เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

“ป๋าเปรม”อยู่ในราบ 11




วันนี้ ( 30 เม.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฏฐพัศร์ ประยงค์ ประธานศูนย์เครือข่ายครูประชาธิปไตยแห่งชาติ(คปช.) พร้อมด้วยสมาชิกประมาณ 20 คน ได้เข้าให้กำลังใจกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย โดย พล.อ.ชวลิต ได้เล่าถึงเหตุการณ์การเดินทางไป ศอฉ. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า “ที่ไป ศอฉ.เพื่อต้องการไปนั่งคุย อธิบายให้ฟัง ระหว่างนั่งรถไปมีเจ้าหน้าที่ติดต่อมา ส่งทหารยศ พล.ต.มารับ ผมยังนึกว่าอย่างน้อยคนที่มารับน่าจะเป็นผู้ใหญ่หน่อย แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่วันนี้ไปถึงไม่ให้เข้า ถ้าผมจะเข้าต้องเข้าคนเดียว และมีทหารถือกระบองเดินตาม มันน่าเกลียดจริงๆ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้มาร่วมให้กำลัง พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นชายสูงอายุรายหนึ่งได้สอบถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเสียชีวิต ซึ่ง พล.อ.ชวลิต ได้ระบุว่า “ท่านอยู่ในราบ 11” อย่างไรก็ตามชายคนดังกล่าวพูดต่อไปว่า “อย่าให้ท่านสิ้นนะครับ” พล.อ.ชวลิต ได้ยกมือป้องปากและพูดว่า “อายุเก้าสิบเอ็ดแล้ว” ขณะที่ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ได้กล่าวเสริมว่า “วันนี้จะขอเข้าพบแต่เขาไม่ให้”

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เดลินิวส์

แฉนาที รปภ.”มาร์ค”กร่างงัดปืนขู่ รปภ.





รปภ.สภาฯ แฉเหตุการณ์ รปภ.นายกฯ สุดกร่าง งัดปืนอูซี่ ข่มขู่ หลังนำรถไปจอดในที่ห้ามจอด

เมื่อ วันที่ 29 เม.ย. นายสุรินทร์ เชื้อโพหัก เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัย รัฐสภา เปิดเผยกรณีถูก รปภ.นายกรัฐมนตรี ชักปืนข่มขู่ ว่า เรื่องนี้เกิดจาก รปภ.นายกรัฐมนตรี นำรถมาจอดบริเวณที่ห้ามจอด ประตู 3 ติดกับถนนราชวิถี ซึ่งเป็น โค้งหักศอก ทำให้การจราจรติดขัด รถเข้าออกไม่สะดวก จึงไปตักเตือน ว่าให้ไปจอดตรงที่จอดเดิมใกล้กับ พระสยามเทวาธิราช แต่ รปภ.นายกฯ ที่มีประมาณ 4-5 คน ซึ่ง 1 ในนั้นเป็นทหารยศ ร.ท.ได้มาว่าด่าตนว่า”น้องยศอะไร” ตนจึงตอบไปว่า “ผมไม่มียศ” จากนั้น ร.ท.คนดังกล่าว ได้บอกว่า “งั้นกูไม่คุยกับมึง” ก่อนจะเกิดการโต้เถียงกันไปมา

“ผมก็ทำงานที่นี่มานาน อายุก็ 40 ปี แล้ว ถูก ร.ท.อายุ 20 กว่าๆ มาด่าว่าเสียๆหายๆ ซึ่งผมยอมไม่ได้ จากนั้น รปภ.นายกรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ในรถอีกคน ได้นำอาวุธปืนที่คล้ายกับ อูซี่ นำออกมาจากรถ ในท่ายืน แล้วนำมาแนบไว้ที่ข้างกางเกง พร้อมบอกว่า “ไอ้เห้...อย่างนี้เดี๋ยวกูยิงแม่งเลย” ด้วยความตกใจเกรงว่าอาจถูกยิง จึงต้องเดินหนีออกมา ยืนยันว่า มีพยานที่เป็นทั้งแม่ค้า ข้าราชการ หลายคนที่อยู่บริเวณสหกรณ์ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและพากันแตกตื่น”รปภ.รัฐสภากล่าว

นายสุรินทร์ กล่าวว่า กรณีหัวหน้ากลุ่ม รปภ. เขียนรายงานไปว่า ตนโดนปืนของ รปภ.นายกรัฐมนตรี มาจ่อนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้จ่อ แต่เป็นการนำปืนออกมาข่มขู่ แล้วแนบไว้ข้างกางเกงเท่านั้น ตนทำหน้าที่ตามระเบียบรัฐสภาทั้งหมด ไม่มีเจตนา ที่จะขัดขวางการทำหน้าที่ รปภ.นายกรัฐมนตรี อะไรทั้งสิ้น เรื่องมันมีเพียงนำรถมาจอดในเขตที่ห้ามจอด ทำให้รถติดขัด เลี้ยวรถกันไม่ได้ แค่ไปตักเตือน ไม่น่าจะมาทำกันถึงขนาดนี้ ส่วนการดำเนินการต่อไป ในส่วนตนแล้วคงไม่ติดใจเอาความอะไร และขณะนี้ทราบว่า หัวหน้ารปภ.ได้ทำหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ถึง ประธานกรรมาธิการกิจการสภาแล้ว.


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เดลินิวส์

ศาลแจงนิยาม ก่อการร้าย ชุมนุมไม่เกี่ยว








รองเลขาธิการ สนง.ศาลยุติธรรมแจงชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ไม่ใช่ความผิดฐานก่อการร้าย แต่ต้องเป็นไปตาม ม.63 ระบุหากมีการฟ้องร้องศาลจะไม่ลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ากระทำความผิดจริง..

จากกรณีรัฐบาลระบุว่าในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมีลักษณะเป็นการก่อการร้าย และมีการนำกองกำลังทหารออกมารักษาการณ์ตามท้องถนน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อแตกต่างระหว่างการก่อการร้าย และการชุมนุมโดยสงบ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ว่า ความผิดฐานก่อการร้าย ผู้กระทำผิดต้องมีเจตนาพิเศษโดยมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลไทย รัฐบาลต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ให้กระทำหรือไม่กระทำการใดอันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อสร้างความปั่นป่วน ให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน โดยกระทำการดังต่อไปนี้

ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายอย่างร้ายแรงต่อร่างกาย หรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบการขนส่งสาธารณะ ระบบโทรคมนาคม หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะกระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐหนึ่งรัฐใด หรือของบุคคลใด หรือต่อสิ่งแวดล้อม อันก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ การกระทำความผิดฐานก่อการร้าย มีอัตราโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท

อย่างไรก็ตาม มีเหตุยกเว้นไม่เป็นความผิดฐานก่อการร้าย ถ้าเป็นการกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือหรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องเป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 เท่านั้น

ต่อข้อถามว่า หากตำรวจจับกุมผู้ชุมนุมและตั้งข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย ศาลจะมีดุลยพินิจอย่างไร นายสราวุธ กล่าวว่า เมื่อมีการกล่าวหา และฟ้องร้องต่อศาลว่ามีการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ศาลยุติธรรมซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาดังกล่าว จะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง ศาลจะไม่พิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำความผิดจริง และจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น เพื่อเป็นหลักประกันการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน.



ขอขอบตุณข้อมูลจาก
http://www.zabzaa.com

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP