เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

ความรู้สึกของน้องคนหนึ่งที่บรรยายออกมาจากใจ




ในขณะที่.... ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป เรียน เที่ยว นอน กิน

ดึกๆ ผมก็โทรคุยกับแฟนของผม

ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผม

และผมก็เชื่อว่าใครๆ เค้าก็ทำแบบนี้กัน

'จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง'

'กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย'

'รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง'

'ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ'

ประโยคต่างๆ ที่ผมได้คิดและคัดสรรเตรียมพร้อมมาต่างๆ ก่อนโทร

ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์

ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น

พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว

แต่ผมก็ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ

ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน

'เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ

แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน' 'ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง'

'เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย' 'วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง' 'อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ'

โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ

แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ

โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย

ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว

ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง

จนกระทั่งวันนั้น 'ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย'

'เร็วๆสิ เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ'

'แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ'

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน

ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home'

'โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย'

ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป

เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ

'และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่'

หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า

เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืน

และได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง

แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น

ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น

และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจ

หรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา 'ผม'

สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ โทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม

วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น

วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟนผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม

ผู้หญิงคนเดียวในโลก ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต

ผู้หญิงคนเดียวที่ผม สามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา

โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่

ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ

คนเดียวในโลก ที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ

คนเดียวในโลก ที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม

'และคนเดียวในโลก ที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต'

ในบางครั้งประโยคที่ว่า 'ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว'

มันก็ไม่เป็นความจริง 'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว'

อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม

หลังจากนั้นไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆ ชั่วโมงก็ทิ้งผมไป

วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น

หลายๆ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป

เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเราเอง

'เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป'

ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์

รอที่จะตอบคำถามเดิมๆ ให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง

แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว


'ในเมื่อเรามีความรักอันเต็มเปี่ยมจากครอบครัว

แล้วทำไมต้องไปขอเศษเสี้ยวจากใคร

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=401848

ภาพประกอบจาก
http://www.oknation.net/blog/happyIateekan/2008/05/03/entry-1

1 VARIETY สดสยอง LIVE SHOCK (Live) 22.00-23.00














Tags : วันพุธ 22.00-23.00 สดสยอง LIVE SHOCK (Live)

ฟังรายการ Big Shock Online ป๋อง แอนด์เดอะแก็งค์ ( GANG กัดมัน ) คลิกที่นี่

ฟังรายการ เดอะช็อค เอฟเอ็ม The Shock Fm Online ครับ ฟังทุก วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 24.30 - 03.30 คลิกที่นี่

รับชมช่องรายการ มิติ 4 (MITI4) คลิกที่นี่

ฟังคลื่นวิทยุ ยอดนิยมทั้งหมด คลิกที่นี่




มาร์คกลัวทักษิณ ขายความลับ แจงโละข้อตกลง



นายกรัฐมนตรีโดนกระถางดอกไม้ขวางไม่ได้ทัก"ฮุนเซน"ยันทะเลาะเขมรไม่กระทบอาเซียน แจงโละข้อตกลงกลัว"ทักษิณ"คลายความลับชาติ"กษิต"กระหยิ่มหวัง"ฮุนเซน"รู้สำนึก....


เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 6 พ.ย.52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์จากประเทศญี่ปุ่นถึงกรณีที่สิงคโปร์ ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชาที่ จะมีผลกระทบต่ออาเซียนว่า คงไม่กระทบ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรืองทวิภาคีที่ต้องแก้ปัญหาในกรอบทวิภาคี และวันนี้กระทรวงการต่างประเทศมีมาตรการออกมามากขึ้น ซึ่งสิ่งที่วางเป็นแนวทางหลักคือ ไม่ต้องการให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ระหว่างประชาชน และหลีกเลี่ยงไม่ให้มีความเดือดร้อนกับคนไทยอย่างถึงที่สุด ส่วนกระทรวงต่างประเทศก็ดำเนินการโดยมุ่งเน้นการแสดงออกทางการทูต และทบทวนข้อตกลงใดๆที่เกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้น ในแง่สถานะของอดีตนายกฯ เนื่องจากว่า คนที่เคยอยู่ฝ่ายไทยปัจจุบันไปอยู่ฝ่ายกัมพูชาเสียแล้ว



ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายกฯห่วงว่า การไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะกระทบความมั่นคงของชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมีบางเรื่องที่เป็นกรอบการเจรจาที่เริ่มต้นสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ดังนั้นจะทราบในเรื่องของจุดยืน ที่มาข้อมูลของไทย แต่ปัจจุบันกลายเป็นที่ปรึกษาของฝ่ายกัมพูชา ดังนั้นจำเป็นต้องมีการทบทวน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ จะพิจารณาอย่างรอบคอบ และประชาชนคนไทยส่วนหนึ่งก็ไม่สบายใจในข้อตกลงที่ผ่านมา อย่างข้อตกลงไทย-กัมพูชาที่จะมีการเสนอเข้าพิจารณาในรัฐสภาวันที่ 9 พ.ย.นี้ ก็ถือว่า ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนกว่าข้อตกลงระหว่างประเทศในเรื่องอื่น คิดว่าขณะนี้ได้แสดงออกทางการทูต ที่เรามีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย ประเทศไทยและสถาบันหลักในเรื่องกระบวนการยุติธรรม


เมื่อถามว่า ในช่วงร่วมรับประทานอาหารค่ำ นายกฯนั่งร่วมโต๊ะกับสมเด็จฮุน เซน ได้มีการ ทักทายกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บังเอิญนั่งไกลกัน และมีแจกันดอกไม้ขวางอยู่


ด้าน นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การที่ประเทศกัมพูชาได้แต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจมีผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นไปในการเมืองไทย ต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกัมพูชา ซึ่งก็ได้แสดงออกไป 2 เรื่อง ว่า ไม่พอใจกับพฤติกรรมนี้ ภาระก็ตกอยู่กับฝ่ายกัมพูชาที่ต้องพิจารณาให้ดีว่าจะต้องทำอะไรต่อไป แนวทางการตอบโต้ทางการทูตเป็นแนวทางที่ต้องถูกต้อง


เมื่อถามว่า หากกัมพูชายกเลิกการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ทางการไทยจะยกเลิกมาตราในการตอบโต้ด้วยหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ต้องดูความสัมพันธ์อื่นๆด้วย ไม่ใช่แค่เลิกอย่างเดียว ความเข้าอกเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นไป อย่าลืมว่าที่สมเด็นฮุน เซน ได้พูดในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ได้มีคำถามและความสงสัยหรือไม่เห็นด้วยต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทั้งชาติและรัฐบาลรับไม่ได้ ที่จะมามีข้อสงสัยหรือดูหมิ่นดูแคลนเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต ความเที่ยงตรงของกระบวนการยุติธรรมของไทย.



สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย :
http://www.thairath.co.th/content/pol/45069

ทักษิณ เล็งส่ง จดหมายเปิดผนึก ถึง มาร์ค กรณีกัมพูชา



ทักษิณ” เล็งส่งจดหมายเปิดผนึก แจงความเห็นและท่าทีในการทำงานต่าง ๆ ในฐานะที่ปรึกษากัมพูชา ถึง นายกรัฐมนตรี ขณะที่ “นพดล” ข้อหาปัดชักศึกเข้าบ้าน ชี้ แค่รัฐบาลพยายามปลุกกระแสชาตินิยม สู้ ...


ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะอดีตที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวถึงกรณีที่ทางการไทยเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กลับประเทศไทยเพื่อประท้วงกรณีรัฐบาลกัมพูชาได้แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ค่อนข้างเป็นห่วงในแง่ของการดำเนินการทางการทูตที่สุ่มเสี่ยงว่าจะทำให้ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเสียหาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่ารัฐบาลทำเกินกว่าเหตุและนำประเด็นการเมืองภายในประเทศไปกดดันประเทศเพื่อนบ้านจนความสัมพันธ์เสื่อมทรามลง



ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหันไปมองตัวเองสักนิดหนึ่งว่าสาเหตุที่แท้จริงที่เกิดขึ้นจากอะไร โดยเฉพาะการแต่งตั้งนายกษิต เป็นรัฐมนตรีงว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกจดหมายเปิดผนึกเพื่อส่งถึงนายกรัฐมนตรี ถึงความเห็นและท่าทีต่างๆและการทำงานในฐานะที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ


“เรื่องดังกล่าวจะนำไปสู่ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จะทำให้การแก้ไขปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบานปลาย และมีการยกระดับเรื่องนี้ไปสู่เวทีสากล โดยเฉพาะเวทีสหประชาชาติ ซึ่งจะทำให้ปัญหาแก้ยากมากขึ้น ความเสียหายตามแนวชายแดนได้รับผลกระทบแล้ว เราต้องเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ และหาทางเจรจากับทางกัมพูชา แต่ท่าทีล่าสุดของนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความสามารถ เพราะเมื่อมีการทะเลาะกันคุณต้องหาโอกาสให้กระทรวงการต่างประเทศทาบทามขอเวลาหารือทวิภาคี เพื่อหาพูดคุยกัน ขอให้นายอภิสิทธิ์อย่าปลุกกระแสชาตินิยม”


นายนพดล กล่าวผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะทบทวนการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลกัมพูชาหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบรับไปแล้ว ซึ่งการดำรงตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้รับเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับกัมพูชาเท่านั้น แต่รับเป็นที่ปรึกษาให้อีกหลายประเทศ อาทิ นิการากัว และหลายประเทศในกัมพูชา


เมื่อถามว่าปัญหาดังกล่าวเหมือนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ชักศึกเข้าบ้าน นายนพดล กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ชักศึกเข้าบ้าน การกล่าวหาคนอื่นว่าชักศึกเข้าบ้านเป็นการกล่าวหาที่ง่าย เป็นการกล่าวหาคล้ายวาทะกรรมในช่วงสงครามเย็น ที่ปลุกระดมว่าคนไหนเป็นคอมมิวนิสต์ สำนวนอย่างนี้เป็นสำนวนของนักการเมืองแบบเก่าที่ใช้โจมตีคนอื่น พ.ต.ท.ทักษิณ รักประเทศไทย และสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ก็ยังเป็นเพื่อนของประชาชนไทย แต่อาจจะทำงานกับรัฐบาลชุดนี้ไม่ราบรื่นนักเมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มองตัวเองหรือไม่ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความบาดหมางของทั้ง 2 ชาติ นายนพดล กล่าวว่า อันนั้นน่าจะเป็นข้อกล่าวหาของรัฐบาล พยายามที่จะตำหนิ พ.ต.ท.ทักษิณแต่จริงๆไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทยมาจากการยึดอำนาจโดยทหาร ทำให้ประเทศไม่มีประชาธิปไตย คดีความต่างๆเกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจรัฐบาลนี้พยายามที่จะใช้ทุกกลไกไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งไม่เป็นธรรมเมื่อถามว่าล่าสุด นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าสมเด็จฮุนเซน ตอบแทน พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ เคยให้ความช่วยเหลือสมเด็จฮุนเซน ในการเลือกตั้งที่กัมพูชา นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าแต่งตั้งที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจจะมีลาภยศอะไรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะถือเป็นการตอบแทนหรือปูนบำเหน็จ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องที่กัมพูชาต้องการใช้ความรู้ความสามารถของพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน


ด้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวแสดงจุดยืนต่อท่าทีรัฐบาลที่สั่งลดความสัมพันธ์กับกัมพูชาโดยเรียก ทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย โดยออกเป็นแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยว่า พรรคเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องสำคัญไม่สามารถแบ่งแยกได้ โดยเฉพาะเป็นประเทศกลุ่มอาเซียน ดังนี้


1.พรรคเห็นว่ารัฐบาลได้ทำเกินกว่าเหตุ กำลังนำผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศไปสู่ภาวะสุ่มเสี่ยง ถือเป็นการตอบโต้ไร้วุฒิภาวะทางการทูต จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในทางการทูตทั้งสองประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะ ยาว


2.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบในความเสื่อมทรามของความสัมพันธ์ ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ตลอดจนความตึงเครียดตามแนวชายแดน ถ้าแก้ไม่ได้ อาจนำไปสู้ข้อพิพาทระหว่างประเทศต่อไป


3.พรรคได้ศึกษาข้อกฎหมายถึงการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษา โดยพระมหากษัตริย์ของกัมพูชา เป็นการออกกฎหมายภายในกัมพูชา ถือเป็นกิจการภายในของกัมพูชา การที่รัฐบาลจะอ้างเหตุผลนี้มาตอบโต้ ก็คงฟังไม่ขึ้น และเชื่อว่าประชาชนจะไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลกล่าวอ้าง



4.ความ สัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทย เสื่อมทรามลงมาตลอด ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ เอาคนที่เคยยึดสนามบิน เป็นคนที่เคยไปด่าผู้นำกัมพูชา ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจมาตลอด


5.ตลอด 10 เดือนรัฐบาลไม่มีมาตรการในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับกัมพูชาอย่างเป็นรูปธรรม ตรงกันข้ามนายกรัฐมนตรีได้ไปพูดตำหนิ เหยียดหยามผู้นำกัมพูชาในช่วงการประชุมอาเซียนที่ผ่านมา


6.การดำเนินการของรัฐบาลไม่ได้กระทำตามขั้นตอนจากมาตรการขั้นเบาไปหาหนัก ถือว่าผิดธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูต


7.รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่มีความชอบธรรมแอบอ้างว่าได้ดำเนินการประท้วงกัมพูชาในนามคนไทยทั้งประเทศ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากมีที่มาไม่ชอบธรรมและไม่เห็นด้วยกับการทำลายความสัมพันธ์กับ กัมพูชา


8.รัฐบาลชุดนี้ ไร้ความรับผิดชอบในการนำประเด็นการเมืองภายใน ไปกดดันประเทศเพื่อนบ้าน และขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติความพยายามปลุกกระแสรักชาติ เพื่อกลบเกลื่อนความล้มเหลวในการทำงานและปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้น


9.พรรค ถือว่าเพื่อนบ้านคือเพื่อนที่ต้องอยู่ด้วยกันอย่าง สันติสุขและรุ่งเรือง เราต้องเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันทุกพรรคจะเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเร่งด่วน ตามแนวนโยบาย ไทยร่มเย็น เป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน


10.รัฐบาลดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาด เป็นการทำลายจิตวิญญาณและปณิธานของสมาคมอาเซียนที่ต้องการอยู่อย่างสันติ วันนี้นายกฯกำลังทำให้อาเซียนล่มสลาย


11.พรรคมีข้อเท็จจริงว่ามีหลายประเทศได้ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาอย่างเช่นประเทศฮอนดูรัส นิคารากัว จึงถามว่าทำไมรัฐบาลจึงไม่ดำเนินการเช่นเดียวกับรัฐบาลกัมพูชาไม่ใช่เลือก ปฏิบัติเฉพาะกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา


12.การที่นายกรัฐมนตรี อ้างว่า จำเป็นต้องตอบโต้สมเด็จฮุนเซน เพราะได้วิจารณ์ระบบกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น พรรคเห็นว่าเป็นการพูดแบบแก้เกี้ยว พยายามหาเหตุผลเท่านั้น หากเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญก็ควรดำเนินการเมื่อ 1 เดือนมาแล้ว ไม่ใช่มาตอบโต้เมื่อมีการตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา




ขณะที่ นายวิทยา บุรณะศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่าวิปฝ่ายค้านจะเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของรัฐบาลในการเรียกทูตออกมาจากกัมพูชา เนื่องจากเป็นการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 82 และมาตรา 190 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำให้เกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างไทยและกัมพูชา รัฐบาลได้ใช้อภิสิทธิ์แทนประชาชน 62 ล้านคน โดยไม่ได้หารือผ่านระบบของรัฐสภาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จนทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเศรษฐกิจอยู่ใน ขณะนี้ จึงขอให้ทางวุฒิสภาใช้สิทธิ์ในการตรวจสอบและเรียกนายกรัฐมนตรี
มาชี้แจงต่อสภาใน เรื่องนี้โดยด่วน


นายวิทยากล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นเรื่องระหว่างประเทศที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ พรรคเพื่อไทยจึงต้องออกมาเคลื่อนไหวในลำดับแรกเพื่อขอใช้เสียงของวุฒิสภา 1 ใน 3 ในการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งเบื้องต้นได้หารือภายในพรรคเพื่อไทย แต่ไม่มีการประสานไปยัง ส.ว. ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 9 พ.ย.นี้ วิปฝ่ายค้านจะเสนอต่อที่ประชุมสภาเพื่อขอให้มีการตรวจสอบรัฐบาลตามมาตรา 161 แน่นอน ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยกังวลหรือไม่ว่ากระแสอาจตีกลับ และถูกตั้งคำถามว่าเป็นคนไทยแต่ทำไมไปเดือดเนื้อร้อนใจแทนกัมพูชา นายวิทยานิ่งไปชั่วครู่ก่อนตอบคำถามด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า เรื่องนี้คงต้องไปถามรัฐบาล เพราะเรื่องที่น่ากลัวกว่าคือการที่รัฐบาลขาดวุฒิภาวะ ไปดำเนินนโยบายต่างประเทศจนเกิดความเสียหาย













สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย :
http://www.thairath.co.th/content/pol/45021




Dead Pixel บนจอแอลซีดีแก้ไขได้

Dead Pixel บนจอแอลซีดีแก้ไขได้






6 พฤศจิกายน 2552 08:08:41 น.
อ่าน
84











จุดสีดำปริศนาบนแอลซีดีที่ถูกเรียกว่า “Stuck Pixel” หรือ “Dead Pixel”



จุดพิกเซลที่มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป เช่นเป็นสี่เหลี่ยม หรือวงกลม ตามประเภทของจอ (เครดิต: Wikipedia)



ภาพจุดพิกเซลสีแดง เขียว และน้ำเงินของ LCD Monitor (เครดิต Wikipedia)



การใช้ซอฟต์แวร์แก้ปัญหา Dead Pixel


หลายคนเซ็งเมื่อเห็น"จุดสีดำ"ที่เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่ออกซะทีบนหน้าจอแอลซีดีคู่ใจ วิกฤตจุดดำบนจอแอลซีดีถูกเรียกว่า “Dead Pixel” บ้าง “Stuck Pixel” บ้าง ต่อไปนี้คือวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่อาจทำให้จุดดับบนจอหายไปโดยที่คุณไม่ต้องส่งซ่อมให้ยุ่งยาก

***เทคนิคการแก้ไข Stuck Pixel บนจอ LCD
บทความโดย นิตยสาร LCDSPEC (www.lcdspec.com)

ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีการผลิตจอ LCD จะเดินทางมาไกลจนกระทั่งมี “วุฒิภาวะ” ในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม และกระบวนการผลิต LCD Panel ในปัจจุบันก็มีความแม่นยำสูงมาก แต่ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าจอ LCD นั้นประกอบไปด้วยพิกเซลนับแสนหรือนับล้านจุด จึงเป็นไปได้ที่จุดพิกเซลจำนวนหนึ่ง (จากจุดนับล้านจุด) จะเสียหายจากการผลิต หรือเสื่อมไปก่อนเวลาอันควร ในขณะที่จุดพิกเซลที่เหลือยังคงทำงานได้ตามปกติ

คำว่า “พิกเซล” (Pixel) เป็นคำผสมที่เกิดจากคำว่า Pix (“pictures”) และ el (“element”) หมายถึงหน่วยเล็กที่สุดของภาพที่แสดงบนจอคอมพิวเตอร์ หรือบนกระดาษ หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นหนึ่งใน “จุด” เล็กๆ หลากสีที่เรียงชิดติดกันจนเป็นภาพที่เราสามารถรับรู้ได้นั่นเอง จอภาพที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นจอ CRT, LCD หรือ Plasma ต่างก็ประกอบไปด้วยจุด “พิกเซล” สีแดง น้ำเงิน และเขียว เรียงชิดติดกันเป็นจำนวนมหาศาลทั้งสิ้น และจุดต่างๆ เหล่านี้ก็จะดับและสว่างตามคำสั่งของวงจรควบคุม เพื่อเปล่งแสงสีต่างๆ ออกมา และเมื่อประกอบกับจุดสีต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ก็จะทำให้เกิดภาพที่เรามองเห็นได้บนจอแสดงผล
จุดพิกเซลอาจมีรูปร่างแตกต่างกันออกไป เช่น สี่เหลี่ยม หรือวงกลม ขึ้นอยู่กับประเภทของจอ
เจ้าของจอ LCD หลายคนเคยพบปัญหา Stuck Pixel หรือ Dead Pixel อาการของปัญหานี้มี 2 แบบ ได้แก่

อาการแบบที่ 1: เมื่อจอแสดงภาพสีดำสนิท จะสังเกตเห็นว่าจุดบางจุดบนจอสว่างอย่างถาวร โดยจุดที่สว่างอาจเป็นสีแดง น้ำเงิน หรือเขียว ก็ได้ และถึงแม้จอจะเปลี่ยนไปแสดงภาพสีอื่นๆ จุดสว่างดังกล่าวก็ยังสว่างค้างเป็นสีเดิมอยู่ เราเรียกอาการนี้ว่า “Stuck Pixel” แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า “Stuck Pixel” คือ “Dead Pixel” ซึ่งจริงๆ แล้วมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อาการแบบที่ 2: จุดบางจุดบนจอดับสนิทอย่างถาวร ไม่ว่าจอจะแสดงภาพใดอยู่ก็ตาม ซึ่งเราเรียกพิกเซลที่มีอาการนี้ว่า “Dead Pixel” หรือพิกเซลที่ “ตาย” แล้วนั่นเอง บทความนี้จะนำเสนอวิธีการแก้ไข “Stuck Pixel” เท่านั้น แต่ไม่รวมถึงการแก้ไข “Dead Pixel”

วันนี้ LCDSPEC ขอนำเสนอเทคนิคต่างๆ ในการกำจัด Stuck Pixel ครับ แต่ก่อนจะศึกษาเทคนิคการกำจัด Stuck Pixel คุณควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามขั้นตอนในบทความนี้เสียก่อน ได้แก่

- ถ้าผู้ผลิตจอ LCD ของคุณกำหนดเงื่อนไขการรับประกันที่ครอบคลุมถึง Stuck/Dead Pixel อยู่แล้ว เมื่อจอของคุณเกิด Stuck pixel ขึ้น คุณควรปรึกษาบริษัทผู้ผลิตเสียก่อน และไม่ควรซ่อม Stuck pixel ด้วยตนเอง

- เทคนิคการกำจัด Stuck Pixel เป็นเทคนิคที่รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ และเป็นเทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถแก้ไขปัญหาได้ในหลายๆ กรณี LCDSPEC จะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับจอ LCD จากการปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ในบทความนี้

- หลีกเลี่ยงการเปิดจอ LCD เพื่อดูอุปกรณ์ภายใน เพราะจะทำให้จอของคุณสิ้นสุดการประกันจากบริษัทผู้ผลิตโดยทันที

- หากคุณใช้เทคนิคที่ต้องใช้น้ำ กรุณาหลีกเลี่ยงการทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ของจอ LCD และเครื่องคอมพิวเตอร์เปียกน้ำ

- หลายๆ คนกล่าวว่าการใช้แรงกดบนเม็ด Pixel ของจอ LCD แล้วจะทำให้จอ LCD เสียหายมากขึ้นกว่าเดิม (ถึงแม้ว่าจะเป็นคำกล่าวที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ก็ตาม) หากคุณปฏิบัติตามวิธีในบทความนี้อย่างเคร่งครัด ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายดังกล่าวได้

- จอ LCD ประกอบไปด้วยผลึกแก้วหลายๆ ชั้น (layer) ซึ่งมีความละเอียดและบอบบางเป็นอย่างมาก การใช้แรงกด หรือแตะ อาจทำให้ชิ้นส่วนบอบบางเหล่านั้นเกิดความเสียหายได้ คุณจึงต้องยอมรับความเสี่ยงดังกล่าวหากคุณต้องการปฏิบัติตามขั้นตอนที่นำเสนอในบทความนี้

หากคุณยอมรับทุกข้อที่กล่าวมา ต่อไปนี้คือ 4 เทคนิคเพื่อการกำจัด Stuck Pixel ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ได้แก่ การใช้ซอฟต์แวร์ การใช้แรงกด การแตะหรือเคาะเบาๆ และการใช้ความร้อน

##เทคนิคการใช้ Software

เทคนิคนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า Stuck Pixel สามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้เมื่อมันถูกเปิด/ปิด ซ้ำๆ กันอย่างรวดเร็ว คุณควรลองใช้เทคนิคนี้ก่อนเป็นอันดับแรก และหากเทคนิคนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาให้คุณได้ จึงค่อยเปลี่ยนไปปฏิบัติตามเทคนิคถัดไป เทคนิคการใช้ Software นี้ใช้ได้ดีกับ LCD Monitor แต่ก็ไม่ผิดกติกาอะไรหากคุณจะนำเครื่องคอมพิวเตอร์ไปต่อกับ LCD TV แล้วรัน Software เหล่านี้

คุณสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมช่วยแก้ไข Stuck Pixel ได้จาก Website ต่อไปนี้:

JScreenFix – เว็บไซท์ที่ใช้ Java Applet ซึ่งเป็นโปรแกรมเล็กๆ ที่จะช่วยขจัด Stuck pixel โดยการเปิด/ปิด พิกเซลแต่ละจุดบนจอเป็นจำนวน 60 ครั้งต่อวินาที
JeffPatch.com blog – สำหรับคนที่ใช้เครื่อง Mac ที่ Blog นี้ก็มีวีดีโอภาพกระพริบจาก Sony ที่อาจช่วยแก้ไข Stuck Pixel ได้
DPT 2.20 – โปรแกรมบน Windows ที่สามารถช่วยให้คุณค้นหา Stuck pixel ได้ง่ายขึ้น และมี “Pixel Exerciser” ที่ช่วยให้ Pixel ที่เสียหายกลับมาทำงานได้อย่างเดิม
UDPixel 2.1 – ฟรีแวร์บน Windows ที่ช่วยคุณค้นหา และแก้ไข Stuck Pixel
LCD Scrub – Screensaver สำหรับเครื่อง Mac ที่แสดงภาพกระพริบบนจอ เพื่อช่วยแก้ไข Stuck Pixel และแก้ไขอาการ Burn-in
##เทคนิคการใช้แรงกด

1.ปิดจอ LCD ของคุณ
2.นำผ้านิ่มๆ ชุบน้ำหมาดๆ (ถ้าใช้น้ำอุ่นจะได้ผลดีขึ้น และห้ามใช้ผ้าเปียก) มาห่อบริเวณหัวปากกาลูกลื่น, ดินสอ, ไขควงเล็กๆ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีหัวแหลมคมที่จะทำให้จอ LCD เป็นรอยได้ เราขอแนะนำให้ใช้ปากกา Stylus ที่มากับเครื่อง PDA หรือ Smartphone สำหรับการนี้
3.ใช้ยาง หรือเชือกเส้นเล็กๆ มัดผ้าที่ห่อบริเวณหัวปากกาไว้ เพื่อไม่ให้ผ้าหลุดออกมาในขณะที่คุณนำปากกาไปกดบนจอ
4.นำปากกาที่เตรียมไว้ไปกดเบาๆ ที่ Stuck Pixel โดยพยายามกดให้ตรงกับจุด Pixel ที่เสียหายมากที่สุด การกดผิดพลาดอาจทำให้จุด Pixel ที่อยู่ข้างเคียงเสียหายตามไปด้วย
5.ระหว่างที่กด Stuck Pixel ให้กดปุ่ม Power ของจอ LCD เพื่อเปิดให้จอทำงาน
6.นำปากกาออกจากจอ แล้วตรวจสอบดูว่า Stuck Pixel หายเป็นปกติหรือไม่ หากยังไม่หายเป็นปกติ ให้ทำตามขั้นตอนข้อ 4 และ 5 อีกครั้ง โดยค่อยๆ เพิ่มแรงกดให้มากขึ้นทีละนิด

##เทคนิคการแตะ/เคาะเบาๆ ที่ Stuck Pixel

1.นำจอ LCD มาต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ และเปิดจอ LCD และเครื่องคอมพิวเตอร์
2.ใช้โปรแกรมแต่งภาพสร้างภาพสีดำล้วน ที่มีขนาดเท่ากับจอ LCD ของคุณ เช่นหากคุณใช้จอ Full HD ก็ควรสร้างไฟล์ภาพสีดำที่มีขนาด 1,920 x 1,080 พิกเซล เป็นต้น แล้วนำภาพสีดำที่สร้างขึ้นมาแสดงแบบเต็มจอ ซึ่งการแสดงภาพสีดำนี้จะทำให้คุณสามารถมองเห็น Stuck pixel ได้อย่างชัดเจน
3.ใช้ปากกาที่มีไม่มีหัวแหลมคม หรือใช้ Stylus ที่มากับเครื่อง PDA/Smartphone แตะเบาๆ ที่ Stuck Pixel ไม่ควรใช้แรงกดมากเกินไป แต่แรงกดนั้นจะต้องมากพอที่จะทำให้เม็ดพิกเซลที่ถูกแตะกระพริบแสงสีขาวๆ ในขณะที่ถูกแตะ หรือกล่าวได้ว่าหากเม็ดพิกเซลไม่กระพริบแสงสีขาว แสดงว่าคุณยังแตะมันไม่แรงพอนั่นเอง
4.พยายามแตะเป็นจังหวะอีก 5-10 ครั้ง โดยค่อยๆ เพิ่มแรงกดทีละนิด จนกว่าอาการ Stuck Pixel จะหายไป
5.นำไฟล์รูปภาพสีขาวล้วนแบบเต็มจอมาแสดง แล้วดูว่าอาการ Stuck Pixel หายไปหรือไม่ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ทำให้ Pixel ข้างเคียงเกิดความเสียหาย

##เทคนิคการใช้ความร้อน

เทคนิคนี้มีประโยชน์ในกรณีที่เม็ด pixel กลายเป็นสีขาวหรือสีดำในบริเวณกว้าง และสามารถใช้ได้ดีกับเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้ค (แต่ก็ใช้ได้กับจอ LCD ทั่วไปได้เช่นกัน) การใช้เทคนิคนี้มีความเสี่ยงที่จะทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคภายในจอ หรือภายในเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊คบุ้คเสียหายจากความร้อนได้ คุณจึงควร Backup ข้อมูลสำคัญไว้ก่อนจะลงมือปฏิบัติ และเทคนิคนี้อาจไม่ช่วยให้เม็ด Pixel ที่เสียหายเป็นบริเวณกว้างกลับมาเป็นปกติได้ทั้งหมด หรือถึงแม้จะแก้ไข Stuck Pixel ได้สำเร็จ จอของคุณก็อาจกลับมามีอาการเดิมอีกครั้ง

คุณสามารถแก้ไข Stuck Pixel โดยใช้ความร้อนตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1.เทคนิคนี้จะต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง หรือเป็นวัน เราจึงแนะนำให้คุณเสียบปลั๊กเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้คแทนการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่
2.ไปที่ Power Settings ใน Control Panel และตรวจสอบให้แน่ใจว่า Windows จะไม่ดับจอ LCD และจะไม่เข้าสู่โหมด Standby หรือ Hibernate เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ (ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องและจอจะถูกเปิดและทำงานตลอดเวลานั่นเอง)
3.กดหน้าจอของโน๊ตบุ้กให้เข้ามาใกล้ keyboard เล็กน้อย แต่ต้องไม่ใกล้ถึงขนาดที่ทำให้เครื่องหยุดทำงาน หลังจากนั้นให้วางโน๊ตบุ้คไว้ในที่แคบๆ ที่อากาศและความร้อนถ่ายเทไม่สะดวก เช่นตู้เล็กๆ หรือลิ้นชัก
4.ปล่อยให้โน๊ตบุ้คของคุณทำงานอยู่อย่างนั้นหลายๆ ชั่วโมง หรือหลายๆ วัน ควรหมั่นเข้าไปตรวจสอบบ่อยๆ ว่า Stuck Pixel หายไปหรือไม่ การใช้ความร้อนจะทำให้ของเหลวในผลึก LCD ไหลอยู่ในเม็ด Pixel ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยยิ่งขึ้นในบางพื้นที่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ของเหลวดังกล่าวอาจจะไม่ตอบสนองต่อคำสั่งของวงจรควบคุม

เราหวังว่าเทคนิคนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ประสบปัญหา Stuck Pixel ได้ไม่มากก็น้อย สำหรับบทความ และเทคนิคอื่นๆ ในการเลือกซื้อและใช้งาน HDTV คุณสามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ www.lcdspec.com ครับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.zabzaa.com/news/technology/view.php?id=605

ไมโครซอฟท์โหมการตลาดดิจิตอล โปรโมตระบบปฏิบัติการวินโดวส์7



ไมโครซอฟท์โหมการตลาดดิจิตอล โปรโมตระบบปฏิบัติการวินโดวส์7







ไมโครซอฟท์อัดงบการตลาดแบบดิจิตอล 40-50% จากงบกลาง เพื่อโปรโมตระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ 7 ที่นำออกสู่ตลาดในเดือนต.ค.นี้ เชื่อจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นยอดขายพีซีได้

นางสาวลิซ่า ลัม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการล่าสุดของไมโครซอฟท์ชื่อ วินโดวส์ 7 ตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา ไมโครซอฟท์ได้ทุ่มเทอย่างหนักในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคุณสมบัติใหม่ๆ ของวินโดวส์ 7 ที่จะเพิ่มประโยชน์แก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก นอจากการใช้สื่อประชาสัมพันธ์และสื่อโฆษณาในรูปแบบทั่วๆ ไป รวมถึงเทคนิคทางการตลาดอื่นๆ แล้ว ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยยังได้ใช้สื่อออนไลน์เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการสร้างกระแสตื่นตัวให้กับผู้ใช้งานในไทย เพราะความนิยมต่อสื่อในรูปแบบเครือข่ายสังคมออนไลน์เพิ่มการรับรู้ขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในไทยและทั่วโลก

“สื่อดิจิตอลเป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง เราจึงตัดสินใจต่อยอดการใช้สื่อออกไปยังสื่อที่เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์”

สำหรับวินโดวส์ 7 ไมโครซอฟท์เตรียมการตลาดที่จะทำผ่านสื่อดิจิตอลไว้ 40-45% ของงบกลางในการทำตลาดทั่วโลก จากเดิมที่ใช้เพียง 30% การที่โหมตลาดในรูปแบบนี้ เพราะผู้บริหารไมโครซอฟท์เชื่อว่าสื่อประเภทนี้จะเข้าถึงตลาดและสร้างการรับรู้ให้กลุ่มเป้าหมายได้เร็วกว่าสื่อสิ่งพิมพ์

ทั้งนี้ การทำดิจิตอล มาร์เก็ตติ้งในไทย ไมโครซอฟท์ได้นำเนื้อหาและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวินโดวส์ 7 มาปรับและเผยแพร่แก่ผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะด้วยการสร้างเว็บไซต์พิเศษเพื่อรวบรวมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวินโดวส์ 7 ผ่าน 4 ช่องทาง คือ 1.ผ่าน www.microsoft.com/thailand 2. www.windows7thailand.com ซึ่งทำขึ้นเพื่อคอนซูเมอร์โดยเฉพาะ และให้สามารถโหลดเบต้า เวอร์ชันไปทดลองใช้ก่อนได้ 3.ร่วมมือกับทวิตเตอร์ และเฟสบุ๊ก โดย การรวบรวมลิงก์ของทวิตเตอร์ http://www.twitter.com/windows7thai และ เฟสบุ๊ก www.facebook.com/windows7thaifan ไว้ด้วยกันบนเว็บไซต์สำหรับวินโดวส์ 7 4.ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยศรีปทุมในการจัดประกวดภาพวิดีโอ คลิป ซึ่งเป็นการสร้างช่องทางการตลาดอีกทาง เพราะการสร้างวิดีโอ คลิปสามารถสร้างการรับรู้ได้เร็ว

นอกจากนี้ ยังจะมีการร่วมมือกับผู้ค้าไอที เช่น ถ้าซื้อเน็ตบุ๊ก หรือโน้ตบุ๊กก็จะมีการอัปเกรดวินโดวส์ 7 ให้ด้วย ซึ่งผู้บริหารไมโครซอฟท์เชื่อว่าระบบปฏิบัติการใหม่นี้จะช่วยให้ยอดขายของพีซีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็จะมีการพัฒนาภาษาทั้งไทยและอังกฤษเพื่อเข้าถึงตลาดการศึกษาด้วย พร้อมกันนี้ ยังมีแผนจะเข้าถึงกลุ่มบล็อกเกอร์ในไทย โดยการจัดกิจกรรม Windows 7 Thai Blogger Days เพื่อให้กลุ่มบล็อกเกอร์ได้มีโอกาสมาพบปะกันและพูดคุยกันเกี่ยวกับวินโดวส์ 7 เป็นโอกาสพิเศษ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากไมโครซอฟท์เข้าร่วมในกิจกรรมเพื่อถ่ายทอดข้อมูลสำคัญของวินโดวส์ 7

สำหรับวินโดวส์ 7 มีกำหนดการเปิดตัวทั่วโลกในวันที่ 22 ต.ค. 2552 และจะมีการจัดงานเพื่อเปิดตัววินโดวส์ 7 อย่างเป็นทางการในไทย ในวันที่ 31 ต.ค.นี้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.jib.co.th

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP