เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

แม้วสอนมาร์ค ทำสิ่งถูกต้อง ถวายในหลวง



อดีตนายกฯทักษิณ แนะเดินสายกลางแก้ปัญหามาบตาพุด ชี้ยังไม่สาย หากทุกฝ่ายเดินตามกติกา อย่ามี 2 มาตรฐาน เพื่อถวายความสุขแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จัดรายการวิทยุ "ทอล์ค อะราวด์ เดอะ เวิลด์" ผ่านทางเว็บไซต์ www.thaksinlive.com ว่า ขอตอบข้อเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ขอให้ทุกฝ่ายทำสิ่งที่ถูกต้องถวายในหลวง โดยต้องให้นายอภิสิทธิ์ทำสิ่งที่ถูกต้องด้วย ตลอดที่ผ่านมา 1 ปี ปัญหาต่างๆเกิดขึ้น เพราะหลายฝ่ายไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง พรรคการเมืองบางพรรคบอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง มีม็อบยึดสนามบินทหารก็ไม่ดำเนินการ และยังมีการชิงอำนาจทุกระบบทุกวิธีการ ระบบยุติธรรมไม่เป็นธรรม ไม่ทำตามกติกา กฎหมาย จนทำให้เกิดความไม่ถูกต้อง ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกลุ้มพระทัย

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้ยังไม่สายเกินไป ถ้าทุกฝ่ายเดินตามกติกาอย่างเคร่งครัด สิ่งที่ผิดไปก็มาทำให้ถูกต้อง เคารพกติกา เคารพกฎหมาย ไม่ใช่มุ่งทุจริตคอรัปชั่น เอางบประมาณไปซื้อสื่อ จนทำให้เกิดความไม่เป็นกลาง อย่าไปอ้างพระองค์ท่านเพื่อมาทะเลาะกัน ทุกคนไม่มีสิทธิผูกขาดความรักชาติ รักพระเจ้าอยู่หัว เพราะรักได้ทุกคน ถ้าไม่เลิกเอาชนะคะคาน เลิกเอาเปรียบ ก็ไม่มีทางสงบ ศาล องค์กรอิสระ ก็ขอให้มีความยุติธรรม อย่ามี 2 มาตรฐาน ถ้าทุกคนอยากถวายความสุขแด่พระเจ้าอยู่หัว ก็ต้องทำหน้าที่ให้ตรงไปตรงมา

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ ความขัดแย้งแบ่งขั้วรุนแรง อยากเห็นแนวทางที่ร่วมกัน มากกว่าการกำจัดกัน อย่าผูกขาดจงรักภักดี อย่าผูกขาดความรักชาติ หันหน้าหาแนวทางร่วมกันดีกว่า ตนเห็นหลายประเทศพังเพราะสงคราม ขัดแย้งภายใน พังเพราะแย่งชิงกันแล้วมันน่ากลัวมาก สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของไทยตอนนี้ ยังต้องพึ่งพาการส่งออกอยู่มาก อยากให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจภาคประชาชนมากๆ เพราะวันนี้ไปกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ กระตุ้นพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า รัฐบาลอย่าไปห่วงการเมืองมาก ขณะนี้ ประเทศยังไม่ค่อยดี มีปัญหาเรื่องการจ้างงานพอสมควร

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อถึงปัญหามาบตาพุดว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาพอสมควร กระทรวงการคลังได้วิเคราะห์ความเสียหาย พบว่าทำให้ตัวเลขจีดีพีมีปัญหา เรื่องนี้ตนอยากให้เดินทางสายกลาง ให้การลงทุนอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับประชาชน เป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน ทำไมไม่ไปตรงนั้น ทำไมต้องไปที่ศาลอย่างเดียว อย่าไปใช้กฎหมายเป็นตัวจับอย่างเดียว อาจจะต้องเสียต้นทุนเพิ่มขึ้นบ้าง เอาความปลอดภัยและการลงทุนให้อยู่ร่วมกันได้ หันหน้าเข้าหากัน เอานักวิทยาศาสตร์ที่เป็นกลางเข้ามาคุย การสร้างงานก็จะเกิดชาวบ้านก็มีงานทำ แต่อย่าทำให้สิ่งแวดล้อมเสีย เอาความเจริญไปให้เขาได้หรือไม่ ไปปรับปรุงแล้วไปบอกศาลปกครองน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด วันนี้รัฐบาลต้องให้เวลาประชาชนมากกว่านี้ เพราะได้ให้เวลากับการเมืองมากไป

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยว่า เมื่อทุกฝ่ายอยากให้บ้านเมืองสงบไม่มีความขัดแย้ง ถ้าทุกคนอยากถวายความสุขให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บ้านเมืองมีความมั่งคั่ง ทุกฝ่ายจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานคณะกรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างไปเข้าข้าง หรือถือหาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เชื่อว่าบ้านเมืองจะไปต่อได้ สื่อมวลชนเองก็อย่าเพลินกับงบโฆษณาของรัฐบาล จนลืมอุดมการณ์หายหมด ข้าราชการก็ต้องทำตามคำสั่งที่ถูกต้อง เพราะคนที่รับผิดชอบทางกฎหมาย คือ ตัวข้าราชการเอง ทั้งนี้เราทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้ถูกต้อง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thairath.co.th/content/pol/51825

แม่วิศวกรสุดทน จวก'คำรบ' ทำลูกชายติดคุก


นางสิมารักษ์ ณ นครพนม

แม่วิศวกรไทยวอน'จิ๋ว-แม้ว-เพื่อไทย'ช่วยลูกชาย เตรียมทำเรื่องขออภัยโทษไม่คิดอุทธรณ์ เปิดใจจวกแหลก 'คำรบ'ต้นเหตุทำลูกชายรับกรรม จี้ออกมาปรากฏตัวแสดงความรับผิดชอบ...

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวภายหลังทราบผลการตัดสินของศาลกัมพูชาคดีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย โดยนางสิมารักษ์ ณ นครพนม ได้โฟนอินมาร่วมแถลงข่าวกับนายพร้อมพงศ์ด้วย

โดยนางสิมารักษ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ จากนี้ไปคงไม่มีที่พึ่งไหนอีกแล้ว จึงอยากขอความช่วยเหลือจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ช่วยลูกชายให้ได้รับอิสรภาพ โดยการขอพระราชทานอภัยให้ ขอฝากเรียน พล.อ.ชวลิต อีกครั้งให้ช่วยตนและลูกด้วย เพราะสภาพจิตใจตอนนี้สุดๆแล้ว ยิ่งเห็นลูกถูกพันธนาการ น้ำตามันกลั้นไม่อยู่

นางสิมารักษ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนคงได้ยินคำพิพากษาแล้ว สื่อมวลชนก็คงได้ฟังด้วย นายศิวรักษ์ พูดอย่างหมดเปลือก สิ่งที่อดกลั้นมานานและไม่เคยปริปากพูดหรือขอร้อง วันนี้เมื่อทุกคนทราบข้อเท็จจริงแล้ว อยากฝากถาม นายคำรบ ปาลวัฒน์วิชัย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทย ในกัมพูชาว่า เวลานี้อยู่ที่ไหน ถ้าไม่โทรศัพท์มาหาลูกชาย ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ขอให้ออกมารับผิดชอบด้วย ตนไม่เคยพูดว่าใครเป็นต้นเหตุให้ลูกต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่วันนี้ลูกอยู่ในสภาถูกใส่กุญแจมือ ตนรับไม่ได้ ทำใจไม่ได้จริงๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทนายความจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษทันทีเลยหรือไม่ นางสิมารักษ์ ตอบว่า เบื้องต้นจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดีจะได้ไม่ยืดเยื้อออกไปอีก ส่วนกรณีกระทรวงการต่างประเทศก็จะยื่นพระราชทานอภัยโทษให้ จะหารือกับทนายก่อน เพราะเวลานี้ฝากความหวังไว้ที่ทนาย พล.อ.ชวลิต ,พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ขณะนี้มีความขัดแย้งมาก ไม่อยากให้ใช้นายศิวรักษ์ มาเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งทางการเมือง เราเป็นคนไทยด้วยกันช่วยกันดีกว่า อยากให้สงสารครอบครัวตนด้วย.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thairath.co.th/content/pol/51802

จับโกหก'เทือก' เปิดเอกสาร เอี่ยวจัดซื้อสตช.



นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

เปิดเอกสารบันทึกข้อความด่วน สตช.จับโกหก'สุเทพ เทือกสุบรรณ'เป็นผู้สั่งจ่ายเงินงวดสุดท้าย จยย.ไทเกอร์ กว่า 429 ล้านบาท...

กรณีข่าวที่ระบุว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง มีส่วนพัวพันกับการเบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์จำนวน 19,147 คัน กับบริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัด 16 งวดสุดท้าย วงเงิน 429,361,010 บาท

แหล่งข่าวเปิดเผย"ไทยรัฐออนไลน์"ว่า แม้นายสุเทพ จะปฏิเสธในเรื่องดังกล่าว แต่ในบันทึกข้อความด่วนที่สุดที่ตั้งเรื่องโดยพล.ต.ต.ภูวดล วุฑฒกนก ผบก.พธ. กลับมีการระบุชัดเจนว่า การเบิกจ่ายเงินครั้งนี้ดำเนินการตามบัญชาของ นายสุเทพ โดยบันทึกข้อความ ที่ 009.22/1943 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2552 เรื่องการเบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 19,147 คัน ตามสัญญา ที่ทำถึง ผบ.ตร. (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) ผ่าน ผู้ช่วย ผบ.ตร. บร 21 คือพล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้ขอให้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงวดที่ 23-38 รวม 16 งวด คิดเป็นเงิน 429,361,010 บาท โดยอ้างถึงรายงานผลการประชุมหารือแนวทางการเบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อรถ จักรยานยนต์ดังกล่าว ว่า ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้เข้าข่ายการฉ้อโกง และระบุว่า หากไม่ดำเนินการทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาจถูกบริษัทฯเรียกร้องค่าเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 7.5

ท้าย บันทึกข้อความดังกล่าว พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ยังได้เขียนหนังสือด้วยลายมือตัวเองเรียน ผบ.ตร.(พล.ต.อ.พัชรวาท) ผ่าน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร.บร.2 มีข้อความว่า “ในเรื่องนี้เป็นกรณีที่กวพ.มีหนังสือตอบข้อหารือของตำรวจใน 2 ส่วน โดยส่วนแรก (ข้อ 1-4) เป็นกรณีความสมบูรณ์ของสัญญาและในส่วนที่สอง (ข้อ 5) เป็นกรณีการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งได้พิจารณาแล้วเห็นควรดำเนินการตามเสนอของ พธ.ข้อ 3.1และ 3.2 ประกอบกับได้มีบันทึกของ รองนรม.(นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ลง 5 มี.ค. 52 เรียน ผบ.ตร.ขอได้โปรดสั่งการให้ จนท.เร่งรัดเบิกจ่ายเงินให้กับผู้ร้องตามสัญญาต่อไป จึงเห็นควรนำเรียนท่าน ผบ.ตร.ได้กรุณาทราบและประกอบการพิจารณาสั่งการ พร้อมเรื่องเดิมที่ได้นำเรียนไว้แล้ว

จากนั้น พล.ต.อ.จุมพล ได้เดินเรื่องส่งต่อไปยัง พล.ต.อ.พัชรวาท (ผบ.ตร.ขณะนั้น) ยืนยันอีกครั้งให้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายตามที่มีการเสนอมา และได้อ้างถึงหนังสือตอบข้อหารือของกรมบัญชีกลางเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของ สัญญาซื้อขาย ข้อเสนอทางด้านเทคนิคว่า มีการแจ้งความร้องทุกข์และฟ้องศาลปกครองยังไม่มีข้อยุติ แต่เมื่อคู่สัญญาได้ส่งมอบและตรวจรับถูกต้องครบถ้วนแล้ว ส่วนราชการคู่สัญญาย่อมมีหน้าที่จะต้องดำเนินการตามระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 71(4) ดำเนินการจ่ายเงินและรายงานให้หัวหน้าส่วนราชการทราบ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.จุมพล ยังได้อ้างถึงบันทึก รองนายกรัฐมนตรี (สุเทพ เทือกสุบรรณ) ลง 5 มี.ค. 52 ท้ายหนังสือขอความเป็นธรรม บริษัทคาร์แทรคกิ้ง จำกัด ลง 2 มี.ค. 2552 เรียน ผบ.ตร.ขอให้ตรวจสอบหากเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้องโปรดสั่งการให้ จนท.เร่งรัดเบิกจ่าย โดยในเอกสารของ พล.ต.อ.จุมพล ลงวันที่ 12 มี.ค. 52 เวลา 14.05 น. จากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาทได้แทงหนังสืออนุมัติให้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินงวดสุดท้ายได้กลับมายัง พล.ต.อ.จุมพล ลงวันที่ 19 มี.ค. 2552

เป็นที่น่าสังเกตว่ากระบวนการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงวดสุดท้ายกว่า 429 ล้านบาทเป็นไปอย่างรวดเร็ว เริ่มจากหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่บริษัทคู่สัญญาทำถึงนายสุเทพลงวันที่ 2 มี.ค. 52 โดยนายสุเทพรับลูกทันทีเสนอเรื่องถึง ผบ.ตร.ในขณะนั้นหลังจากได้รับการร้องขอความเป็นธรรมเพียง 3 วัน คือวันที่ 5 มี.ค. 52 ถัดจากนั้นอีกเพียง 5 วัน คือวันที่ 10 มี.ค. 52 พล.ต.ต.ภูวดล วุฑฒกนก ผบก.พธ. ก็ตั้งเรื่องให้มีการเบิกจ่ายเงิน 16 งวดสุดท้าย ผ่าน พล.ต.ท.พงศพัศ และใช้เวลาเพียง 2 วัน พล.ต.อ.จุมพล ก็เดินเรื่องต่อไปถึง ผบ.ตร.ในวันที่ 12 มี.ค. 52 ก่อนที่ พล.ต.อ.พัชรวาทจะลงนามอนุมัติในวันที่ 19 มี.ค. 52 รวมใช้เวลาในการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินครั้งนี้เพียง 17 วันเท่านั้น.

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thairath.co.th/content/pol/51780

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP