เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

ตู่แฉผลสอบพค. 5จนท.รับ ยิงบนราง-วัดปทุม


"ตู่"แฉ - นาย จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. แถลงเปิดหลักฐานสำคัญ อ้างว่าเป็นสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอเกี่ยวกับคดี 6 ศพวัดปทุมฯ และฆ่านักข่าวญี่ปุ่นที่พาดพิงถึงเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.




จสอ.หน.ชุดเปิดปากให้การ ไก่อูโต้วุ่นรูปเซ็นทรัลเวิลด์ ทักษิณแถลงไปมะกันแน่ ศาลไม่ถอนประกันจตุพร
'ตู่' เปิดแถลงผลสอบ 4 คดีสลายม็อบ ที่ดีเอสไอส่งสำนวนให้ตร. มีพยานหลักฐานชัดเจนล้วนเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่ เปิดตัว 5 เจ้าหน้าที่บนรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมฯ ระบุ จ.ส.อ. หัวหน้าชุดเปิดปากสารภาพเอง รปภ.แฉเหตุการณ์วันเผา ถูกศอฉ.คุมตัวออกจากอาคารตอน 5 โมงเย็น ด้าน 'ไก่อู' โต้วุ่นรูปเซ็นทรัลเวิลด์ รูปเก่า แต่เปลี่ยนมุมกล้อง ทักษิณแถลงไปมะกันแน่ พร้อมชี้แจงซีเอสซีอี มาร์คพล่านสั่งบัวแก้วประสานจับตัวส่งมาดำเนินคดี ศาลยกคำร้องธาริต ไม่ถอนประกันจตุพร

-'ธาริต'ยื่นศาลถอนประกัน'ตู่'

เมื่อ เวลา 10.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จำเลยร่วม 19 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) คดีร่วมกันหรือใช้หรือสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานก่อการร้าย มาเพื่อเริ่มกระบวนการพิจารณาคดี เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติแล้วซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. ดังนั้น จึงส่งผลให้การได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองความเป็น ส.ส. ของนายจตุพร สิ้นสุดลง ทั้งนี้ ผู้ร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวของนายจตุ พร ระหว่างการพิจารณาของศาลตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108 ต่อไปด้วย

นายธาริตกล่าวว่า การยื่นคำร้องด้วยตนเองเพราะเป็นคดีสำคัญไม่ได้มีความโกรธแค้นส่วนตัว แต่เป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ดีเอสไอเคยยื่นเรื่องให้อัยการพิจารณาแล้ว อัยการไม่เห็นด้วย ดีเอสไอจึงรวบรวมพยานหลักฐานให้มากขึ้นโดยนำภาพนิ่ง และภาพเคลื่อน ไหว รวมทั้งข้อความที่นายจตุพร พูดปลุกระดม มอบให้ศาลเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ คาดว่าศาลจะมีคำสั่งในช่วงบ่ายวันนี้ ส่วนจะมีคำสั่งอย่างไรไม่อาจก้าวล่วงได้

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร เปิดเผยว่า เตรียมจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคัดค้านทันที

ผู้ สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทันทีที่นายธาริต เดินทางมาถึงศาลอาญา นายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหวพร้อมผู้สนับสนุนเสื้อแดงอีก 2 คน เดินเข้ามาหานายธาริต ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวว่า "คุณจะเอาเสื้อแดงให้ตายเลยหรือไง"

- ศาลสั่งยกคำร้อง-ไม่ไต่สวน

ที่ ศาลฎีกา สนามหลวง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา จำนวน 2 ฉบับ มีเจ้าหน้าที่สำนักงานประธานศาลฎีกาเป็นตัวแทนรับมอบ

นายจตุพร กล่าวว่า หนังสือถึงประธานศาลฎีกาฉบับแรก ตนร้องให้เปลี่ยนตัวผู้พิพากษาในคดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาฐานหมิ่นประมาท เนื่องจากทราบว่า มีผู้พิพากษาซึ่งเกี่ยวข้องในการพิจารณาพิพากษาคดี เชิญนายกรัฐมนตรี ไปเป็นประธานในงานแต่งบุตรสาว จึงอยากเรียกร้องให้ผู้พิพากษาคนดังกล่าวแสดงความรับผิดชอบ โดยการถอนตัวจากองค์คณะผู้พิพากษาที่พิจารณาคดี ทั้ง 4 สำนวน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนหนังสืออีกหนึ่งฉบับ ขอความเป็นธรรมต่อประธานศาลฎีกา กรณีนายธาริตยื่นคำร้องให้ศาลอาญาเพิกถอนประกันตัว โดยกล่าวหาว่าเข้าไปข่มขู่นายเมธี อมรวุฒิกุล พยานในคดีก่อการร้าย ทั้งที่ตนไม่เคยคุยโทรศัพท์กับนายเมธีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนตั้งข้อสังเกต นายธาริตดำเนินการเพื่อกลั่นแกล้งตนเพราะความบาดหมางส่วนตัว

ต่อมา เวลา 15.45 น. ศาลอาญามีคำสั่งให้ยกคำร้องของนายธาริต ยื่นคำร้องให้ศาลมีหมายเรียกนายจตุพร เข้าสู่กระบวนพิจารณาเนื่องจากปิดสมัยประชุมรัฐสภา และคัดค้านการประกันตัว โดยศาลพิเคราะห์คำร้องของดีเอสไอ ประ กอบเอกสารท้ายคำร้องแล้ว เห็นว่ากรณียังไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม คดีจึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องอีก จึงให้ยกคำร้อง

ด้านนายธาริต กล่าวว่า จะรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอให้วินิจฉัยเพิกถอนการประกันตัวนายจตุพรอีกครั้ง

- เลื่อนสั่งอีกพธม.ยึดทำเนียบ

วัน เดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เลื่อนนัดการสั่งคดี 9 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดยเมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215 และ 216 กรณีที่กลุ่มพันธมิตรได้บุกเข้าไปชุมนุมต่อเนื่องกันในทำเนียบรัฐบาล นานถึง 193 วัน เมื่อปี 2551 เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังสอบพยานเพิ่มเติมตามที่ผู้ต้องหายื่นร้องขอความ เป็นธรรมไม่แล้วเสร็จ จึงนัดสั่งคดีอีกครั้งในวันที่ 9 ก.พ. 2554 เวลา 10.00 น.

- มาร์คพัลวันแลกแม้วกับบูท

เมื่อเวลา 08.50 น.วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุม ครม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวการแลกตัวระหว่างนายวิกเตอร์ บูท กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ไม่เป็นความจริง เรื่องแลกเปลี่ยนตัวไม่มี และกระทรวงการต่างประเทศก็ยังไม่ได้รายงานอะไรมา ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนชั้นนำของสหรัฐ อเมริกา คือคณะกรรมาธิ การด้านความมั่นคง และความร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ได้เชิญให้พ.ต.ท.ทักษิณไปให้การและพยานหลักฐานรายละเอียดในการไต่สวนกลางที่ กรุงวอชิงตัน ดีซี เกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย โดยเฉพาะช่วงการปราบปราม และสลายการชุมนุมของประชาชน ที่มาชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองในเดือนเม.ย. และพ.ค.

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เว็บไซต์วิกิลีกส์ระบุถ้าไม่ส่งตัววิกเตอร์ บูทไปให้สหรัฐจะส่งผลต่อเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีการพูดเรื่องนี้กันเลย เมื่อถามว่ามีการพูดคุยเรื่องนี้กับประธานาธิบดีโอบามาบ้างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวติดตลกว่า "คุยกันเรื่องไอแพด" เมื่อถามว่าเท่าที่ดูปัจจัยทั้งหมด ดูเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณไม่น่าจะเข้าไปยังสหรัฐได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ปัจจัยเยอะไม่ใช่หรือ คุณ ทักษิณ"

- โยน'กษิต'แจง-ประสานมะกัน

เมื่อ เวลา 16.10 น. ที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเดียวกันอีกว่าที่ประชุมครม. นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศบอกว่าจะชี้แจงเรื่องนี้เอง เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ยังเดินทางเข้าสหรัฐได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ

เมื่อถาม ว่าคณะกรรมาธิการของสหรัฐได้ขอข้อมูลจากดีเอสไอและศอฉ.ในการชี้แจงเช่นเดียว กับกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายกษิต รับจะไปดูทั้งหมด และนาย กษิตจะชี้แจงเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าทาง อัยการได้ประสานงานเพื่อขอจับกุมตัวพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะไปหรือไม่ไป เมื่อถามว่ากรณีพ.ต.ท.ทักษิณ มีข้อกล่าวหาเรื่องการก่อการร้าย จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลไปดำเนินการหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาประสานกันปกติอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษกับนายกษิต เพราะทราบดีอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าคณะกรรมาธิการสหรัฐได้เชิญเอกอัคร ราชทูตของไทยไปชี้แจงด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เท่าที่ทราบมีการเชิญอดีตเอกอัครราชทูต ซึ่งเรื่องนี้นายกษิต ดูแลอยู่ เมื่อถามว่าหมายความว่าเราไม่ปฏิเสธเวทีดังกล่าวใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีหรือเปล่า ยังไม่ทราบเลย เรื่องทั้งหมดอยู่ที่นายกษิต ซึ่งรับจะไปดูแลทั้งหมด "เรื่องนี้ผมไม่กังวล ส่วนจะมีตัวแทนจากประเทศไทยไปร่วมชี้แจงหรือไม่ ต้องดูในรายละเอียดว่าสิ่งที่เขาดำเนินการอยู่เป็นเรื่องอะไร ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศติด ตามอยู่ โดยนายกษิต รับปากว่าจะไปดู"

เมื่อ ถามว่าการที่พ.ต.ท.ทักษิณ รับว่าจะไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการดังกล่าวแสดงว่ายอมรับมีส่วนเกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ได้แต่อ่านข่าวเฉยๆ ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นเหมือนพยาน ก็เพิ่งทราบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์

- พท.เย้ย-รัฐดิ้นปิดปากทักษิณ

วัน เดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เพื่อให้ข้อมูลกรณีการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณแยกราชประสงค์เมื่อ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตามคำเชิญของคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ว่า ล่าสุดฝ่ายรัฐบาลรวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาดักคอในลักษณะที่ไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปชี้แจง ซึ่งกรณีดังกล่าวซีเอสซีอีไม่ได้เชิญพ.ต.ท.ทักษิณไปชี้แจงแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ยังเชิญเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตันเข้าร่วมให้ข้อมูลด้วย ดังนั้น รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้พ.ต.ท.ทักษิณได้ทำ ความเข้าใจกับสังคมนานาชาติ ให้เข้าใจในข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุม จนมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

"ที่คนใน รัฐบาลพูดถึงสนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนและวีซ่าเข้าสหรัฐของพ.ต.ท. ทักษิณ นั้นมองว่าเป็นกระบวนการที่ดิสเครดิตพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณชี้แจงต่อกรรมาธิการของสหรัฐ หวังปิดปากโดยใช้กระบวนการของการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ทำให้เห็นว่าคนในรัฐบาลเต้นเหมือนไส้เดือนที่ถูกขี้เถ้า วันนี้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ควรที่จะก้าวข้ามพ้นพ.ต.ท.ทักษิณ ได้แล้ว อย่าเป็นแค่ได้ยินเสียงเห็นแค่เงาก็ยังกลัว" นายพร้อมพงศ์กล่าว

- เผยทักษิณยื่นขอวีซ่าแล้ว

รายงาน ข่าวจากคนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาแล้ว ต่อสถานทูตสหรัฐในประเทศแห่งหนึ่ง และอยู่ระหว่างขั้นตอนการอนุญาต ให้วีซ่า

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวถึงกรณีวีซ่าของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ มีปัญหาเรื่องวีซ่า คงจะไม่ตอบรับเพื่อเดินทางไปให้ข้อมูลต่อซีเอสซีอี

นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าทางซีเอสซีอีต้อง การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะอดีตนายกฯ ซึ่งระหว่างที่พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกฯ อยู่นั้น ได้ไปเยือนสหรัฐบ่อยครั้ง ทางสหรัฐเองย่อมรู้จักนิสัยใจคอของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างดีว่าเป็นคนซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อสถาบัน ทั้งนี้เชื่อว่าการเดินทางเข้าสหรัฐของพ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีปัญหา แม้จะมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน

"กฎหมายของสหรัฐ ได้ให้ความคุ้มครองกรรมาธิการชุดนี้ ซึ่งจะครอบคลุมถึงภารกิจของกรรมาธิการด้วย ดังนั้น กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นแขกตามคำเชิญย่อมที่จะได้รับความคุ้มครองด้วย สนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจึงไม่สามารถใช้ได้ในกรณีนี้ เชื่อว่ากรณีดังกล่าวเป็นที่สนใจของนักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ฉะนั้นพ.ต.ท.ทักษิณน่าจะมีการพูดคุยหรือได้รับความยืนยันจากซีเอสซีอีถึง ความปลอดภัยแล้ว" นายประชากล่าว

นายประชา ในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของกมธ.ประสานไปยังซีเอสซีอี เพื่อขอเข้าสังเกตการณ์การให้ข้อมูลของพ.ต.ท. ทักษิณ ที่กรุงวอชิงตัน ในฐานะกรรมาธิการฯ จากประเทศไทย หากไม่อนุญาต ตนก็จะขอเข้าสังเกตการณ์ในนามส่วนตัวต่อไป

- จตุพรแถลง10คดีฝีมือรัฐ

เวลา 13.00 น. ที่บิ๊กซี ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) แถลงตนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากประธานศาลฎีกาขอยื่นคัดค้านนาย สมศักดิ์ วงศ์ยืน ผู้พิพากษาอาวุโส ที่เป็นผู้พิพากษาใน คดีที่นายอภิสิทธิ์ยื่นฟ้องตนออกจากการเป็นองค์คณะ เนื่องจากมีความสนิทสนมกับนายอภิสิทธิ์ ถึงขนาดเชิญไปเป็นประธานในพิธีแต่งงานบุตรสาว หากไม่ได้รับความกรุณาจากศาล ขอให้ตัดสินได้เลย ไม่ต้องไต่สวนพยานอีกก็ได้

นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์การสลายการชุมนุม ระหว่างวันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค.2553 รัฐบาลและกองทัพปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้ทำร้ายประชาชน และปฏิเสธความรับผิดชอบต่อผู้สูญเสียชีวิต โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ. ก็ปฏิเสธโดยให้หาหลักฐานว่าทหารทำร้ายประชาชนจึงจะรับผิดชอบ ตอนนี้ตนได้รับข้อมูลจากนายตำรวจแตงโม ผู้รักความเป็นธรรม ที่ทนไม่ได้ที่นายตำรวจใหญ่ระดับนายพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นผู้รับผิดชอบรับสำนวนการสืบสวนสอบ สวนจากดีเอสไอเอาใจรัฐบาลและกองทัพ หวังก้าวหน้าในชีวิตราชการดึงเรื่องการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพให้ล่าช้า เพราะตร.ได้รับสำนวนการสืบสวนสอบสวนที่ขอให้ตำรวจชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต จากดีเอสไอตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.2553 แต่ยังไม่เชิญพนักงานอัยการเข้าร่วมตามที่กฎหมายกำหนด และมีข่าวว่าจะส่งเรื่องกลับมาดีเอสไอใหม่ แทนที่จะส่งเรื่องให้ศาลไต่สวน ถึงสาเหตุการตายและผู้ที่ทำให้ตายตามกฎหมายที่กำหนด

"ขณะนี้ผม ถูกกลั่นแกล้งทุกวิถีทางจากรัฐบาล เพื่อหวังว่าหากไม่มีผม การชุมนุมใดๆในวันที่ 10 ธ.ค. อันเป็นวันครบรอบ 8 เดือนของการชุมนุมก็จะไม่เกิดขึ้น ความจริงใดๆ ที่รัฐบาลและกองทัพกระทำผิดไว้ก็ไม่ถูกเปิดเผย แต่แม้จะเป็นอันตรายต่อตัวผม ก็จำเป็นต้องเปิดเผยว่าสำนวนการสืบสวนของดีเอสไอ เกี่ยวกับสาเหตุการตายของประชาชนและทหาร ที่ส่งตร.สมบูรณ์เพียงพอ จะรับฟังได้ว่าการตายของประชาชนเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของ รัฐ จำนวน 10 เรื่อง" นายจตุพร กล่าว

- แฉก่อน 4 คดีตายเพราะจนท.

นาย จตุพร กล่าวต่อว่า ดีเอสไอรู้กระทั่งว่าเจ้าหน้าที่หน่วยใดและนายใด ได้รับคำสั่งมา สลายการชุมนุมของประชาชนที่สถานที่ใด ใช้อาวุธประเภทใด ขนาดกระสุนเป็นอย่างไร รวมกระทั่งฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ยอมรับว่าเป็นผู้ใช้อาวุธประจำกายในวันเกิดเหตุ จริง มีการเก็บหลักฐานปลอกกระสุนปืน หัวกระสุนปืน รวมทั้งเศษกระสุนปืนในตัวผู้ตายที่เป็นกระสุนที่เจ้าหน้าที่ที่เบิกจากหน่วย มาใช้ คือหัวกระสุนสีเขียว ซึ่งไม่มีใครใช้กระสุนเช่นนี้ พยานบุคคลที่สอบ สวนก็ยืนยันเห็นว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้ยิง แต่เมื่อมีความพยายามถ่วงเวลาไป จึงขอเปิดเผยข้อมูลบางส่วนที่ได้มา 4 กรณี คือ 1.การตายของประชาชนในวัดปทุมวนาราม 2.การตายของผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น 3.การตายของเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ดุสิต 4.การตายของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ

- ขู่ตร.ถ้าดึงเรื่อง-จะทยอยเปิด

นาย จตุพรกล่าวว่า หากตร.ยังดึงเรื่องอยู่อีก ตนจะทยอยเปิดเผยความจริงถึงสาเหตุการตายในอีกหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตตน และขอเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมาย โดยคำนึงถึงหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญกำหนด ฝ่ายผู้ชุมนุมเมื่อถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด ก็เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้ว หากรัฐบาลทำผิดก็ชอบที่จะให้เรื่องที่ถูกกล่าวหาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย โดยกระบวนการยุติธรรมไม่ถูกแทรกแซง กองทัพก็เช่นเดียวกัน ก็ควรจะพร้อมให้กระบวนการยุติธรรมเข้าตรวจสอบว่าที่เข้าสลายการชุมนุมของ ประชาชนเป็นไปโดยสุจริต ไม่กระทำการใดๆเกินกว่าเหตุ จนทำให้ประชาชนตาย และทั้งรัฐบาลและกองทัพยุติการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ให้ศาลเป็นผู้พิสูจน์สาเหตุการตายดีกว่าที่จะดึงเรื่องไว้ หากทั้งรัฐบาลและกองทัพมีความจริงใจที่จะให้สังคมนี้เกิดความสมานฉันท์และ ความปรองดองเกิดขึ้นในสังคม ต้องทำให้สังคมเกิดความรู้สึกว่าสังคมนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่เสียก่อน หากสังคมยังมีความรู้สึกว่ายังมีความยุติธรรมที่เรียกว่า "สองมาตรฐาน" อยู่ในสังคม ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิด อีกฝ่ายหนึ่งจะทำอะไรก็ไม่ผิด เสียแล้ว ความปรองดองในสังคมก็จะไม่เกิดขึ้น

- แฉจนท.ชุดปฏิบัติการวัดปทุมฯ

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายจตุพร ได้เปิดเพาเวอร์พอยต์ สรุปเหตุการณ์ ทั้ง 4 กรณี โดยระบุว่าเป็นข้อมูลที่สรุปมาจากสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอ แต่ไม่ได้เอาฉบับเต็มมาเปิดเผย เพราะเอกสารมีจำนวนมาก โดยระบุถึงเหตุการณ์ผู้เสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม ว่า เสียชีวิตวันที่ 19 พ.ค. 53 เวลาประมาณ 18.30 น. บริเวณวัดปทุมวนาราม ถนนพระราม 1 สาเหตุการตาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนความเร็วสูงเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้เข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ (สลายการชุมนุม) บริเวณพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ ถ.พระราม 1 หน้าวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และบริเวณใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและมี ประชาชนถึงแก่ความตายที่บริเวณวัดปทุมฯ ประชาชนที่ถึงแก่ความตายได้แก่ (1) นายรพ สุขสถิตย์ (2) นายอัฐชัย ชุมจันทร์ (3) น.ส.กมนเกด อัคฮาด (4) นายมงคล เข็มทอง (5) นายสุวัน ศรีรักษา (6) นายอัครเดช ขันแก้ว

เจ้า หน้าที่ที่เข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ (สลายการชุมนุม) บริเวณดังกล่าว มี 2 ชุด คือ 1.เจ้าหน้าที่จากกองพันทหารราบในภาคกลาง เป็นหน่วยกำลังที่รับผิดชอบบริเวณด้านล่างบนถนนพระราม 1 2.เจ้าหน้าที่จากกองพันรบพิเศษหน่วยหนึ่ง นำโดยนายทหารยศ พ.ต. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการนำกำลังจำนวน 4 ชุด ปฏิบัติการ บนรางรถไฟฟ้า ตั้งแต่สถานีสนามกีฬาเพื่อคุ้มกันชุดแรก

รายชื่อเจ้าหน้าที่ทหารที่ ใช้อาวุธปืน M16A2 (กระสุนปืนขนาด 5.56 ม.ม. เป็นชนิดเอ็ม 855 (M855) หัวกระสุนจะเป็นหัว "สีเขียว" มีรายชื่อดังนี้ 1.จ.ส.อ.ชื่อย่อ ส. รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการ 2.ส.อ.ชื่อย่อ ภ. 3.ส.อ.ชื่อย่อ ก. 4.ส.อ.ชื่อย่อ ช. และ 5.ส.อ.ชื่อย่อ ว.

- อ้างจนท.รับยิงเข้าไปในวัดจริง

นายจตุพร อ้างว่าเจ้าหน้าที่ทั้งห้านายรับว่าได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงเข้าไปในวัด ปทุมวนารามจริง และรับว่าอาวุธประจำกายของตนที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้ บังคับบัญชา มีการขออนุมัติเบิกอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน จากหน่วยรบแห่งหนึ่ง ซึ่งได้แก่ เอ็ม16เอ2 (M16A2) ใช้กระสุนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) เป็นกระสุนปืนเอ็ม 855 (M855)

ประมวลเหตุการณ์เจ้า หน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนยิงประชาชนในวัดปทุมฯ 1.สถานที่ยิงเป็นเขตอภัยทาน พยานบุคคลจากการสอบสวนมีพยานหลายสิบปากที่เห็นเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิง เข้ามาในบริเวณวัด แม้กระทั่งยิงเข้าไปในเต็นท์ พยาบาลขณะที่มีการยุติการชุมนุมแล้ว บริเวณวัดปทุมวนารามถือเป็น "เขตอภัยทาน" ที่มีการร้องขอต่อเจ้าอาวาส เพื่ออาศัยวัดเป็นที่คุ้มครองชีวิต เพราะไม่คิดว่าใครจะมาฆ่ากันในวัด ซึ่งมีหลักฐานหนังสือการขอชีวิตโดยขอความอนุ เคราะห์ต่อท่านเจ้าอาวาสเพื่ออาศัยวัดเป็นบริเวณที่หลบภัย

2.มีหลัก ฐานจากพยานบุคคลหลายปากยืนยันว่า เวลา 17.00 น.เศษ มีเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัดมาจากสถานีรถไฟฟ้าสยาม อันเป็นที่ตั้งของหน่วยงานหนึ่งในกทม.มีผู้ได้รับบาดเจ็บ มีผู้ถ่ายภาพไว้ มีการเข้าช่วยเหลือบุคคลที่บาดเจ็บได้แก่ นายอัฐชัย ชุมจันทร์ ได้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา มีผู้ถ่ายภาพไว้เวลา 17.50 น.วันที่ 19 พ.ค. 53

ขณะที่อาสาพยาบาลช่วยเหลือนายอัฐชัย ชุมจันทร์ ก็ได้มีการถ่ายภาพไว้ซึ่งในภาพมีนายมงคล เข็มทอง อาสาป่อเต็กตึ๊ง ได้เข้ามาช่วยเหลือนายอัฐชัย แต่ช่วยเหลือได้ไม่นาน นายมงคล เข็มทอง ก็ถูกยิงตายในขณะที่กำลังช่วยเหลือนายอัฐชัย และต่อมา น.ส.กมนเกด อัคฮาด ก็ได้ถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายในเต็นท์พยาบาล ขณะที่ น.ส.กมนเกด ถูกกระสุน นายอัครเดช ขันแก้ว อาสาพยาบาลอีกคน ก็ได้เข้าไปช่วยก็ได้ถูกยิงตายในเต็นท์พยาบาลเช่นเดียวกัน

- ผลชันสูตร6ศพกระสุนเขียว

ส่วน นายรพ สุขสถิต และนายสุวัน ศรีรักษา จากการชันสูตรพลิกศพ และผลการตรวจชันสูตรศพ ของบุคคลทั้งสอง เป็นวิถีกระสุนลักษณะ "บนลงล่าง" ทั้งสองศพ คือยิงจากรางรถไฟฟ้ามายังด้านล่าง นอกจากนี้ทั้งสองศพยังพบเศษของกระสุนหัวสีเขียวในตัวของผู้ตายทั้งสอง ปรากฏตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของ กองพิสูจน์หลักฐานกลางว่าเป็นกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) ซึ่งตามภาพมีหัวสีเขียวและศพ นายมงคล เข็มทอง ที่เข้าช่วยเหลือนายอัฐชัยนั้นลักษณะวิถีกระสุนเป็น "บนลงล่าง" เช่นเดียว กัน และรายงานการตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานกลางพบกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) หัวกระสุนสีเขียวเช่นเดียวกันทุกศพ

สำหรับศพ น.ส.กมนเกด อัคฮาด และนายอัครเดช ขันแก้ว ปรากฏตามรายงานการตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานกลางเป็นกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) ภาพมีหัวสีเขียว ประกอบพยานบุคคลยืนยันเห็นเป็นการยิงจากบนรางรถไฟฟ้าในเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 19 พ.ค. 53

จากผลการตรวจพิสูจน์ศพ วิถีกระสุน และวัตถุพยาน ที่พบในตัวผู้ตายทั้งหกศพ ประกอบพยานบุคคลหลายสิบปาก ที่สำคัญคือ คำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ขึ้นไปบนตึกสูงเพื่อถ่ายภาพห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ขณะถูกเพลิงไหม้ก็ได้ถ่ายภาพของเจ้าหน้าที่ของรัฐพร้อมอาวุธปืนยาว อยู่บนรางรถไฟฟ้า และมีเสียงปืนดังมาจากทิศทางที่เจ้าหน้าที่อยู่ เมื่อมาประมวลประกอบกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่มาจากหน่วยรบแห่งหนึ่ง รับว่าหน่วยนี้เป็นหน่วยคุ้มกันแนวราบใช้อาวุธประจำกายยิงเข้ามาในวัดปทุม วนารามจริง โดยอาวุธดังกล่าว รับว่าเป็นอาวุธปืนเอ็ม16เอ2 (M16A2) ใช้กระสุนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) เป็นกระสุนปืนเอ็ม 855 (M855) ที่มีหัวสีเขียว

ดังนั้น การตายของประชาชนทั้งหกศพ ยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่หน่วยดังกล่าวเป็นผู้ยิงมิใช่ผู้ก่อการร้ายที่ไหน เพราะอาวุธที่ใช้ ขนาดของกระสุน และประเภทกระสุนเป็นของเจ้าหน้าที่ทั้งสิ้น

- เปิดผลสอบคดียิงช่างภาพยุ่น

กรณี นักข่าวญี่ปุ่น ผู้ตายชื่อ นายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ เสียชีวิตวันที่ 10 เม.ย.53 เวลา 21.00 น. บริเวณ หน้าร.ร.สตรีวิทยา ถ.ดินสอ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร สาเหตุการตาย กระสุนปืนความเร็วสูง ไม่ทราบขนาด เข้าบริเวณหน้าอกซ้าย ทะลุกล้ามเนื้อใต้รักแร้ออกต้นแขนขวาด้านหลัง

คดี นี้สาเหตุนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ เป็นผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น ประจำสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าวในฐานะผู้สื่อข่าวอยู่ท่ามกลางระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ คดีนี้มีพยานบุคคลที่สำคัญ คือ นายดาบตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวนอกเครื่องแบบ สวมใส่กางเกงยีนส์ อยู่ห่างจากนายฮิโรยูกิ เพียงประมาณ 1 เมตร เป็นผู้เข้าไปช่วยประคองลำตัวของนายฮิโรยูกิไว้บนตักของตน ทำให้เลือดของนายฮิโรยูกิเปื้อนกางเกงยีนส์ที่สวมใส่ เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้ยืนยันทิศทางกระสุนปืนที่ยิงถูกนายฮิโรยูกิ ไม่ได้มาจากทางกลุ่มผู้ชุมนุม แต่มีพยานสำคัญอีกคนหนึ่งยืนยันว่าเห็นแสงไฟจากปากกระบอกปืนมาจากทางเจ้า หน้าที่ ซึ่งไปสอดคล้องกับเอกสารภาพวิดีโอคลิปจากกล้องของนายฮิโรยูกิซึ่งถ่ายก่อน ถูกยิงเสียชีวิตเวลาประมาณ 20.57 น. ภาพถ่ายของนายฮิโรยูกิ เป็นพยานหลักฐานสำคัญมีอยู่จำนวน 2 แผ่น ทราบว่า จากภาพถ่ายเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่บริเวณเดียวกันโดยถ่ายเห็นด้านข้าง ซึ่งจะต้องหันหน้าไปในทิศทางของเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ชุมนุมและ ทิศทางดังกล่าวไปสอดคล้องกับบาดแผลของผู้ตายตามรายงานการตรวจศพของแพทย์

เจ้า หน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณ ถ.ดิน สอ เป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานชายแดนภาคตะวันออก มีนายทหารยศ พ.อ.ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ร่วมปฏิบัติสลายการชุมนุม มีกำลังประมาณ 4 กองร้อยเดินมาถึง ถ.ดินสอ หน้า ร.ร.สตรีวิทย์

- สรุปจนท.สวนสัตว์ก็ฝีมือจนท.รัฐ

กรณี เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ดุสิต ชื่อ นายมานะ อาจราญ เสียชีวิตวันที่ 10 เม.ย. 2553 เวลาประมาณ 23.30 น. บริเวณสวนสัตว์ดุสิต สาเหตุการตาย ถูกกระสุนปืนเสียชีวิต

นายมานะ อาจราญ ผู้ถึงแก่ความตาย เป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ดุสิต ในวันที่เกิดเหตุได้เข้าเวรร่วมกับนายบุญมี แก้วไทรท้วม เข้าเวรเฝ้าดูแลเต่าที่กรงเต่า หลังออกเวรได้ถูกยิงที่บริเวณหน้าบ่อเต่า ผู้เห็นเหตุการณ์คือนายบุญมี แก้วไทรท้วม เป็นผู้ตะโกนขอความช่วยเหลือให้นายมานะ ขณะวิ่งตะโกนเห็นเจ้าหน้าที่นอนหมอบราบกับพื้นแล้วตะโกนว่า "ถอยออกไป อยากตายหรือไง"

เจ้าหน้าที่ในบริเวณสวนสัตว์ดุสิต มีพยานบุคคลเห็นว่า เจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้พากันวิ่งกรูเข้ามาในลานจอดรถ เห็นถือปืน โล่ และกระบอง ยิงปืน เป็นเจ้าหน้าที่วิ่งแตกฮือมาจากฝั่งรัฐสภา เมื่อเข้ามาแล้วมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ เมื่อเสียงปืนสิ้นสุดลง มีการเข้าเคลียร์พื้นที่พบว่านายมานะได้เสียชีวิตแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งให้ข้อเท็จจริงนี้ 1.เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการ คือกำลังจากจังหวัดนคร ราชสีมา มีนายทหารยศร.ท.เป็นผู้ปฏิบัติการ

2.หลักฐานที่ยืนยันว่าเจ้า หน้าที่หน่วยนี้เป็น ผู้ทำร้ายนายมานะ ได้แก่ ปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 ปลอก โล่ปราบจลาจลจำนวน 2 อัน กระบองปราบจลาจลจำนวน 3 อัน เสื้อลายพรางระบุชื่อที่อกเสื้อ "บารมีชีพไธสง" จำนวน 1 ตัว และจากสถานที่เกิดเหตุสถาบันนิติวิทยา ศาสตร์ได้ตรวจร่องรอยวิถีกระสุนแล้ว วิถีกระ สุนที่ปรากฏตรงกับลักษณะการถูกยิงของผู้ตายและร่องรอยปลอกกระสุนปืนของกลาง และบริเวณที่เกิดเหตุไม่ปรากฏว่ามีบุคคลภายนอกเข้าไปในบริเวณดังกล่าวนอกจาก ทหารที่นำโดยนายทหารยศดังกล่าว

- อีกคดีกรณีพลฯณรงค์ฤทธิ์

กรณี พลฯณรงฤทธิ์ สาละ เสียชีวิตวันที่ 28 เม.ย. 53 เวลา 15.30 น. บริเวณใต้ทางขึ้นโทลล์เวย์ ใกล้อนุสรณ์สถานแห่งชาติ สาเหตุ การตาย ถูกยิงที่ศีรษะด้านซ้าย กระสุนผ่านกะโหลกเข้าไปฝังในถึงแก่ความตาย

พล ทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง ทะเบียน กยษ กจ 683 ถูกยิงที่ศีรษะข้างซ้าย หางคิ้วผ่านทะลุกะโหลกศีรษะ จากรายงานการตรวจศพ พบเศษลูกกระสุนปืนในศีรษะผู้ตายเป็นเศษรองลูกกระสุนปืนและเศษแกนลูกกระสุน ปืนขนาดประมาณ .223 (5.56 ม.ม.) ซึ่งใช้กับปืนกลเล็ก เอ็ม 16 หรือปืน เอชเค 33 ซึ่งเจ้าหน้าที่เป็น ผู้ใช้เท่านั้น

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางฝ่ายทหารปฏิเสธมาโดยตลอด โดยเฉพาะพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. พยายามให้ข่าวในขณะนั้นว่า มีผู้ก่อการร้ายลอบยิง พลฯณรงค์ฤทธิ์บริเวณเกาะกลางถนน แต่ทราบจากการสืบสวนสอบสวนที่ทั้งเป็นตำรวจและทหารในที่เกิดเหตุที่มีอาวุธ ประจำกายเป็นเอ็ม 16 หรือ ปืนเอชเค 33 ตั้งเป็นแนวเขตเจ้าหน้าที่และมีพยานบุคคลเห็นเจ้าหน้าที่ผูกผ้าพันคอสีฟ้า จำนวน 2-3 นาย ขึ้นยืนอยู่บนแนวปืนที่กั้นระหว่างถนนคู่ขนานกับถนนด้านใน นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าเสียงปืนที่ยิงพลฯณรงค์ฤทธิ์ ถึงแก่ความตายมาจากกลุ่มเจ้าหน้าที่อยู่ทางด้านถนนวิภาวดีรังสิตขาออกด้าน คู่ขนาน

- รปภ.เซ็นทรัลเวิลด์แฉวันเผา

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ไปที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ถ.ราชดำริ ภายหลังจากมีภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ที่แยกราชประสงค์ ภายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แพร่ในเฟซบุ๊ก ช่วงที่มีศอฉ.เข้าเคลียร์พื้นที่ภายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนเกิดไฟไหม้ขึ้น ทั้งที่ศอฉ. เข้าไปในพื้นที่แล้ว เพื่อติดตามสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

นาย เอ (นามสมมติ) กล่าวว่าตนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเช้า สังกัดบริษัท อาร์ทีเอสการ์ด จำกัด ซึ่งห้างเซ็นทรัลเวิลด์จะจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยสองแห่ง ดูแลพื้นที่ โดยมีบริษัท อาร์ทีเอสการ์ด จำกัด ดูแลพื้นที่ด้านนอก ลานจอดรถ และรอบห้างทั้งหมด ส่วนบริษัท จีโฟร์เอส การ์ด จำกัด ดูแลเฉพาะส่วนภายในอาคารทั้งหมด ในเวลาดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเช้า ตนได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านหลังห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงเช้าก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร แต่หลังจากเวลา 13.00 น. ได้ทราบข่าวว่าได้มีเจ้าหน้าที่เคลื่อนที่นำกำลังมาบริเวณถึงหน้าถนน บริเวณสยามพารากอน จากนั้นก็มีเสียงปืนและเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ ตนจึงให้รปภ.รอบบริเวณห้างลงไปอยู่ด้านล่างเพื่อความปลอดภัย โดยปิดล็อกประตูทางเข้าออกห้างทั้งหมด จนกระทั่ง เวลา 16.30 น. ได้มีกลุ่มทหารพร้อมอาวุธปืนบุกเข้ามาเคลียร์ในพื้นที่ห้างสั่งให้นอนหมอบ กับพื้นและสั่งให้รปภ.ทุกคนติดบัตร ก่อนปล่อยตัวออกไปจากพื้นที่ ซึ่งมีรปภ.บางคนไม่มีบัตรก็ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ถูกควบคุมตัวแยกไว้

- ถูกทหารคุมตัวออกจากห้าง

นาย เวียน (นามสมมติ) กล่าวว่า อยู่สังกัดรปภ.บริษัท อาร์ทีเอสการ์ด ช่วงเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ถ.ราชดำริ ตนอยู่ประตูทางเข้าออกห้างช่วงเช้าไม่มีเหตุการณ์อะไร จนมาช่วงบ่ายสังเกตเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงได้วิ่งแตกฮือกระจัดกระจายหนี เนื่องจากช่วงนั้นเริ่มมีเสียงระเบิดและปืนดังขึ้น ตนได้รับแจ้งทางวิทยุจากหัวหน้าให้ปิดประตูทางเข้าออกห้าง และให้หลบลงมาอยู่ด้านล่าง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด เป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่กล้าออกมาดูด้านบนว่ามีเหุตการณ์อะไรเกิดขึ้น จนเวลา 17.00 น. จึงออกจากพื้นที่ได้ โดยมีทหารมาควบคุมพื้นที่ห้างและสั่งให้ทุกคนติดบัตร จึงออกจากพื้นที่ได้ ส่วนภายในห้างตอนนั้นไม่มีคนเสื้อแดงหรือประชาชนหลบอยู่ในห้างแต่อย่างใด และยังไม่มีไฟไหม้

ส่วนนายเทียน (นามสมมติ) รปภ.จีไฟร์เอส การ์ด กล่าวว่าช่วงเช้าตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ชั้น 6 ของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมองออกทางกระจกหน้าห้างสังเกตเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงวิ่งหนีกันอลหม่าน และมีเสียงปืน เสียงระบิดดัง และได้รับคำสั่งจากหัวหน้าเช่นกันแจ้งให้ลงมาอยู่ข้างล่างจนเวลา 17.00 น. จึงออกจากพื้นที่ได้ และนายพง(นามสมมติ) รปภ.บริษัทจีไฟร์เอสการ์ด กล่าวเช่นกันว่าตนอยู่ชั้น 1 ก็ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าแจ้งให้ปิดประตูห้าง จากนั้นได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดดังถี่ขึ้นตลอด และต้องหลบลงมาอยู่ชั้นใต้ดินจนเวลา 16.00 น.ถึงออกจากพื้นที่เช่นกัน

- ไก่อูพัลวันรูปทหารว่อนเว็บ

วัน เดียวกัน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้สัมภาษณ์ถึงเว็บไซต์เฟซบุ๊กเผยแพร่ภาพเหตุการณ์วันสลายชุมนุม ซึ่งเป็นภาพเจ้าหน้าที่ทหารอยู่ในเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุเผาห้างเซ็นทรัล เวิลด์ในวันที่ 19 พ.ค.ว่า ไม่ต้องชี้แจงอะไร รูปที่ปรากฏในเว็บไม่ใช่รูปใหม่ แต่อาจนำเสนอภาพที่ถ่ายจากอีกมุมหนึ่ง ที่ผ่านมามีการนำเสนอภาพลักษณะนี้หลายครั้งแล้ว ศอฉ.เคยชี้แจงการทำงานเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่า เจ้าหน้าที่ทำอะไร อยู่ที่ไหน ใช้อาวุธในลักษณะอย่างไร จากนี้คงไม่ต้องตรวจสอบอะไร การโพสต์รูปดังกล่าวคงไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เชื่อว่าภาพที่ปรากฏผ่านทางเว็บไซต์จะไม่ส่งผล กระทบต่อเจ้าหน้าที่ศอฉ.

เมื่อ ถามถึงภาพเจ้าหน้าที่ศอฉ.ไล่ยิงคนภายในห้างจนบาดเจ็บ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า เท่าที่ดูจากภาพไม่พบว่าภาพไหนชี้ให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ไล่ยิงคนภายในห้างอย่างที่เป็นข่าว มีเพียงเจ้าหน้าที่ยืนถือปืนเท่านั้น ส่วนภาพที่ปรากฏเจ้าหน้าที่ถืออาวุธนั้น ศอฉ.ไม่ปฏิเสธ การปฏิบัติงานในช่วงนั้น ทหารถือปืน เพื่อปฏิบัติภารกิจอยู่แล้ว

เมื่อ ถามถึงกลุ่มคนเสื้อแดงวันอาทิตย์ของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบ.ก.ลายจุด เตรียมจัดกิจกรรมติดนกแดงบริเวณถ.ราชประสงค์ในวันที่ 19 ธ.ค. พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่ขอให้จัดกิจกรรมอยู่ในกรอบกฎหมาย เนื่องจากในพื้นที่ยังประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ กลุ่มใดก็ตาม ที่มีความเคลื่อนไหว เป็นหน้าที่ของบช.น. จะประสานคุยแกนนำเพื่อทำความเข้าใจว่าสิ่งไหนทำได้หรือไม่ได้ ส่วนจะหารือเพื่อให้ยกเลิกการจัดกิจกรรมดังกล่าวหรือไม่ บช.น.ประสานกับแกนนำผู้ชุมนุม หากชุมนุมเคลื่อนไหวโดยใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญคงห้ามไม่ได้ แต่ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก

- ศอฉ.เสนอให้มะกันจับแม้ว

รายงาน ข่าวจากศอฉ. เปิดเผยว่า ศอฉ.ประ สานข้อมูลไปยังรัฐบาล กรณีพ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางเข้าสหรัฐ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงต่อซีเอสซีอี โดยรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ ของประเทศ ส่วนอัยการสูงสุดจะเป็นผู้พิจารณาเกี่ยวกับข้อตกลงสนธิสัญญาการส่งพ.ต.ท. ทักษิณกลับประเทศไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ขณะที่ศอฉ.ยังคงจับตาการเคลื่อนไหวกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่จะเคลื่อนไหวเป็นภัยต่อความมั่นคง

รายงานข่าวระบุว่า เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าสหรัฐไม่ได้ สหรัฐคงไม่ยอมให้เข้าประเทศตามที่องค์กรอิสระซีเอสซีอีเชิญพ.ต.ท. ทักษิณไปให้ข้อมูล เนื่องจากไทยกับสหรัฐมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในฐานะผู้ต้องหาคดีที่ทางการไทยต้องการตัวอยู่ จะไปปรากฏตัวที่สหรัฐ เพื่อชี้แจงการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงได้อย่างไร คดีความของพ.ต.ท. ทักษิณที่ดำเนินการอยู่ในไทยก็ยังไม่เสร็จสิ้น ทั้งนี้ศอฉ.ไม่ได้เตรียมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ผ่านมาให้ รัฐบาล เอกสารต่างๆ ได้นำเสนอไปยังรัฐบาลนานแล้ว และได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงไปหมด แล้วว่าทุกอย่างทำไปตามอำนาจหน้าที่ตามกรอบกฎหมายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

- โฆษกโคมรับประสานจับแม้ว

วัน เดียวกัน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การอนุญาตให้ พ.ต.ท. ทักษิณ เข้าสหรัฐ เป็นเรื่องของทางการสหรัฐ กระทรวงการต่างประเทศคงไม่เข้าไปยุ่ง เพียงแต่เฝ้าติดตามดูบุคคลที่มีหมายจับ หมายศาล หรือคดีต่างๆ และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องเพื่อดำเนินการให้เหมาะสมกับกฎหมาย หรือสนธิสัญญา เรามั่นใจว่าหลักฐานที่มีสามารถดำเนินการได้ โดยกระทรวงการต่างประ เทศจะเป็นผู้ดูแล ส่วนการออกวีซ่าให้พ.ต.ท. ทักษิณ ก็เป็นสิทธิ์ของสหรัฐ แต่กระทรวงการต่างประเทศก็ต้องประสานเรื่องความร่วมมือที่ทำระหว่างกันไว้ โดยเฉพาะบุคคลที่ถูกดำเนิน คดี หรือผู้ที่ถูกออกหมายจับจากศาล

นาย ปณิธาน กล่าวด้วยว่า การส่งทูตไทยไปร่วมงานดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณาอีกครั้งว่าจำเป็นแค่ไหนที่ต้องให้บุคคลไปให้ ข้อมูลเพิ่มเติม ทูตไทยยังไม่ได้รับปากว่าจะไปร่วมหรือไม่ อยู่ระหว่างดูความเหมาะสม

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าจะเดินทางไปชี้แจงในประเด็นที่คณะกรรมาธิการฯ คาดว่าจะเดินทางไปล่วงหน้าก่อนวันประชุม วันที่ 16 ธ.ค.นี้ โดยใช้พาสปอร์ตพลเมืองมอนเตเนโกร

- 'ยิ้ม ตาสว่าง'แตกคอแกนนปช.

ที่ ห้างบิ๊กซี ลาดพร้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าวของนปช. กลุ่มแนวร่วมพลเมืองไทย ที่เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มย่อย จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวในนามคนเสื้อแดงมาหลายครั้ง ได้นัดหมายสื่อมวลชนมาแถลงข่าว แต่เวลาแถลงเกิดชนกับที่ทางนปช. จะเปิดแถลงข่าวพอดี กลุ่มแนวร่วมพลเมืองไทย คือนายพฤกษ์ พฤกษ์สุนนท์ หรือลุงยิ้ม ตาสว่าง ได้เข้าหารือกับนางธิดา โตจิราการ รักษาการประธานนปช. ซึ่งนางธิดาไม่พอใจพร้อมต่อว่าต่อขานนายพฤกษ์ อย่างรุนแรงว่า ไม่บอกให้ทางนปช.ทราบก่อนว่าจะจัดกิจกรรม

หลังนปช.แถลงข่าว กลุ่มแนวร่วมพลเมืองไทยก็จัดแถลงข่าวต่อทันที ปรากฏว่ามีเสียงเพลงเสื้อแดงจากศูนย์เยียวยาของนปช.ออกมาดังกลบเสียงของ กลุ่มแนวร่วมพลเมืองไทย สร้างความไม่พอใจให้ทางกลุ่มเป็นอย่างมาก

นาย พฤกษ์ กล่าวว่า ทุกวันที่ 10 และวันที่ 19 ของทุกเดือน กลุ่มแนวร่วมพลเมืองไทย ซึ่งมีทั้งคนเสื้อแดงภาคเหนือ 16 จังหวัด และกลุ่มคนเสื้อแดงในกทม. รวมทั้งญาติผู้เสียชีวิต ได้จัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ต่อเนื่องมาตลอด แต่เมื่อต่อไปหลังจากนี้หากนปช.จะมาเป็นหัวหอกจัดกิจกรรมทั้งหมดแทน ก็จะไม่เข้าขอยุ่งเกี่ยว และขอให้ทางนปช.ปฏิบัติแบบนี้ โดยเฉพาะการดูแลญาติผู้เสียชีวิตขอให้ทำไปตลอดด้วย อย่างไรก็ตามในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ยืนยันว่าจะรวมมวลชนไปยื่นหนังสือเพื่อขอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นของขวัญแก่คนไทยและจะเรียกร้องขอให้กำหนดวันยุบสภาที่ชัดเจนด้วย

นาย พฤกษ์ กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 10 ธ.ค. ที่จะมีการจัดกิจกรรมรำลึกที่อนุสาวรีย์ ประชา ธิปไตย เมื่อนปช.จะขอเป็นเจ้าภาพเอง ทางกลุ่มก็จะไปทำกิจกรรมของตัวเองส่วนมวลชนหรือใครจะอยู่ร่วมต่อก็เป็น สิทธิ์ การที่ตนแถลงข่าวก็ไม่เกี่ยวกับนปช. และไม่จำเป็นที่จะต้องไปขออนุญาต แกนนำนปช.ด้วย เพราะเป็นเรื่องของภาคประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

- ซีเอสซีอีย้ำ-เชิญแม้วชี้แจง

วัน เดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายนีล ไซมอน โฆษกคณะกรรมาธิการความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือคณะกรรมาธิการเฮลซิงกิ (ซีเอสซีอี) ให้สัมภาษณ์ยืนยันเมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 6 ธ.ค. ตามเวลาสหรัฐอเมริกา ว่า ในวันที่ 16 ธ.ค. 2553 ซีเอส ซีอีมีกำหนดเชิญพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีรัฐบาลไทยปราบปรามผู้ชุมนุม ประท้วงทางการเมืองเมื่อช่วงกลางปีจริง เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น มีความน่าสนใจเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนั้น ซีเอสซีอี ยังจะขอให้พ.ต.ท.ทักษิณให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน เสรีภาพของสื่อสารมวลชน และเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนในประเทศไทย รวมถึงความพยายามของรัฐบาลไทย ในการปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางภาคใต้ ซึ่งตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 4,400 ราย

ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกแถลงการณ์ตอบรับคำเชิญของซีเอสซีอี ระบุว่า รู้สึกยินดีที่หน่วยงานของทางการสหรัฐอเมริกาเล็งเห็นว่า เหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเลวร้ายในประเทศไทยที่เกิดขึ้นช่วงเดือนเม.ย.-พ .ค. 2553 นั้นจะต้องมีการสอบสวนโดยสมบูรณ์ และเป็นอิสระ

ข้อมูลจาก

ย้อนตีความ15วัน-เทียบคดียุบพรรคอื่น

กกต.โอด หมดอายุ แต่ปล่อย สืบพยาน กันเป็นปี



กกต.ชี้ศาล รธน.ยกคำร้องคดียุบพรรคปชป.ด้วยประ เด็นขาดอายุความ ระบุไม่น่าปล่อยให้สืบพยานนานเกือบปี นักวิชาการ-นักกฎหมายถกเถียงคำวินิจฉัยไม่ยุบประชาธิปัตย์ ชี้ศาลรธน.ควรอธิบายมากกว่านี้ว่าทำไมถึงเคร่ง ครัดเรื่องระยะเวลา 15 วัน ส.ว.ชี้ข้อกำหนดศาลรธน.ข้อที่ 50 ระบุว่าศาลต้องวินิจฉัยลงมติให้ครบทุกประเด็น สื่อต่างประเทศประโคมข่าว อาจเป็นเหตุให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลโกรธแค้น เผยย้อนคดียุบพรรคการเมืองอื่นๆ เทียบวันเวลาเกินกำหนด 15 วันทั้งนั้น ขณะที่นักกฎหมายยกคำวินิจฉัยในอดีตถกกันหนัก การตีความ 15 วัน

เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยด้วยคะแนนเสียง 4-2 ให้ยกคำร้องคดีกกต.ยื่นให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์จากกรณีใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาการเมือง 29 ล้านบาทผิดวัตถุประสงค์ โดยกระบวนการยื่นคำร้องไม่เป็นไปตามข้อกฎหมายเลยกำหนด 15 วัน ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันในแวดวงนักกฎหมาย รวมถึงสื่อ มวลชนต่างประเทศ โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานผลการวินิจฉัยของศาลอย่างใกล้ชิด เรเชล ฮาร์วี ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำกรุงเทพฯ วิเคราะห์ว่าการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอาจทำให้กลุ่มฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเป็นเดือดเป็นแค้น ในประเด็นที่ยกฟ้องด้วยเงื่อนไขทางเทคนิคว่า กระบวนการยื่นคำร้องไม่ถูกต้องตามกฎหมายด้านเงื่อนเวลา แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดศาลถึงเห็นชอบให้เปิดพิจารณาและไต่สวนคดีมานาน 3 เดือน

ขณะที่เอเอฟพีของฝรั่งเศสรายงานว่า คำตัด สินอาจปลุกเร้าให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลโกรธแค้น เนื่องจากเชื่อว่าประเทศไทยมี 2 มาตรฐาน บางกลุ่มคลางแคลงใจแต่แรกว่าผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ในกองทัพจะยอมให้พรรคโดนยุบจริงหรือ

ส่วนเอพีของสหรัฐ รายงานว่า รัฐบาลอภิ สิทธิ์รอดพ้นจากการยุบพรรคครั้งนี้ เป็นอีกเหตุ การณ์หนึ่งที่การเมืองมีแรงกดดันสูงต่อศาล และเกิดขึ้นหลังจากเกิดความแตกแยกในไทยนับจากปี 2549 ที่เกิดเหตุรัฐประหารโค่นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาถึงเหตุการนองเลือดบนท้องถนนเมื่อเดือนพ.ค.2553 ที่มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ยังเผชิญกับคำร้องเรียนกรณีเงินบริจาคจากกลุ่มบริษัทปิโตรเคมี 258 ล้านบาท คาดว่าศาลจะตัดสินในปีหน้า

ด้านรอยเตอร์ วิเคราะห์ว่า คำตัดสินจะทำให้เกิดความโกรธแค้นแก่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งมีทหารสนับสนุน แต่อ่อนแอด้วยความไม่มีเสถียรภาพภายในได้ผ่านช่วงยากลำบากอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้นักวิชาการและนักกฎหมายยังมีการถกเถียงกันในประเด็นข้อกำ หนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 ข้อ 50 ระบุว่า การพิจารณาวินิจฉัยของศาลให้วินิจฉัยทุกประเด็นที่ศาลกำหนด โดยตุลาการที่เป็นองค์คณะทุกคนจะงดออกเสียงในประเด็นใดประเด็นหนึ่งตามที่ศาลกำหนดมิได้ และยังมีการหยิบยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2550 เมื่อวันที่ 18 ต.ค2550 เรื่องนายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้คณะตุลา การรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคธัมมาธิปไตย และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 19/2550 เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2550 เรื่องนายทะเบียนพรรคการเมืองขอให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคพลังธรรม เปรียบเทียบเรื่องการยึดวันที่ผู้ร้องได้พิจารณาและเห็นชอบให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเปรียบเทียบกับการวินิจฉัยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เรื่องการขาดอายุความ

นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า หากศาลตัดสินเช่นนี้ไม่น่าเสียเวลาสืบพยานเป็นปี ทำให้ขาดโอกาสรับฟังว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความผิดตามคำฟ้องหรือไม่ ผลจากการพิจารณายอมรับว่ากกต.ต้องกลับมาทบทวนบทบาทการทำงานขององค์กรทั้งหมด แม้เรื่องนี้กกต.คนอื่นจะไม่เกี่ยวข้อง เป็นการดำเนินการในบทบาทของนายทะเบียนพรรคการเมือง แต่เมื่อผลออกมาเช่นนี้ การประชุมกกต.ทุกวันอังคารน่าจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยว่าเกิดกรณีเช่นนี้ได้อย่างไร เพราะก่อนหน้ามีการเตือนในที่ประชุมกันแล้วว่าต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งผลที่ออกมามีผลผูกพันทุกองค์กรให้ต้องปฏิบัติตาม

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยของคดีออกมาในลักษณะเช่นนี้ ทุกฝ่ายก็คงต้องยอมรับคำวินิจฉัยของศาล ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลต้องถือเป็นที่สิ้นสุด ในส่วนของนายทะเบียนพรรคการเมืองและกกต. ถือว่าเราได้ทำในส่วนที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของข้อเท็จจริง หรือเรื่องต่างๆ ถึงแม้ศาลจะไม่ได้มีคำวินิจฉัยในส่วนของข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ออกมาก็ตาม

นายประพันธ์ กล่าวว่า กกต.ได้ส่งสำนวนที่เกี่ยวกับการยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปที่ศาลรัฐ ธรรมนูญจำนวน 2 คดี คือ คดีความผิดเกี่ยวกับใช้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ไม่ตรงกับรายงานความเป็นจริง และคดีความผิดเกี่ยวกับเงินบริจาค 258 ล้านบาท ในส่วนของคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของศาล

ส่วนนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิ การบดี อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยา ลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า กรณีนี้ศาลรัฐธรรมนูญคงเห็นว่าในเมื่อตัวคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ไม่มีประเด็นให้ต้องดูคำร้องข้างในอีกต่อไป แต่ตนเห็นว่ามีเรื่องที่เป็นคำถามอยู่ 2 ประ เด็น ประเด็นแรกคือ การที่นายทะเบียนพรรค การเมืองยื่นคำร้องในเรื่องนี้เกินเวลา 15 วัน มีผลถึงขนาดทำให้คำร้องต้องตกไปทั้งหมดหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะให้เหตุผลทางกฎหมายในข้อนี้ด้วย ระยะเวลา 15 วันถือว่าสั้นมาก สมมติว่าหากจะมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันก็เพียงแต่ส่งคำร้องให้เกินไปหนึ่งวัน ก็จะพ้นวิสัยที่จะนำไปสู่การยุบพรรค ซึ่งเจตนารมณ์ของกฎหมายไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

"เรื่องนี้เขียนไว้ในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรม นูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 93 ว่า ให้นายทะเบียนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่พบเหตุที่นำไปสู่การยุบพรรค ก็พูดได้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติตามกติการของกฎหมายพรรคการเมือง เพียงแต่ต้องมีการอธิบายว่า กติกาข้อนี้ที่บกพร่องไป มันบกพร่องถึงขนาดคำร้องต้องตกไปเลยเชียวหรือ เรื่องของระยะเวลาในกฎหมายมี 2 แบบ คือระยะเวลาเคร่งครัด ถ้าไม่ทำตามจะมีผลทำให้กระบวนการเสียไปเลย กับระยะเวลาเร่งรัด คือถึงไม่ทำตามก็เป็นแค่บกพร่อง แต่ไม่ถึงกับทำให้เสียไป ครั้งนี้ศาลตีความว่าเป็นระยะเวลาเคร่งครัดก็ถือเป็นอำนาจของท่านในการตีความ เพียงแต่น่าจะมีเหตุผลในการอธิบายด้วยว่าทำไมถึงเคร่งครัดขนาดนั้น"

นายปริญญา กล่าวอีกว่า ประเด็นคำถามที่ 2 คือ หากคำร้องตกไปเพราะยื่นเกิน 15 วัน ทำไมศาลจึงไม่ชี้ขาดเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ทำไมถึงปล่อยให้มีการต่อสู้คดี นำสืบคดี มาจนถึงขั้นตอนนี้ ถ้าเห็นว่า เรื่องนี้ตัวคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมายจนกระทั่งไม่ต้องดูเนื้อหาข้างในว่ามีการทำผิดกฎ หมายเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าจะใช้แนวนี้ในการตัดสินคดีนี้ก็น่าจะให้คำร้องตกไปตั้งแต่ต้น ทางหนึ่งอาจจะพออธิบายได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญคงอยากให้มีการรับฟังทุกประเด็นจนครบถ้วนก่อนจึงตัดสิน อย่างไรก็ตาม ข้อที่ว่าคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่เนื้อหาในการตัดสินคดียุบพรรคหรือไม่ยุบพรรค เรื่องนี้จึงน่าจะจบตั้งแต่แรกไปแล้ว ขณะนี้ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมกติกา หรือผู้มีอำนาจหน้าที่ในการตีความกติกา ก็ได้ตัดสินมาแล้ว ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ

นายปริญญากล่าวถึงกรณีที่กกต.และศาลรัฐธรรมนูญตีความวันเริ่มต้นนับกำหนดยื่นเรื่องภายใน 15 วันไม่ตรงกันว่า อำนาจในการจะชี้ว่าจะนับแบบไหนอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือยังขาดคำอธิบายว่าทำไมถึงนับแบบนี้ และการนับแบบนี้มีผลทำให้คำร้องตกไปเลยยิ่งต้องอธิบาย อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าการมีข้อบกพร่องในกระบวนการไม่น่าจะมีผลให้เรื่องนั้นเป็นโมฆะ หรือตกไปทุกเรื่อง แล้วแต่ว่าเรื่องนั้นมีผลสำคัญขนาดไหน บางเรื่องหากไม่ทำตามก็เป็นเหตุให้โมฆะ และตกไปเลย บางเรื่องหากไม่ทำก็มีผลให้บกพร่องไปบ้าง แต่ไม่ถึงกับเสียหายทั้งหมด ตนคิดว่าศาลคิดว่าเรื่อง 15 วันเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้ตกไปเลย

"โดยส่วนตัวผมเห็นว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะถึงขนาดทำให้ตกไป และคนจำนวนมากก็ไม่คิดว่าเรื่องจะตกไปเพราะสาเหตุนี้ แต่คิดว่าจะยุบประชาธิปัตย์หรือจะยกคำร้อง ต้องดูที่เนื้อหาว่าทำผิดหรือไม่ อย่างไร แต่ก็ไม่ได้มีการนำเรื่องนี้มาวินิจฉัยเลย คนก็เลยรู้สึกว่าเรื่องที่รอฟังอยู่ กลับไม่มีการชี้ขาด การที่คำวินิจฉัยออกมาแบบนี้ แต่เดิมภาระรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่ศาลรัฐธรรม นูญ ตอนนี้กลับเป็นแบ่งภาระมาที่กกต.ด้วย ว่าเป็นเพราะกกต.และนายทะเบียนทำให้คดีนี้ตกไป คนก็จะตั้งคำถามกับกกต.ว่าทำไมทำให้คำร้องตกไป แทนที่จะตั้งคำถามกับศาลรัฐธรรมนูญแต่เพียงอย่างเดียว" นายปริญญากล่าว

นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เรื่องนี้ตี ความได้ทั้ง 2 อย่าง แต่มีข้อควรระวัง 2 เรื่องในคดีแพ่ง เรื่องอายุความจะใช้บังคับเคร่งครัด แต่กรณีคดีมหาชน คดีปกครอง คดีศาลรัฐธรรมนูญ และคดีการเมือง หากเป็นประโยชน์ต่อสาธารณ ชน อาจไม่ใช้บังคับเรื่องอายุความ หรือระยะเวลาเคร่งครัดก็ได้ เช่นกรณีศาลปกครองรับคดีที่ชาวบ้านฟ้องจำนวนมาก ซึ่งพ้นอายุความแล้ว แต่เพื่อประโยชน์ของสังคมและสาธารณชน ศาลก็รับฟ้อง

นายสมชายกล่าวว่า อีกเรื่องคือศาลรัฐธรรม นูญต้องวินิจฉัยแต่แรกแล้วว่าจะรับคดีนี้ หรือเรื่องนี้อยู่ในเขตอำนาจของศาลหรือไม่ การฟ้องสมบูรณ์ หรือไม่สมบูรณ์ ทำไมจึงปล่อยระยะเวลาให้รอนาน และไปเสียเวลาสืบพยานเรื่องนี้อยู่ถึง 7-8 เดือน ในฐานะที่เป็นนักกฎหมายที่มีความสามารถขั้นเอกอุไม่รู้แต่ต้นหรือว่ามีปัญหาเรื่องเงื่อนเวลา เรื่องนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาอย่างนี้ก็ถือว่าจบแล้ว กกต.ไปทำอะไรไม่ได้อีก แต่ที่อยากถามคือทำไมศาลไม่สั่งรับพิจารณาคดีนี้แต่แรก

นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ประ ธานคณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ขอตั้งข้อสังเกตในรัฐธรรมนูญปี 50 ปกติศาลกำหนดข้อบังคับที่ 50 ระบุว่าถ้าศาลกำหนดประเด็นในการวินิจฉัย ศาลต้องลงมติให้ครบทุกประเด็น อย่างการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ศาลตั้งไว้ 5 ประเด็น ต้องมีการลงมติในทุกประเด็นว่าข้อ 1 มติเท่าไหร่ ข้อ 2 มติเท่าไหร่ แต่การตัดสินครั้งนี้มีเพียงการลงมติเพียงประเด็นเดียว ศาลต้องออกมาอธิบายอีกมุมหนึ่ง ถ้าศาลลงมติครบ 5 ประเด็นจะช่วยคลี่คลายความสงสัยให้กับสังคมได้มากกว่านี้

นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตคณบดีคณะนิติ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า ข้อกำหนดที่ระบุว่าให้ศาลวินิจฉัยทุกประเด็นที่ศาลกำหนด หมายถึงเมื่อข้ามขั้นตอนการยื่นไป หากมีข้อเนื้อหากี่เรื่อง มีประเด็นที่ต้องพิจารณากี่ประเด็น ศาลต้องวินิจฉัยทั้งหมด กรณีนี้จึงถือว่าศาลทำตามขั้นตอนที่กฎหมายระบุไว้ อีกทั้งการกระทำของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่การงดออกเสียง หากจะตีความว่าเป็นการงดออกเสียง ต้องหมายความว่าการยื่นไม่มีข้อบกพร่อง เมื่อการยื่นไม่มีข้อบกพร่อง จึงจะไปพิจารณาในเนื้อหาได้ แต่ถ้าการยื่นบกพร่อง จะไปดูในเนื้อหาไม่ได้ เพราะถือว่ากระบวนการเริ่มต้นไม่ได้

นายเจษฎ์ กล่าวอีกว่า ในการติดตามคดีนี้ ตนและหลายๆ คนจะเน้นดูในส่วนของเนื้อหาว่า การ กระทำของพรรคประชาธิปัตย์เป็นความผิดหรือไม่ ผิดตามมาตราไหน และจะถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ ไม่ได้คาดคิดว่า ศาลจะพิจารณาในเชิงกระบวนการ ในเบื้องต้นเห็นว่า ถ้าการยื่นของอัยการไม่ได้มีปัญหาชัดเจนจริง จะมีปัญหาตามมาอีกมาก เพราะคดีแบบนี้สาระสำคัญอยู่ที่เนื้อหา ส่วนกระบวนการเป็นเรื่องรอง แต่ตามหลักกฎ หมายของเรา ถ้ากระบวนการผิดพลาด ก็ถือว่าล้มกระดานไปเลย ถ้ากระบวนการยื่นของอัยการมีปัญหาชัดเจนจริง และตอบคำถามได้ทุกส่วนว่า การยื่นไม่ชอบอย่างไร กำหนดยื่นใน 15 วันนับอย่างไร เรื่องนี้ก็แล้วกันไป แต่ถ้าหากไม่ชัดเจน จะเหมือนกับเป็นการเลี่ยงเนื้อหา และจะเกิดคำถามตามมาว่า ทำไมกรณีนี้ไม่ผิด ทำไมกรณีนี้เลินเล่อได้ แล้วทำไมตอนพ.ต.ท.ทักษิณไม่เป็นแบบนี้ เกิดการนำไปเทียบกับพรรคอื่นๆ เพราะพรรคอื่นๆ ที่พิจารณาโดยเนื้อหาทั้งหมดอีก

"ผมคิดว่ามันเป็นข้อกังขาพอสมควร หลายฝ่ายก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น บรรดาผู้เกี่ยวข้องก็ได้แต่เงียบ ขณะนี้เป้านอกเหนือจากพรรคประชาธิปัตย์ต้องมุ่งไปที่กกต.และอัยการ เกิดเรื่องราวลักษณะนี้ขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อกกต.ไม่ได้ทำเรื่องราวลักษณะนี้ครั้งแรก อัยการก็ไม่ได้เคยทำครั้งแรก ทำมาหลายครั้งไม่เคยเป็นปัญหา ทำไมต้องมาจำเพาะเป็นปัญหาในกรณีของพรรคประชาธิปัตย์" นายเจษฎ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบคดียุบพรรคการเมืองที่ผ่านมา พบว่าคดีที่กกต.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคการเมืองนั้นเกินกำหนดเวลา 15 วันตามที่กฎหมายกำหนดทั้งนั้น โดยคดียุบพรรคไทยรักไทย กกต.มีมติยุบเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2549 อัยการส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 6 ก.ค.2549 เป็นระยะเวลา 17 วัน เกินกำหนดไป 2 วัน คดียุบพรรคประชาธิป ไตยก้าวหน้า กกต.ลงมติให้ยุบพรรควันที่ 12 เม.ย.2549 อัยการส่งคดีให้ศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 6 ก.ค.2549 เกินกำหนดเวลา 15 วันไปกว่า 3 เดือน คดียุบพรรคพลังประชาชน กกต.ลงมติให้ยุบพรรควันที่ 2 ก.ย. 2551 อัยการส่งคดีให้ศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 10 ต.ค. 2551 เกินกำหนดเวลา 15 วันไปเดือนเศษ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNek13TVRFMU13PT0=

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP