เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

บันทึกเหตุการณ์หลังสิ้นเสียง"ปืน-ระเบิด" เปิดรายชื่อผู้เสียชีวิตตั้งแต่ "10 เม.ย.-19พ.ค."

หลังจากที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมจนถึงวันที่ 20 พฤษาคม พ.ศ.2553 รวมเวลา 59 วัน เริ่มตั้งเวทีชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศและย้ายมาชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง ที่ควบคุมโดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 7 เมษายน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเพื่อขอพื้นที่คืนเมื่อวันที่ 10 เมษายน มีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้บาดเจ็บ 864 คน เสียชีวิตกว่า 26 ราย เป็นพลเรือน21 ราย เจ้าหน้าที่ 5 นาย ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะประกาศยุติปฏิบัติการ


จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมตัดสินใจสลายเวทีผ่านฟ้าไปรวมกับเวทีราชประสงค์ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายนเพื่อกดดันรัฐบาลโดยอาศัยพื้นที่ใจกลางเมืองเป็นที่ชุมนุมใหญ่ซึ่งรัฐบาลโต้กลับโดยมาตรการส่งกำลังทหารตำรวจเข้ากระชับวงล้อมในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม มีการขอพื้นที่คืนเกิดการปะทะกันอย่างต่อเนื่องทำให้มีคนบาดเจ็บเกือบ 471 คน เสียชีวิต 59 ราย เป็นพลเรือน 58 ราย เจ้าหน้าที่ทหาร 1 นาย


ย้อนเหตุการณ์ตั้งแต่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าปักหลักที่สะพานผ่านฟ้าเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายมีระเบิดเกิดขึ้นหลายจุดก่อนจะมีการสลายการชุมนุม เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมถึงวันที่ 7 เมษายน มีเหตุยิงระเบิด เอ็ม 79 ยิงจรวดอาร์พีจี ลอบวางระเบิด เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมผู้บาดเจ็บก่อนเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุม 10 เมษายน มีผู้บาดเจ็บที่เป็นเจ้าหน้าที่ 13 ราย ประชาชน 7 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต


เหตุการณ์หลังจากเหตุการณ์ขอพื้นที่คืนในวันที่ 10 เมษายน ผ่านไปเพียงแค่ 10 กว่าวันหลังเหตุการณ์นองเลือด เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่ศาลาแดงซึ่งมีกลุ่มคนหลากสีและกลุ่มที่ใช้ชื่อว่าชาวสีลมนัดรวมตัวกันขึ้นมาต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง มีผู้บาดเจ็บ 79 คนเสียชีวิต 1 ราย วันที่ 25 เมษายน เกิดเหตุระเบิดที่ซอยจรัฐ 35 มีผู้บาดเจ็บ 11 รายเป็นพลเรือน 8 ราย ทหาร 3 นาย กระทั่งวันที่ 28 เมษายน ที่อนุสรณ์สถานมีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่มีผู้บาดเจ็บ 19 ราย เป็นพลเรือน 16 คน เจ้าหน้าที่ 3 นายและมีทหารเสียชีวิต 1 นาย


วันที่ 7-8 พฤษาคมมีเหตุยิง-ระเบิดที่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอส-แยกถนนพระรามที่ 4 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 13 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 11 นาย พลเรือน 2 ราย เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 ราย


กระทั่งวันที่ 13 พฤษภาคม มีเหตุลอบยิงพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกเสียชีวิตในเวลาต่อมา วันเดียวกันมีผู้ชุมนุมกว่า 21 รายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากดื่มกาแฟผสมยานอนแบบรุนแรงและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ก่อนรัฐบาลสั่งเจ้าหน้าที่ทหารกระชับวงล้อมพื้นที่การชุมนุมเกิดการปะทะหลายจุดมีผู้บาดเจ็บ 44 คน เสียชีวิต 3 ราย และรัฐบาลประกาศขอพื้นที่คืนวันที่ 19 พฤษภาคม


ศุนย์บริการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร(ศูนย์เอรวัณ) ได้สรุปตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมถึงวันที่ 19 พฤษภาคม มีผู้เสียชีวิต 88 คน บาดเจ็บ1,885 คน ยังมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 217 คน ในจำนวนนี้อยู่ในห้องไอซียู 17 คน



กรมสุขภาพจิตเปิดเผยว่าครอบครัวผู้เสียชีวิตเสี่ยงโรคซึมเศร้าโรคเครียดรุนแรง นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากการลงพื้นที่เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) และปริมณฑล พบข้อมูลที่น่าเป็นห่วงคือ ในกลุ่มครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งมีอยู่ 88 ครอบครัว ทางกรมสุขภาพจิตได้ลงพื้นที่เยียวยาไปแล้ว 43 ครอบครัว พบว่าประมาณ ร้อยละ 80 มีปฏิกิริยาทางอารมณ์ จิตใจ มีความหดหู่ เศร้าเสียใจ ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเกิดภาวะซึมเศร้า ส่วนที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 20 มีภาวะโกรธแค้น เครียด ซึ่งมีโอกาสจะนำไปสู่โอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคเครียดรุนแรงจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ หรือ "PTSD" (Post traumatic stress disorder) อย่างไรก็ตาม หลังจากลงพื้นที่เยียวยาครบทั้ง 88 ครอบครัวแล้ว จะต้องมีการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงที่จะมีโอกาสเกิดทั้งสองโรคดังกล่าวอย่างใกล้ชิดด้วย


"สิ่งที่ต้องระวังเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า และโรคเครียดรุนแรง คือ มีโอกาสนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ โดยในกลุ่มที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีโอกาสสูงกว่า ซึ่งการที่ประชาชนจะกลับเข้าสู่ภาวะจิตใจปกติได้ก็ต้องใช้เวลาประมาณ1-3 เดือน แต่หากมีการเยียวยาก็จะทำให้กลับสู่ภาวะจิตใจปกติเร็วขึ้น ดังนั้นในช่วงระยะนี้จึงจำเป็นที่จะต้องมีการเยียวยาจิตใจ และเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยง ขณะที่ในกลุ่มญาติ หรือเพื่อนของครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตก็สามารถช่วยเยียวยาจิตใจได้เช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องช่วยกันดูแล ส่วนในกลุ่มผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น ทางกรมสุขภาพจิตได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียวยาจิตใจแล้วประมาณ 340 ราย จาก 1,902 ราย พบว่าจะมีปฏิกิริยาทางด้านจิตใจประมาณ ร้อยละ 20 ซึ่งพบว่าน้อยกว่ากลุ่มครอบครัวที่มีผู้เสียชีวิตมาก เพราะกลุ่มครอบครัวผู้ที่เสียชีวิตจะมีปัญหาที่ซับซ้อนเยอะมาก ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่ผู้นำครอบครัวต้องมาเสียชีวิตไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงทำให้เกิดผลกระทบทางด้านจิตใจมาก สำหรับการเยียวยาในพื้นที่ภูมิภาค 23 จังหวัดที่มีการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินนั้น ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมผู้ที่ได้รับผลกระทบแต่ละพื้นที่แล้ว คาดว่าจะมีการรายงานผลเบื้องต้นในการประชุมคณะผู้บริหาร สธ.วันที่ 7 มิถุนายนนี้" นพ.วชิระ กล่าว


รายชื่อผู้เสียชีวิตที่สามารถรวบรวมได้ในขณะนี้



เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน





โรงพยาบาลหัวเฉียว

1.นายอำพล ตติยรัตน์ อายุ 43 ปี พลเรือน ถูกยิงบริเวณศรีษะ
2. นายยุทธนา ทองเจริญพลพร อายุ 23 ปี พลเรือน ถูกยิงบริเวณศรีษะ
3. นายไพศล ทิพย์ลม อายุ 37 ปี พลเรือน กระโหลกขวายุบ


โรงพยาบาลกลาง


4. นายสวาท วางาม อายุ 43 ปี พลเรือน มีแผลที่หน้าผากขนาดใหญ่เสียชีวิตก่อนถึงรพ.
5. Mr.Hiroyuki Muramoto อายุ - พลเรือน มีแผลที่ราวนมซ้ายลึก เสียชีวิตก่อนถึงรพ.
6. นายธวัฒนะชัย กลัดสุข อายุ 36 ปี พลเรือน หยุดหายใจก่อนถึงรพ.และมีบาดแผลที่ต้นขาซ้าย
7. นายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี พลเรือน หยุดหายใจก่อนถึงรพ.และมีบาดแผลที่อกซ้าย
8. นายจรูญ ฉายแม้น อายุ 46 ปี พลเรือน เสียชิวิตก่อนถึงรพ. แผลสะบักขวา 1.0x1.5 cm.
9. นายวสันต์ ภู่ทอง อายุ 39 ปี พลเรือน มีแผลเปิดที่กะโหลก ศีรษะและใบหน้าเสียชิวิตก่อนถึงรพ.
10. ชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุ - ปี พลเรือน เป็นแผลลึกที่สะบักขวา เสียชิวิตก่อนถึงรพ.
11. นายมลชัย แซ่จอง อายุ 54 ปี พลเรือน เสียชีวิตจากการถูกแก๊สน้ำตาทำให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
12.นายอนันต์ สิริกุลวาณิชย์ อายุ 54 ถูกยิงที่ต้นคอ



โรงพยาบาลวชิระพยาบาล



13. นางคะนึง ฉัตรเท พลเรือน
14. นายเกรียงไกร คำน้อย อายุ 23 ปี พลเรือน ถูกยิง
15. ส.ท.ภูริวัฒน์ ประพันธ์ สังกัด ร้อย สห.พล.ร2
16. ส.ต.อนุพงษ์ เมืองอำพันธ์ สังกัด ร12 พัน2


โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ


17. พลทหาร สิงห์หา อ่อนทรง สังกัด ร.12 พัน2 รอ.
18. พ.อ.ร่มเกล้า ชุวธรรม อายุ - ปี ทหาร


โรงพยาบาลศิริราช


19. นายบุญธรรม ทองผุย อายุ - ปี พลเรือน
20. นายสมศักดิ์ แก้วสาน อายุ 34 ปี พลเรือน


โรงพยาบาลราชวิถี



21.นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ อายุ 29 ปี พลเรือน


โรงพยาบาลรามาธิบดี


22. ชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุ 50 ปี ถูกยิงที่ขาหนีบซ้าย เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลรามาธิบดี
23.พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาระ เสียชีวิตที่เหตุปะทะอนุสรณ์สถาน(ดอนเมือง) (28 เม.ย.)



รายชื่อผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 13 -19 พฤษภาคม


1.พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลหรือเสธแดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพ
2. นายอินแปลง เทศวงศ์ อายุ 32 ปี โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1
3.นายประจวบ ศิลาพันธ์ รพ.ตำจรวจ
4.นายปิยะพงษ์ กิติวงศ์ อายุ 32 ปี รพ.ตำรวจ
5. นายสมศักดิ์ ศิลารักษ์ อายุ 28 ปี รพ.ตำรวจ
6.น.ส.สัญธะนา สรรพศรี อายุ 32 ปี รพ.พญาไท 1
7.ชายไทยไม่ทราบชื่อ รพ.พญาไท 1
8. นายพัน คำกอง รพ.พญาไท 1
9. นายมนูญ ท่าลาด อายุ 40 ปี รพ.พญาไท 1
10.นายชัยยันต์ วรรณจักร อายุ 20 ปี รพ.พระมงกุฏเกล้า
11.นายเหิน อ่อนสา อายุ 39 ปี
12.นายธันวา วงศ์ศิริ อายุ 26 ปี รพ.ราชวิถี
13.นายกิตติพันธ์ ขันทอง อายุ 26 ปี รพ.ราชวิถี
14.นายทิพเนตร เจียมพล อายุ 32 ปี รพ.ราชวิถี
15.นายสรไกร ศรีเมืองปุน อายุ 34 ปี รพ.ราชวิถี
16.นายบุญทิ้ง ปานศิลา อายุ 25 ปี รพ.รามาธิบดี
17.นายสุภชีพ จุลทรรศน์ อายุ 36 ปี รพ.ราชวิถี
18.นายมานะ แสงประเสิรฐ์ศรี อายุ 25 ปี รพ.เลิดสิน
19.นายอำพล ชื่นสี อายุ 25 ปี รพ.รามาธิบดี
20.นายสมาพันธ์ ศรีเทพ อายุ 17 ปี รพ.รามาธิบดี
21.นายอุทัย อรอินทร์ อายุ 35 ปี รพ.รามาธิบดี
22.นายชาญณรงค์ พลศรีลา รพ.พญาไท
23.นายวารินทร์ วงศ์สนิท อายุ 28 ปี รพ.ราชวิถี
24.นายพรสวรรค์ นาคะไชย อายุ 23 ปี รพ.เลิดสิน
25.นายสมชาย พระสถพรรณ อายุ 43 ปี รพ.เลิดสิน
26.นายเกียรติคุณ ฉัตรวีระสกุล รพ.เจริญกรุงฯ
27.นายประจวบ ประจวบสุข อายุ 42 ปี รพ.เจริญกรุงฯ
28.นายเกรียงไกร เลื่อนไธสง อายุ 25 ปี รพ.เลิดสิน
29.นายวงศกร แปลงศรี อายุ 40 ปี รพ.เลิดสิน
30.นายสุพรรณ์ ทุมทอง อายุ 49 ปี รพ.รามาธิบดี
31.นายธนากร ปิยะผลดิเรก อายุ 50 ปี รพ.รามาธิบดี
32.ชายไทยไม่ทราบชื่อ รพ.กล้วยน้ำไท 1
33.นายเฉลียว ดีรื่นรัมย์ อายุ 27 ปี รพ.กล้วยน้ำไท 1
34.จ่าอากาศเอกพงศ์ชลิต พิทยานนทกาญจน์ อายุ 31 ปี
35.นายสุพจน์ ยะทิมา อายุ 37 ปี รพ.ตำรวจ
36.นายสมพาน หลวงชม อายุ 35 ปี รพ.ทหารผ่านศึก
37.นายออง ลวิน หรือมูฮัมหมัด อาลี อายุ 35 ปี รพ.ทหารผ่านศึก ชาวพม่า
38. Mr.Fabio Polenghi อายุ 48 ปี รพ.ตำรวจ ชาวอิตาลี
39.นายถวิล คำมูล อายุ 36 ปี รพ.รามาธิบดี
40.หญิงไม่ทราบชื่ รพ.ราชวิถี
41.ชายไทยไม่ทราบชื่อ รพ.รามาธิบดี
42.นายธนโชติ ชุ่มเย็น รพ.ตำรวจ
43.ส.อ.อนุสิทธิ์ จันทร์แสนคอ
44.นายปรัชญา แซ่โค้ว อายุ 21 ปี รพ.เปาโลฯ
45.นายอัครเดช ขันแก้ว อายุ 22 ปี รพ.ตำรวจ
46.นายมงคล เข็มทอง อายุ 37 ปี รพ.ตำรวจ
47.น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี รพ.ตำรวจ
48. นายวิชัย มั่นแพ อายุ 61 ปี รพ.ตำรวจ
49.นายอัฐชัย ชุ่มจันทร์ อายุ 28 ปี รพ.ตำรวจ
50.ชายไทยไม่ทราบชื่อ รพ.ตำรวจ
51.นายนรินทร์ ศรีชมภู รพ.ตำรวจ
52.น.ส.วาสินี เทพปาน รพ.รามาธิบดี
53.นายเยื้อน โพธิ์ทองคำ อายุ 60 ปี รพ.รามาธิบดี
54นายกิตติพงษ์ สมสุข อายุ 20 ปี
55.ส.ต.ท.กานต์นุพันธ์ เลิศจันทร์เพ็ญ เจ้าหน้าที่จร. เข้าเวรปจ. สน.ทุ่งมหาเมฆ
56.จ.ส.ต.วิทยา พรหมสาลี
56.น.ส.ธัญญานัน แถบทอง ศพอยู่ที่ รพ.จุฬาฯ
57.นายปลั๊ก (ไม่ทราบนามสกุล)
58.นายสมร ไหมทอง
58.นายชาติชาย ชาเหลา เสียชีวิตจากการดื่มกาแฟผสมยานอนหลับแบบรุนแรง
59.นายสมัย ทัดแก้ว
60.นายเสน่ห์ นิลเหลือง อายุ 48 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1275550757&grpid=01&catid=

หลุมยุบ Sinkhole

หลุมยุบคืออะไร





หลุมยุบ หรือ Sinkhole เป็นธรณีพิบัติภัยประเภทหนึ่งเกิดตามธรรมชาติ แต่กิจกรรมของมนุษย์ก็สามารถเร่งให้เกิดเร็วขึ้นได้ทั่วไปในภูมิประเทศที่ใต้ผิวดินเป็นหินปูน หินโดโลไมต์และหินอ่อน ซึ่งหินเหล่านี้ละลายได้ในน้ำใต้ดิน ทำให้เกิดโพรงหรือถ้ำใต้ดินขึ้น และเมื่อเพดานต้านทานน้ำหนักของดินและสิ่งก่อสร้างที่กดทับด้านบนไม่ไหวจึงพังกลายเป็นหลุมยุบ



กระบวนการเกิดหลุมยุบ


หลุมยุบ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ดินยุบตัวลงเป็นหลุมลึก และมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1 – 200 เมตร ลึกตั้งแต่ 1 ถึงมากกว่า 20 เมตร เมื่อแรกเกิดปากหลุมมีลักษณะเกือบกลมและมีน้ำขังอยู่ก้นหลุม ภายหลังน้ำจะกัดเซาะดินก้นหลุมกว้างมากขึ้น ลักษณะคล้ายลูกน้ำเต้า ทำให้ปากหลุมพังลงมาจนเหมือนกับว่าขนาดของหลุมยุบกว้างขึ้น


โดยปรกติหลุมยุบจะเกิดในบริเวณที่ราบใกล้กับภูเขาที่เป็นหินปูนเนื่องจากหินปูนมีคุณสมบัติละลายน้ำที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนได้ประกอบกับภูเขาหินปูนมีรอยเลื่อนและรอยแตกมากมายดังจะสังเกตเห็นได้ว่าภูเขาหินปูนมีหน้าผาชัน หน้าผาเป็นรอยเลื่อนและรอยแตกในหินปูนนั่นเอง บริเวณใดที่รอยแตกของหินปูนตัดกันจะเป็นบริเวณที่ทำให้เกิดโพรงได้ง่าย


โพรงหินปูนถ้าอยู่พ้นผิวดินก็คือถ้ำ ถ้าไม่โผล่เรียกว่าโพรงหินปูนใต้ดิน ซึ่งจำแนกเป็น 2 ระดับคือ โพรงหินปูนใต้ดินระดับลึก ( ลึกจากผิวดินมากกว่า 50 เมตร ) และโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น ( ลึกจากผิวดินไม่เกิน 50 เมตร ) ส่วนใหญ่หลุมยุบจะเกิดบริเวณที่มีโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น


สาเหตุของการเกิดหลุบยุบ



ลักษณะของหลุมยุบ



รูปร่างของหลุมยุบแตกต่างกันไปตามลักษณะการเกิดส่วนใหญ่มีรูปร่างวงกลมหรือวงรี หลุมยุบที่เกิดจากการพังถล่มของเพดานโพรงหรือถ้ำใต้ดิน จะมีขอบหลุมชัน แต่หลุมยุบที่เกิดเนื่องจากการละลายของหินเป็นหลัก จะมีขอหลุมเอียงลาด ขนาดของหลุมขึ้นอยู่กับขนาดของโพรงหรือถ้ำใต้ดิน มีตั้งแต่ไม่กี่เมตรถึงหลายร้อยเมตรและลึกหลายสิบเมตร


หลุมยุบในประเทศไทย


หลุมยุบเกิดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กรทรัพยากรธรณีได้รับแจ้งและเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่มากกว่า 45 แห่ง โดยพบว่าพื้นที่ที่เกิดหลุบยุบอยู่ในพื้นที่ราบใกล้ภูเขาหินปูนภายหลังการเกิดธรณีพิบัติภัยแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 พบว่ามีหลุมยุบเกิดขึ้นมากกว่า 19 ครั้ง โดยเกิดใน 4 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากธรณีพิบัติภัยครั้งนี้คือ จังหวัดสตูล พังงา กระบี่ และตรัง ถึง 14 ครั้ง เกิดในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย 4 ครั้ง และเกิดในภูมิภาคอื่นคือ จังหวัดเลย 1 ครั้ง


แผนที่แสดงโอกาสเกิดหลุมยุบในประเทศไทย



ปัจจัยที่ทำให้เกิดหลุมยุบ





1. เป็นบริเวณที่มีหินปูนรองรับอยู่ในระดับน้ำตื้น

2. มีโพรงหรือถ้ำใต้ดิน

3. มีตะกอนดินปิดทับทาง ( ไม่เกิน 50 เมตร )

4. มีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน

5. มีรอยแตกที่เพดานโพรงใต้ดิน

6. ตะกอนดินที่อยู่เหนือโพรงไม่สามารถคงตัวอยู่ได้

7. มีการก่อสร้างอาคารที่ที่มีโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น

8. มีการเจาะบ่อบาดาลผ่านเพดานโพรงหินปูนใต้ดินระดับตื้น ทำให้แรงดันน้ำและอากาศภายในโพรงถ้ำเปลี่ยนแปลง

9. มีผลกระทบที่เกิดจากแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเกิน 7 ริกเตอร์


สาเหตุที่ทำให้เกิดหลุมยุบหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์


แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรง 9 ริกเตอร์ ทำให้หินปูนที่มีคุณสมบัติแข็งแต่เปราะได้รับการกระทบกระเทือนเป็นบริเวณกว้าง เพดานโพรงหรือถ้ำใต้ดินที่อยู่ในระดับตื้นและมีความไม่แข็งแรงอยู่เดิมมีโอกาสยุบตัวและถล่มลงมาได้ง่าย


นอกจากนี้คลื่นยักษ์ (สึนามิ) ที่กระหน่ำเข้ามามีแรงกระแทกมหาศาลทำให้ระดับน้ำใต้ดินและบนดินมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากปัจจัยที่กล่าวมาบวกกับปัจจัยที่มีอยู่เดิมทำให้เกิดหลุมยุบขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์โดยตรง และในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเพียงอย่างเดียว


สรุปสาเหตุที่ทำให้เกิดหลุมยุบหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ คือ


1. เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดินอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเกิดคลื่นยักษ์ทำให้แรงดันของน้ำและอากาศภายในโพรงเสียสมดุล


2. เกิดการขยับตัวของพื้นที่ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยร้าวของเพดานโพรง สืบเนื่องจากการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง








ข้อสังเกตก่อนเกิดหลุมยุบ


1. ดินทรุดตัวทำให้กำแพง รั้ว เสาบ้าน ต้นไม้โผล่สูงขึ้น


2. มีการเคลื่อนตัว / ทรุดตัวของกำแพง รั้ว เสาบ้าน ต้นไม้ ประตู / หน้าต่างบิดเบี้ยว ทำให้เปิดยากขึ้น


3. เกิดแอ่งน้ำขนาดเล็กในบริเวณที่ไม่เคยเกิดแหล่งน้ำมาก่อน


4. มีต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ และพืชผัก เหี่ยวเฉาเป็นบริเวณแคบๆ หรือเป็นวงกลม เนื่องจากการสูญเสียความชื้นของชั้นดินลงไปในโพรงใต้ดิน


5. น้ำในบ่อ สระ เกิดการขุ่นข้น หรือเป็นโคลน โดยไม่มีสาเหตุ


6. อาคาร บ้านเรือนทรุด มีรอยปริแตกบนกำแพง พื้น ทางเดินเท้า และบนพื้นดิน


หลุมยุบในต่างประเทศ


หลุมยุบที่ประเทศ Guatemala ลึก 330 ฟุต



หลุมยุบที่ Winter Park, Florida (1981)



หลุมยุบที่ Daisetta, Texas, 2008



หลุมยุบที่ Winkler, Texas




หลุมยุบ Devil’s Sinkhole, Texas












ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.geopnru.co.cc/?p=253

“อ๋อย”แขวะ“มาร์ค”แจงทูตน้ำขุ่นๆ



วันนี้ (30พ.ค.) ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานสถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตยในฐานะอดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวแสดงความเห็นต่อแนวทางการแก้ไขวิกฤตประเทศของรัฐบาลว่า นายกรัฐมนตรีใช้คารมโวหารแก้ปัญหาเอาตัวรอดไปวันๆ และมีบทบาทอย่างสำคัญที่ทำให้แผนปรองดองของรัฐบาลกลับเป็นเรื่องลม ๆ แล้ง ๆ ที่ไม่มีวันจะปรากฏเป็นจริงขึ้นได้ แต่กลับจะทำให้บ้านเมืองยิ่งแตกแยกและวิกฤตยิ่งซึมลึกไปเรื่อย การที่นายรัฐมนตรีอาศัยการชี้แจงต่อทูตและผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เป็นการแก้ตัวอย่างน้ำขุ่นๆฟังไม่ขึ้น ตอบไม่ตรงประเด็นโดยเฉพาะการสร้างความปรองดอง แต่กลับนำมาฟอกตัวเองโดยพูดแทนทูตทั้งหลายว่าฟังแล้วเข้าใจดี ทั้งๆที่สังเกตจากคำถามก็แสดงให้เห็นว่ายังมีคำถามใหญ่ๆที่ทูตหลายประเทศยังห่วงใยไม่สบายใจ และในการชี้แจงครั้งนี้นายกรัฐมนตรียังได้ฉวยโอกาสแก้ต่างแทนทหารว่าไม่ได้ยิงประชาชน ดังนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรียืนยันว่าฝ่ายรัฐบาลไม่ผิดเลย แล้วยังจะตรวจสอบข้อเท็จจริงไปเพื่ออะไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า หากจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น คณะกรรมการฯชุดนี้ควรตรวจสอบ ศึกษาวิเคราะห์ถึงต้นเหตุวิกฤตของประเทศที่นำมาสู่การชุมนุมและเกิดความสูญเสียในที่สุด แต่การตั้งคณะกรรมการจะให้เป็นที่ยอมรับของหลายๆฝ่ายและสังคมโดยรวมนั้นเป็นเรื่องยาก นายกรัฐมนตรีเองก็เป็นคู่กรณีโดยตรงและยังเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย การให้นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะได้คนที่เป็นที่ยอมรับ ตราบใดที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และยังกำกับสั่งการทั้งตำรวจ ดีเอสไอ และอีกหลายหน่วยงานที่มีส่วนทำให้เกิดปัญหาหรือเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยในความเป็นกลาง นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นนั้น นับเป็นโอกาสเดียวในรอบ 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา ที่ประชาชนจะมีโอกาสรับฟังข้อมูลความคิดเห็นที่แตกต่างจากที่รัฐบาลเสนอมาแต่ฝ่ายเดียวโดยตลอด แต่การอภิปรายในครั้งนี้จะคาดหวังผลมากนักก็คงไม่ได้เพราะรัฐบาลได้ครอบงำความคิดของสังคมไปมากจากการแทรกแซงสื่ออย่างได้ผล นอกจากนี้รัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ยังแสดงท่าที่จะขัดขวาง ปิดกั้นการเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยอ้างเหตุผลความเหมาะสมที่ฝ่ายเสียงข้างมากจะเป็นผู้ตัดสิน โดยเฉพาะรูปภาพและคลิปวีดีโอที่ประชาชนไม่มีโอกาสได้เห็นมาก่อน ก็อาจไม่ได้รับอนุญาตให้นำเสนอ ส่วนการอภิปรายจะมีผลอย่างไร ทำให้เกิดการปรับครม.หรือไม่นั้น คิดว่าเป็นการบิดเบือนประเด็นของนายกรัฐมนตรี การปรับครม.เป็นเพียงการจัดสรรผลประโยชน์กันใหม่ ที่พรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจต่อรองมากขึ้นเท่านั้น เพราะความจริงแล้วผู้สมควรโดนปรับออกมากที่สุดคือนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ในตำแหน่งก็ไม่มีทางที่จะทำให้เกิดการปรองดองได้จริง มีแต่จะทำให้สังคมไทยยิ่งแตกแยกมากขึ้น ไม่มีสิ้นสุด.


ที่มา : http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=330201&ch=pl1

กต.ไทยงามหน้าถูกต่างชาติจับโกหก



วันนี้ ( 29 พ.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โพสต์ข้อความส่วนตัวผ่านบล็อก Thaksinlive ในเวปไซต์ทวิตเตอร์ดอทคอมตอบโต้กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ตั้งคำถามว่า จะยอมเสียสละหรือยกเลิกสัญชาติไทยหรือไม่นั้น ว่า คุณอภิสิทธิ์แนะให้ผมถอนสัญชาติไทยโถ!ผมเกิดเมืองไทย ผมรักแผ่นดินเกิด ผมจะถอนได้อย่างไง ตัวคุณน่าจะถอนมากกว่าเพราะคุณเกิดอังกฤษ แต่สั่งฆ่าคนไทยตายเป็นร้อยบาดเจ็บร่วมสองพันในวัดยังฆ่า ความรุนแรงเกิดขึ้นเพราะคุณยัดข้อหาผู้ก่อการร้ายให้คนถูกกระทำ คุณอภิสิทธิ์และรัฐบาลนี้พยายามตามจับผมทุกรูปแบบไม่สำเร็จถึงขนาดลงทุนฆ่าคนไทย เหมือนชีวิตเป็นผักปลาแล้วยัดข้อหาก่อการร้าย เพื่อจะจับหนูตัวเดียวเผาทั้งบ้านฆ่าทั้งคนคุ้มหรือ? ขณะนี้มีพี่น้องเสื้อแดงระดับชาวบ้านที่ไปรวมตัวกัน ที่วัดปทุมฯทางการส่งรถไปรับบอกจะพากลับบ้านแต่กลับเอาไปส่งตชด.คลอง5ขังไว้ยังไม่ยอมปล่อย มีพระสงฆ์5รูปถูกบังคับให้สึกโดยไม่มีกรรมวิธีตามหลักพระพุทธศาสนา ผมไม่เคยนึกว่า พรก.นี้ฆราวาสจับพระสึกได้จับท่านขังเรือนจำ คลองเปรมไม่ให้ประกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุต่อว่า รัฐบาลแน่จริงทำไมปิดสื่อกล่าวหาข้างเดียว ใครไม่เห็นด้วยก็ด่าเขา เช่น ซีเอ็นเอ็น ปิดเขา เช่น เรดนิวส์ ภูมิใจไหมเสรีภาพสื่อไทยอยู่ที่155จาก198 รัฐบาลหลายประเทศเขาเอาหนังสือราชการ ที่เด็กหน้าห้องเก่าผมทำไปถึงกระทรวงต่างประเทศของเขาแล้วบอกว่าอย่าให้ผมเข้าประเทศเขา โดยอ้างว่าผมมีหมายจับเป็นหมายจับสากล เขาได้ตรวจสอบไปที่ตำรวจสากลไม่พบว่าผมมีหมายเลยเขาบอกว่าเป็นการโกหก ทำให้กระทวงต่างประเทศของไทยไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ งามหน้าไหมล่ะ "ขณะนี้ก็รู้มาอีกว่ากำลังจะเร่งให้ตำรวจทำหนังสือถึงตำรวจสากลอีกเพื่อบอกว่าศาลออกหมายจับเรื่องก่อการร้ายขอให้จับผมส่งตัวมา ด้วย โถ!เขาไม่มั่ว เขามีหลักเขารู้ทั้งโลกว่าคุณเป็นรัฐบาลที่สังหาร ประชาชนของตัวเอง รูปทหารยิงสไนเปอร์ใส่ประชาชนมือเปล่าสมองกระจายแล้วยัดข้อหาก่อการร้ายอย่างด้านๆ คุณหมดความชอบธรรมที่จะปกครองประเทศแล้วยิ่งดิ้นยิ่ง ลำบากขว้างงูไม่พ้นคอหรอกครับ ทางที่จะรอดมีประตูเดียวครับคือปรองดองอย่างแท้จริงไม่ใช่ปราบแดง เอาไม่อยู่หรอกครับเสียเวลาเสียหาย ประเทศจะเป็นวัวพันหลัก ในที่สุดเชือกเหลือสั้นนิดเดียวเขาวัวก็ทิ่มดินหันหน้าเข้าหากันดีกว่า อย่าสร้างบาปต่อไป ในเมืองไทยคุณมั่วได้ ขู่ได้ สั่งได้ แถมมีคนช่วยสั่งอีก อย่าไปคิดว่าจะมามั่วในเวทีต่างประเทศได้ คนไทยด้วยกันคุยกันดีกว่าเลิกมั่วเลิกกลัวได้แล้ว พรุ่งนี้คงจะถูกบล็อกแล้ว ไม่เป็นไรอีก3-4วันพบกันใหม่ ขอให้ท่านได้รับบุญวันวิสาขบูชาเยอะๆครับ ขอให้วิญญาณวีรชนประชาธิปไตยทั้ง88ดวงจงสู่สุขคติ" พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุ.


ที่มา : http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=329990&ch=pl1

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP