึงภรรยาเก่าด้วยว่าหากมีปัญหาเดือดร้อนให้นึกถึงเขาจะมาหาทันที และปีที่แล้วในขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้าของหญิงผู้นี้ประสบปัญหาจะล้มละลาย บ้านจะโดนยึดและมีปัญหาเรื่องลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ หญิงผู้นี้ก็นึกถึงมนุษย์ต่างดาวบีอีขอให้ช่วย หลังจากนั้นไม่กี่วันเงินที่ถูกเพื่อนโกงก็ได้คืน กองบังคับคดีที่มีหน้าที่ยึดบ้านก็ไม่ยึด บุตรก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้” ดร.เทพนมเล่า

5,000 ปีที่แล้วมนุษย์ต่างดาวเคยเยือนไทย

”เมื่อคราวที่ต้องผ่าตัดหลังที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธปีที่แล้ว มนุษย์ต่างดาวบอกให้เอากล้องถ่ายที่หน้าต่างจานบินก็มา
อีกทั้งมนุษย์ต่างดาวก็บอกว่าไม่ต้องกลัวจะมาอยู่ในห้องด้วย และในการผ่าตัดครั้งนั้นหมอบอกว่าต้องใช้เวลาประมาณ 6-7 ช.ม. รวมทั้งต้องใช้เลือดอีก 6-7 ขวด เพราะในการผ่าตัดใหญ่ที่หลังนั้นผู้ป่วยจะเสียเลือดมาก แต่ปรากฏว่าไม่ต้องใช้เลือดเลยและใช้เวลาไปไม่เกิน 3 ช.ม.”

นอกจากนี้ ดร.เทพนมยังเล่าถึงเหตุการณ์ “จานบินตก” โดยมีข้อมูลมาจากทำเนียบขาวว่ามีจานบินตกที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 1998 และสหรัฐอเมริกาส่งทีมค้นหาเข้ามาหาแต่ไม่พบ แต่ ดร.เทพนมและพระรูปหนึ่งไปตามหาจนเจอว่าตกอยู่บริเวณป่าสงวน แต่ทั้ง 2 ไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวโดนจับ และเมื่อคราวที่องค์การบริการการบินสหรัฐ (นาซา) มาประชุมที่มหาวิทยาลัยสุรนารี โดยได้เชิญคนไทย 3 คนไปพูด และเขาคือหนึ่งในนั้น ขณะนั้นก็มีจานบินมาให้เห็น

อย่างไรก็ดี ดร.เทพนม ก็ได้ยืนยันเช่นเดิมว่า เมื่อ 5,000 ปีก่อนมนุษย์ต่างดาวเยือนไทย ซึ่งเขาเองก็เคยได้รับการติดต่อจากมนุษย์ต่างดาวว่าเคยมาประเทศไทยเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว โดยพบหลักฐานปรากฏอยู่ในถ้ำบนยอดเขาที่กาญจนบุรีเป็นภาพที่วาดโดยมนุษย์ถ้ำ ประมาณ 100 กว่าภาพเป็นภาพมนุษย์ต่างดาวตากลมโต เมื่อให้เจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากรเอาหินในถ้ำไปตรวจก็พบว่ามีอายุประมาณ 5,000 ปีตามที่กล่าวจริง

งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 9 ครั้งนี้ ยังมีหัวข้อการบรรยายที่น่าสนใจอีกหลายเรื่องเช่น ญาณรู้พลังจิตจักรวาล โดย ดร. วนิดา ทิวกลาง สมาธิกับแสงออร่า โดย อ.ฉาดฉาน บุญนาค พิณแก้ว-ดนตรีพลิกชีวิต โดย อ.วีระพงศ์ ทวีศักดิ์ และวิทยาศาสตร์การหายใจกับพลังชีวิต โดย อ.กัญจีรา กาญจนเกตุ เป็นต้น ซึ่งงานนี้มีตั้งแต่วันที่ 3-6 ธ.ค.เวลา 10.00 – 19.00 น. บริเวณชั้น 3-4 ณ ดีทรอยต์ มอเตอร์เวิลด์ (ปากซอยรามคำแหง 30)

คลิปดร.เทพนมในรายการทูไนท์โชว์
http://clip-d.blogspot.com/2009/11/blog-post_11.html

UFO กับ มนุษย์ต่างดาวบุกไทยจริงหรือ???




UFO กับ มนุษย์ต่างดาวบุกไทยจริงหรือ???




UFO กับ มนุษย์ต่างดาวบุกไทยจริงหรือ???

UFO???



ภาพวัตถุประหลาด ที่ตกลงมาสู่บรรยากาศของโลกเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2549 เวลาประมาณ 18.20 น. ชาวบ้านที่พบเห็นต่างบอกว่าน่าจะเป็นยานของมนุษย์ต่างดาว หรือ UFO โดย นายมรกต อารียะ ประธานศูนย์ศึกษาดาราศาสตร์อุตรดิตถ์และหอดูดาวอารียะ เห็นขณะที่วัตถุดังกล่าวตกลงมาสู่บรรยากาศของโลกและเกิดเปลวไฟลุกไหม้เป็นทางยาวคล้ายกับยานอวกาศกลับสู่โลก จึงใช้กล้องดิจิตอลฟูจิ รุ่น F10 ถ่ายภาพที่เห็นไว้ได้ในทันทีที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ณ ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งในวันดังกล่าวนายมรกต อารียะกลับจากการประชุมที่บ้านมนังคศิลา กรุงเทพฯ และกล้องยังอยู่กับตัว จึงได้ภาพที่แปลกมาศึกษาวิเคราะห์เพื่อหารายละเอียดและข้อเท็จจริงเนื่องจากได้สอบถามนักวิทยุสมัครเล่นในพื้นที่พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และจังหวัดใกล้เคียงรวมทั้งได้สอบถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีรายงานว่ามีเหตุการณ์เครื่องบินตกแต่อย่างใด
อ.วรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต ผอ. หอดูดาวบัณฑิต และกรรมการสมาคมดาราศาสตร์ เห็นภาพนี้แล้วก็พยายามจะหาคำอธิบายเพื่อเป็นคำตอบ แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่าเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร และได้ส่งภาพนี้ให้ ดร ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วยตรวจสอบ โดยในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นปรากฏการณ์แสงสะท้อนจากแผงโซล่าเซลล์ของดาวเทียมเออริเดียม แต่ต่อมาบอกว่าอาจจะไม่ใช่เพราะไม่ตรงกับข้อมูลที่มีอยู่ แต่อีกสมมุติฐานหนึ่งที่รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติบอกว่าน่าจะเป็นไปได้มากก็คืออาจเป็นขยะอวกาศที่ตกลงมายังชั้นบรรยากาศของโลก
จึงเกิดไฟลุกไหม้ทำให้แลเห็นเป็นทางยาวขึ้นไปในท้องฟ้า
อย่างไรก็ตามวัตถุดังกล่าวเมื่อตกลงมาสู่บรรยากาศของโลกในแนวดิ่งเฉียงเล็กน้อยและมีเปลวไฟพุ่งขึ้นเหนือวัตถุเป็นทางยาว แต่ก็ไม่ได้ดิ่งลงสู่พื้นโลกเหมือนกับอุกาบาตแต่อย่างใด กลับวิ่งอยู่ในชั้นบรรยากาศอย่างช้าๆ ขนานกับพื้นผิวโลกไปทางทิศตะวันตก และแลเห็นเป็นลูกไฟดวงโต ก่อนลับสายตาไปกับขอบฟ้า ซึ่งกล้องฟูจิ รุ่น F10 ไม่สามารถจับภาพได้


มะนาวต่างดุด (มนุษย์ต่างดาว)???
ในต่างประเทศ แบ่งมนุษย์ต่างดาวเป็น 6 กลุ่มตามรูปร่างลักษณะคือ
1.เหมือนมนุษย์
2.คล้ายมนุษย์แต่ผิวหนังเป็นสีเทา
3.คล้ายสัตว์
4.คล้ายหุ่นยนต์
5.รูปร่างประหลาด
6.คล้ายผี


รูปร่างคล้ายคนแคระ ไม่สวมเสื้อผ้า ระบุเพศไม่ได้ สูงประมาณ 70 ซม. ผิวสีน้ำตาลเทา ศีรษะมนกลมโต ตาโตสีน้ำตาลเป็นมันวาว ไม่มีจมูก ปากบางเล็ก หน้าอกแบนราบ ลักษณะร่างกายไม่กลมมนเหมือนมนุษย์ ถ้ามองจากด้านข้างจะแบนราบซึ่งที่ว่ามาป้วนเปี้ยนในนาข้าวที่เชียงรายเหมือนหาของที่ทำตกไม่รู้กลุ่มไหน?
นี่คือลักษณะคร่าว ๆ ของสิ่งที่เชื่อว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่มีคนอ้างว่าพบเห็นในเมืองไทยล่าสุด ที่ทุ่งนาพื้นที่บ้านห้วยน้ำราก หมู่ 5 ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อเช้าวันที่ 3 ก.ย. 2548 หลังจากที่คืนวันที่ 2 ก.ย. มีการกล่าวอ้างว่าพบเห็นลูกไฟลึกลับตกพุ่งลงมาจากฟ้าในบริเวณดังกล่าว ไม่ใช่แค่คนเดียวที่อ้างว่าเห็นแต่เป็นสิบคน ไม่ใช่การอ้างว่าเห็นในระยะไกลแต่ใกล้แค่ประมาณ 10 เมตร และไม่ใช่อ้างว่าเห็นแค่บนพื้นดินแวบเดียวแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอยแต่เห็นวนเวียนในท้องนาเหมือนหาอะไรอยู่เป็นชั่วโมง ก่อนจะค่อย ๆ ลอยตัวสูงขึ้นจากพื้นดินไปอยู่เหนือยอดไม้สูงประมาณ 10 เมตร จากนั้นก็หยุดแล้วหันหน้ามองลงมายังกลุ่มคนที่อ้างว่าเห็น ก่อนจะพุ่งลิ่วขึ้นสู่ท้องฟ้าหายลับตาไป
เรื่องราวเกี่ยวกับ มนุษย์ต่างดาวนั้น เป็นเรื่องชวนให้สนใจของผู้คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งในเมืองไทยเราก็มีบุคคลระดับ นักวิชาการให้ความสนใจ และบางคนก็ระบุว่าเคยเห็นหรือเคยติด ต่อกับมนุษย์ต่างดาวทาง จิตหรือจากการฝึกทำ สมาธิ
เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2540 เคยมีการจัดสัมมนาเรื่อง มนุษย์ต่างดาวซึ่งเป็นครั้งแรกในเมืองไทย และในการสัมมนาถึงกับมีการระบุว่ามนุษย์ต่างดาวจะ บุกโลกในอีก 25 ปี หรือในปี 2565 โดยมีการวางแผนแบ่งกำลังกันบุกเป็นโซน ๆ ของโลก ทั้งแถบทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และรวมถึงทวีปเอเชีย
นักวิชาการอีกคนหนึ่งซึ่งให้ความสนใจเรื่อง มนุษย์ต่างดาวมาก คือ ศ.ดร.น.พ.เทพนม เมืองแมน ประธานอำนวยการฝ่ายสถาบันวิทยา ศาสตร์ทางจิต ซึ่ง ศ.ดร.เทพนมได้เคยระบุไว้ว่าเคยติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวทาง โทรจิตหรือการทำสมาธิหลายครั้ง และว่าในต่างประเทศก็มีการทำกันอยู่
ในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 9 เมื่อปลายปี 2547 ศ.ดร.เทพนมระบุไว้ว่า เคยได้รับการติดต่อจากมนุษย์ต่างดาวว่าเคยมาที่เมืองไทยตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว และพบหลักฐานปรากฏอยู่ในถ้ำบนยอดเขาที่ จ.กาญจนบุรี เป็นภาพที่วาดโดยมนุษย์ถ้ำ ประมาณ 100 กว่าภาพ เป็นภาพ มนุษย์ต่างดาวตากลมโตซึ่งทางกรมศิลปากรเอาหินในถ้ำไปตรวจก็พบว่ามีอายุประมาณ 5,000 ปี
ที่ จ.เชียงใหม่ ก็มีการระบุว่าจานบินของมนุษย์ต่างดาวเคยมาตกเมื่อต้นปี 2541 ถึงขั้นสหรัฐส่งทีมมาสำรวจแต่ไม่พบ อย่างไรก็ตาม ศ.ดร. เทพนมบอกไว้ว่าได้ไปลองหาจนเจออยู่ในเขตป่าสงวนฯ ! ไม่เท่านั้นยังมีการระบุว่าตอนที่ทางนาซามาประชุมในไทยที่มหาวิทยาลัยฯสุรนารี จ.นครราชสีมา ครั้งนั้นก็มีจานบินมาปรากฏ ซึ่งถ้าเป็นเช่นที่ว่ามาจริง ๆ ก็หมายถึงมนุษย์ต่างดาวมาเมืองไทยบ่อย!


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://learners.in.th/blog/siriwan186/38775

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP