สังคมออนไลน์ มีกระแสต่อต้านหนัก รัฐบาลเล็งติดสนิฟเฟอร์ ตรวจสอบการ
ดาวน์โหลดหนัง-เพลงเถื่อน ระบุ ทางออกมีมากกว่าการลงทุนติดอุปกรณ์ดัก
จับข้อมูล ย้ำ เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล บนอินเทอร์เน็ต และ อาจไม่ช่วย
แก้การละเมิดลิขสิทธิ์ได้...
จากกรณีข่าวที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้
ประสานขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาการละเมิด
ทรัพย์สินทางปัญญา บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต นอกจากนั้นคณะทำงาน
กำกับดูแลและเฝ้าระวังการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต ยังได้มีมติเสนอให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
(กทช.) เพิ่มหลักเกณฑ์ในการ ออกใบอนุญาตให้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
ต้องติดตั้งอุปกรณ์ดักจับข้อมูลบนเครือข่าย อินเทอร์เน็ต หรือสนิฟเฟอร์
(Sniffer) ไว้ที่อินเทอร์เน็ตเกตเวย์ด้วย เพื่อดักข้อมูลการใช้งานดูว่ามีการ
ดาวน์โหลดโปรแกรม หรือคอนเทนท์ละเมิดลิขสิทธิ์ บนอินเทอร์เน็ต จน
กลายเป็นกระแสต่อต้านของคนออนไลน์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการ
อินเทอร์เน็ต ลามไปยังเว็บไซต์สังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ค และทวิตเตอร์ ใน
หัวข้อ #Thainosniff
นางสาวสฤณี อาชวานันทกุล บรรณาธิการเว็บไซต์โอเพ่นออนไลน์ และ
ตัวแทนของเครือข่ายพลเมืองเน็ต กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากเปรียบเทียบ
อินเทอร์เน็ต คือ ถนนทางหลวง สนิฟเฟอร์ไม่ใช่แค่การตั้งด่านตรวจจับ แต่
เป็นการตั้งกล้องสอดแนมไปในรถทุกคันที่ใช้ถนน แม้ว่าสนิฟเฟอร์ไม่ใช่
เครื่องมือที่เลวร้ายเมื่อมองที่เจตนาการลดละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แต่
การสอดแนมแบบนี้ก็ยากที่จะยอมรับได้ โดยจำเป็นถึงขนาดต้องสงสัยคนทั้ง
ประเทศเลยหรือ ที่ผ่านมามีแต่ประเทศจีน และสหรัฐอเมริกาที่ใช้การสนิฟ
เฟอร์ เพื่อเฝ้าระวังกลุ่มผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย หรือ เหตุผลด้านความ
มั่นคงเป็นหลัก
ตัวแทนของเครือข่ายพลเมืองเน็ต กล่าวต่อว่า บางทีเรื่องนี้อาจเป็นการ
ลงทุนที่ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะต้นทุนในการติดตั้งอุปกรณ์ที่มีมูลค่ามหาศาลกว่า
8 หลัก การที่ประชาชนสูญเสียความเป็นส่วนตัว ไอเอสพีแบกรับภาระต้นทุน
ความเร็วอินเทอร์เน็ตช้าลง หากทาง กทช.รับรองแล้วออกประกาศออกมาจริง
คงต้องมีการยื่นเรื่องให้ทบทวนในการติดตั้งเครื่องมือดักจับข้อมูลกันอีกครั้ง
เชื่อว่าประเด็นการต่อต้านสนิฟเฟอร์ จะทำให้ประชาชนทั่วไปรู้และตระหนัก
ว่าการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตปลอดภัยแค่ไหน
นางสาวสฤณี กล่าวอีกว่า ทางที่ดีทั้งภาครัฐและเอกชนมาช่วยกันรณรงค์
สร้างจิตสำนึก ในการใช้อินเทอร์เน็ตที่ถูกต้องให้ผู้บริโภค เพิ่มช่องทางใน
การแจ้งเบาะแสของเว็บไซต์ให้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โดย
เราควรมองหาทางออกที่ไม่ละเมิดสิทธิ์ของประชาชน และไม่ตั้งข้อสงสัยคน
ทั้งประเทศแบบนี้ แต่พยายามชี้ถึงประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต กระจายความ
เข้าใจที่ถูกต้องให้ออกไปแบบกว้างขวาง ทั้งนี้แม้เหตุผลของรัฐที่ต้องการดัก
ข้อมูลบางอย่าง ไม่ได้เข้ามาดูข้อมูลทั้งหมด แต่การที่ข้อมูลตกอยู่ในมือภาค
รัฐ นั่นก็เป็นความเสี่ยงของผู้ใช้งาน
ด้าน นายศุภเดช สุทธิพงศ์คณาสัย ผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ต สมาคมผู้
ดูแลเว็บไทย กล่าวว่า เนื่องจาก Sniffer คือ โปรแกรมที่แฮกเกอร์ ใช้ดักอ่าน
ข้อมูลที่วิ่งไป-มาบนระบบเน็ตเวิร์ค หรือ Traffic โดย Sniffer จะเป็นอุปกรณ์
ที่ใช้เชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และคอยดักฟังข้อมูลในเครือข่าย เพื่อ
นำมาวิเคราะห์หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในการนำข้อมูลไปใช้
ประโยชน์ หากมีการสนิฟเฟอร์จริงการใช้อินเทอร์เน็ตในอนาคตคงต้อง
ระมัดระวังกันมาก จะโพสต์ จะพิมพ์อะไรลงไปต้องคิดกันมากขึ้น ขณะ
เดียวกัน เหล่าแฮกเกอร์ก็อาจมารวมตัวกันเพื่อถล่มหน่วยงานภาครัฐก่อนจะ
ดักข้อมูลได้ เพราะไปยั่วยุ
ผู้เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ต กล่าวอีกว่า เรื่องการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์
เถื่อน ต้องทำความเข้าใจกับผู้ใช้งานว่า ยังมีโปรแกรมฟรีแวร์เป็นทางเลือกให้
ดาวน์โหลดเอาไปใช้งาน โดยโปรแกรมเหล่านี้มีคุณสมบัติ และการทำงานไม่
ต่าง หรือดีกว่าโปรแกรมลิขสิทธ์เสียอีก อาทิ ชุดโปรแกรมสุริยันจันทราของ
สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิ
ป้า ที่ทำแผ่นซีดีแจกออกมา โดยจำเป็นที่ต้องลบค่านิยมการใช้ซอฟต์แวร์
แบบผิดๆ หากจะแก้เรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งนี้ที่ผ่านมาเมือง
ไทยไม่เคยปลูกฝังเรื่องการใช้โปรแกรมลิขสิทธิ์เลย ตั้งแต่ระดับโรงเรียน คน
ไม่รู้ว่าการใช้ซอฟต์แวร์นั้นมีค่าใช้จ่าย
ส่วน นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ อุปนายกสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย
กล่าวว่า ขณะนี้ เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ภาครัฐจำเป็นต้องเข้าใจ
และ คนทั่วไป ต้องเข้าใจกระบวนการของรัฐ บางครั้งการทำงานอาจไม่รอบ
ด้าน หรือไม่เท่าทัน ดังนั้น ทั้งรัฐและเอกชน ควรหันหน้ามาคุยกัน เพื่อร่วมกัน
พิจารณาว่ามีทางอื่น หรือไม่ นอกจากการสนิฟเฟอร์ข้อมูล เชื่อว่าในหน่วย
งานรัฐยังมีคนเก่งๆ มากมายยินดีเข้ามาทำงาน ทั้งนี้หากรัฐบาลเอาจริงก็คง
กันได้ไม่หมด เพราะคนที่ใช้งานก็ยังมีวิธีหลบหลีกได้อยู่ดี
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/tech/61117
เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome
This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome
เขียนโดย
sp
ที่
00:39
อินเทลประกาศเปิดตัวโปรเซสเซอร์ตระกูลใหม่ อินเทล™ คอร์™ โปรเซสเซอร์ 2010 ที่รวมประสิทธิภาพและการทำงานที่ชาญฉลาดเข้าด้วยกัน รวมทั้งยังมี อินเทล เทอร์โบ บูสต์ เทคโนโลยี1 สำหรับโน้ตบุ๊ก และเดสก์ท้อป
การเปิดตัวโปรเซสเซอร์ตระกูลใหม่ครั้งนี้ ประกอบด้วย อินเทล™ คอร์™ ไอเซเว่น, อินเทล™ คอร์™ ไอไฟว์ และอินเทล™ คอร์™ ไอทรี โปรเซสเซอร์ ซึ่งผลิตโดยเทคโลยีการผลิตแบบ 32 นาโนเมตร (nm) ที่ ทันสมัยที่สุด และยังถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทอินเทลอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่อินเทลสามารถใช้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ในการผลิต โปรเซสเซอร์ที่มีคุณสมบัติให้เลือกหลายระดับราคาในคราวเดียวกันได้ทันที รวมทั้งยังมีระบบกราฟิกแบบไฮ-เดฟินิชั่นอยู่ในตัวโปรเซสเซอร์อีกด้วย นวัตกรรมและการพัฒนาที่ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งดังกล่าวเป็นผลมาจากการลง ทุนมูลค่า 7 พันล้านเหรียญในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ ที่อินเทลเปิดตัวในครั้งนี้ ประกอบด้วย โปรเซสเซอร์รุ่นต่างๆ กว่า 25 รุ่น อะแด็ปเตอร์แบบไร้สายและชิปเซ็ต ซึ่งรวมถึงโปรเซสเซอร์ในรุ่น อินเทล คอร์ ไอเซเว่น, อินเทล คอร์ ไอไฟว์, อินเทล คอร์ ไอ ทรี, ชิปเซ็ต และอินเทล™ ซีรี่ส์ ไฟว์ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมจากตารางแนบท้าย) การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในวันนี้ จะส่งผลให้เกิดดีไซน์ใหม่ๆ ในตลาดสำหรับแพลตฟอร์มของโน้ตบุ๊กและเดสก์ท้อปกว่า 400 แพลตฟอร์ม
โปรเซสเซอร์ในตระกูล อินเทล คอร์ 2010 รุ่นใหม่ ผลิตด้วยเทคโนโลยี 32 นาโนเมตร และใช้ทรานซิสเตอร์Hi-k metal gate รุ่น ที่ 2 ด้วยเทคนิคการผลิตและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอื่นๆ ทำให้เครื่งอคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้นแต่ใช้พลังงานน้อยลง
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การ เปิดตัวในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทอินเทลสามารถแนะนำโปรเซสเซอร์ ตระกูลใหม่ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดออกสู่ตลาดได้โดยมีราคาให้เหลือก หลายระดับด้วยกัน โปรเซสเซอร์เหล่านี้สามารถปรับการทำงานให้เหมาะสมกับความต้องการของการใช้ งานที่แตกต่างกันไปของผู้ใช้แต่ละราย และยังสามารถเร่งการทำงานให้เร็วขึ้นได้ด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติเพื่อให้ เหมาะกับการทำงานของแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติด้านการประหยัดพลังงานอีกด้วย ทั้งในเวลาที่เครื่องกำลังทำงานและในขณะที่เครื่องเปิดทิ้งไว้แต่ยังไม่มี การใช้งาน”
เมื่อความเร็วและอัจฉริยะภาพในการประมวลผลมาพบกัน
ด้วย สถาปัตยกรรมเนฮาเล็มที่ได้รับการยกย่องในด้านประสิทธิภาพอย่างกว้างขวางในวง การอุตสาหกรรม โปรเซสเซอร์สำหรับเดสก์ท้อป และอุปกรณ์โมบายล์ เหล่านี้จะมีความสามารถในการทำงานอันชาญฉลาดเมื่อใช้กับแอพพลิเคชั่นเกี่ยว กับเพลง วิดีโอ รูปภาพ ภาพยนตร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ รวมทั้งแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ที่ต้องการประสิทธิภาพการประมวลผลในระดับเมนสตรีม นอกจากนั้นโปรเซสเซอร์ในตระกูล อินเทล คอร์ 2010 จะช่วยให้โน้ตบุ๊กชนิด ultra-thin คือ มีลักษณะบางและเบาเป็นพิเศษนั้น มีองค์ประกอบที่สมดุลย์อย่างน่าสนใจ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงาน ดีไซน์ และอายุการใช้แบตเตอรี่ที่ยาวนาน สำหรับเครื่องที่มีขนาดบางไม่ถึงหนึ่งนิ้ว
อินเทล คอร์ ไอเซเว่นและอินเทล คอร์ ไอไฟว์รุ่นใหม่ มีคุณบัติพิเศษคือ อินเทล เทอร์โบ บูสต์เทคโนโลยี1และ อินเทล™ ไฮเปอร์-เธรดดิ้ง เทคโนโลยี2 เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่คล่องตัวและฉลาดขึ้น โดยอินเทล เทอร์โบ บูสต์ เทคโนโลยี1 จะ ช่วยเร่งความเร็วในการทำงานได้โดยอัตโนมัติเพื่อให้เหมาะกับปริมาณงาน ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นตามต้องการ ส่วน อินเทล™ ไฮเปอร์-เธรดดิ้ง เทคโนโลยี2 จะ ช่วยเสริมประสิทธิภาพของการทำงานแบบมัลติทาสก์กิ้ง โดยคอร์ของโปรเซสเซอร์แต่ละตัวจะสามารถทำงานแบบ มัลติเพิล-เธรดได้ ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพการทำงานสูง และสามารถประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยมแม้ในเวลาที่ต้องทำงานหลายอย่างใน เวลาเดียวกัน
เพื่อ รองรับการทำงานของโปรเซสเซอร์ในตระกูล อินเทล คอร์ 2010 อินเทลยังได้เปิดตัวชิปเซ็ตรุ่นใหม่ คือ อินเทล™ ซีรี่ ไฟว์ ซึ่งเป็นชิปเซ็ตแบบซิงเกิ้ลชิปรุ่นแรกของอินเทล โดยเป็นการพัฒนาขึ้นจากการนำส่วนประกอบต่างๆ มาเชื่อมต่อกันและทำให้เป็นเกิดนวัตกรรม และความสามารถของแพลตฟอร์มที่หลากหลายมากขึ้น โปรเซสเซอร์ในตระกูล อินเทล คอร์ 2010 นี้ยังมีเทคนิคพิเศษสำหรับการประหยัดพลังงานที่เรียกว่า “hurry up and get idle” หรือ “HUGI” ที่จะช่วยให้โปรเซสเซอร์ทำงานเสร็จเร็วขึ้นเพื่อประหยัดพลังงานแบตเตอรี่อีกด้วย
โปรเซสเซอร์ในตระกูล อินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ 2010 ยังเป็นรุ่นแรกที่รวมกราฟิกไว้ในโปรเซสเซอร์รุ่นเมนสตรีม อินเทล™ เอชดี กราฟิกส์ โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่ เป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติที่น่าตื่นตาตื่นใจในด้านภาพและเสียงในระดับไฮ-เดฟิ นิชั่น นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ที่มีการรวมโซลูชั่นเพื่อให้สามารถ รองรับระบบมัลติ-แชนแนล ดอลบี* ทรู เอชดี (multi-channel Dolby* TrueHD) และ ดีทีเอส* พรีเมี่ยม สวีท โฮม เธียร์เตอร์ ออดิโอ (DTS* Premium Suite home theater audio) อีกด้วย ในส่วนของอินเทล เอชดี กราฟิก นั้น สามารถใช้เล่นเกมส์สามมิติระดับเบสิกและเมนสตรีมได้อย่างมีประสิทธิภาพโดย ไม่ต้องติดตั้งวิดีโอการ์ด และยังรองรับระบบปฏิบัติการใหม่ ไมโครซอฟท์ วินโดวส์* เซเว่น ของไมโครซอฟท์* ได้อีกด้วย
อีกหนึ่งคุณสมบัติสำหรับโน้ตบุ๊กในระดับเมนสตรีม คือ ระบบกราฟิกที่ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนสลับกันได้ ระหว่าง Integrated graphics และDiscrete graphics โดยไม่ต้องปิดเครื่องเพื่อบู้ธเครื่องใหม่ ทำให้สามารถใช้เครื่องได้อย่างประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดและประหยัดพลังงานไปพร้อมๆ กัน
ตามข่าวหน้าแรกอาจจะดูน่าเบื่อ แต่ถ้าใครสนใจเนื้อหาของ Core i5 และ Core i3 จริงๆแล้วละก็ขอแนะนำบทความเลยครับ เจอะลึกทุกมุมมองแบบที่อื่นให้ไม่ได้นอกจาก NBS เท่านั้น
เชิญร่วมไว้อาลัยแด่ Core 2 Duo ด้วยการมาของ Core i5, i3 พร้อมผลทดสอบจาก Asus K42F
เรามาชมโน๊ตบุ๊กรุ่นต่างๆที่มาโชว์ในงานกันดีกว่า
HP
โดยหลักๆนั้นยังใช้ ฺBody ตัวเดิมทั้งใน dv4 ,dv7 แต่จะเปลี่ยนแปลงสเปกมาใช้ Core i5 และ Core i3 โดยอาจจะไม่ครบทุกรุ่นที่มาโชว์ในงานนะครับ เพราะในหลายๆรุ่นนั้นจะยังใช้ Body เดิมที่ขายตามท้องตลาดอยู่ แต่เปลี่ยไปใช้ซีพียูตัวใหม่ เลยจะข้อเน้นเจอะในรุ่นใหม่ๆที่ชาว NBS สนใจกันซึ่งแน่นอนว่ามี Y460 ด้วย
Fujitsu
เป็น Body ตัวใหม่แน่นอนเพราะบริเวณ Touchpad นั้นแตกต่างจากรุ่นเดิมๆ โดยรูปร่างยังคงเป็นลักษณะเรียบๆตามแบบ Fujitsu เขาละ แต่ก็ยังไม่ทราบข้อมูลมากนัก ต้องรอดูกันต่อไป
สงสัยจริงๆว่าข้าง Touchpad ไอ้กลมๆนั่นเอาไวทามไร
Dell
3 ทหารเสือทั้งขวาสุด Core i3 ใน Body ของ Inspiron กลางคุ้นเคยกันดีกับ Core i7 ของ Alienware M15x และ ขวาสุด Core i5 ใน Body ของ Studio 15
ASUS
มีมาโชว์ 2 รุ่นคือ M50J ของ Core i7 ที่เจอกันตอนงานเปิดตัว i7 ไปแล้ว และตัวนี้เป็นตัวใหม่ Body คล้าย U20 เลยทีเดียว
Sony VAIO
ยังคงใช้ Body ของ CW อยู่ทั้ง Core i5 และ Core i3
Samsung
มากับ R Series มันเงาสวยสดจริงๆ
Acer
คงไม่ต้องพูดไรกันมากครับในเรื่องของสเปกเพราะเห็นในโบรชัวประจำเดือนกันไปแล้ว แน่นอนว่า Body ตัวฮิตคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
MSI
จากซ้าย Core i7 ใน GT740 ,กลาง GX640 กับ Core i3 และ ขวาเป็น Body ตัวใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อต้อนรับซีพียูตัวใหม่นี้ของ Core i3 ใน CR620 สเปกกำลังดี แอบแซวเรื่องราคากับ MSI มาว่าราคานั้นไม่สูง เรียกได้ว่าคุ้มไม่ต่างจากตัวที่ขายในตอนนี้เลย แต่เท่าไรนั้นต้องรอลุ้นกันครับ แต่รับรองว่าเห็นราคาแล้วร้องร้องเลยทีเดียว
คีย์บอร์ดแบบปุ่มยกตัวตามสมัยนิยม
สเปกไม่สูงมากแต่ราคาก็กำลังดี
Toshiba
มากับ 2 ฺBody ใหม่ ทั้งตัวแรงที่มาพร้อมพลังของ Core i5 อย่าง Qosmio X505 จอภาพใหญ่เหมือนเดิม แต่น้ำหนักนั้นเบาและขนาดบางลงกว่ารุ่นเก่ามากพอสมควรเลยทีเดียว ส่วนความสวยงามนั้นก็ลองดูตามภาพเลยครับ สวยงามใช้ได้เลยทีเดียว และอีกรุ่นที่มีการออกแบบใหม่ เห็นครั้งแรกยังแปลกใจเลยว่ามันคือ Toshiba แน่เหรอ เพราะหน้าตานั้นเรียกได้ว่าฉีกไปจากรุ่นอื่นๆมากพอสมควร บอกไม่ถูกครั้งไปดูรูปเลยกับ Satellite E200 (แถมมีไฟที่คีย์บอร์ดด้วย)
สีแดงแรงฤทธิ์เหมือนเคย
Toshiba เปลี่ยนไป๋
สวยซะ
คีย์บอร์ดมีไฟด้วย
และสุดท้ายขาดไปเสียมิได้
Lenovo
น่าสนใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Lenovo Ideapad Y460 ที่เพิ่งลงมาจากเครื่องบินก่อนวันจัดงานหนึ่งวันเพื่อมาให้ยลโฉมในงานนี้โดยเฉพาะ สเปกนั้นอาจจะยังไม่ตรงกับเครื่องขายจริง แต่ Body เป็นแบบนี้แน่นอน เท่าที่ลองจับดูยังเป็นวัสดุในลักษณะเดียวกับ Y450 ทุกประการ แต่จะมีรายละเอียดที่แตกต่างออกไปบ้างบางส่วนแต่จะมีไรมั่งนั้นไปรีวิวพร้อมๆกันเลยครับ
หน้าตารวมๆก็ยังคลายๆกับ Y450 รุ่นเครื่องดำ แต่จะมีรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นมาพอสมควรรวมถึงสเปกใหม่ที่แรงโดนใจกว่าเดิม
Y460 มาพร้อมลำโพง JBL ด้วย
หน้าหลังก็ยังเป็นวัสดูแบบเดียมแต่เพิ่มรายละเอียดในส่วนของลายรวงผึ่งที่แปลกตากว่าเดิมและบริเวณบานพับที่เสริมวัสดุเข้ามาให้ดูสวยงามหรูหรายิ่งกว่าเดิม
พอร์ตต่างๆนั้นก็ยังคงเดิมแต่จะมีการสลับตำแหน่งบ้างเล็กน้อย
สุดด้อยหนึ่งของ Y450 ในเรื่องของช่องระบายความร้อนก็ได้รับการปรับปรุงใน Y460 เป็นที่เรียบร้อย ช่องระบายความร้อนเพียบเลย แบบนี้ไม่ต้องกลัวร้อนแล้ว
สรุป :
ต้องยอมรับเลยนะครับว่าการเปิดตัวสถาปัตยกรรม Core i นี้ของ Intel ส่งผลอย่างใหญ่หลวงในการปรับเปลี่ยนของสถาปัตยกรรมซีพียู จากเดิมที่เราคุ้นเคยแต่ Core 2 Duo ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าใหม่ๆที่จะออกมาต่อจากนี้จะมีแต่ Core i เท่านั้น (ในโน๊ตบุ๊กที่ใช้ซีพียูของ Intel) โดยผู้ผลิตแทบทุกรายก็จะส่งรุ่นใหม่ที่ใช้แต่ซีพียู Core i เท่านั้น หลายท่านอาจจะสงสัยกันว่า Core 2 Duo ละจะเป็นไง ซึ่งเป็นธรรมดาครับว่าใหม่มาเก่าก็ต้องไป นึกกันง่ายๆก็เหมือนตอนที่เปลี่ยนจาก Pentium เป็น Core 2 Duo เป็นสถานะการณ์เดียวกับต้อนนี้ที่เปลี่ยนจาก Core 2 Duo เป็น Core i คือซีพียูตัวใหม่ก็จะค่อยๆเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเข้ามา จนกระทั้งกินส่วนแบ่งของตลาดซีพียูตัวเก่าไปจนหมด ซึ่ง Intel คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี คาดว่าปีหน้าน่าจะไม่ได้เห็นเครื่องใหม่ที่ใช้ Core 2 Duo และรวมถึง Core 2 Quad ที่จะกลายเป็นอดีตในไม่เกินปี 2011
แต่ Intel ก็ใช่ว่าจะเลิกผลิต C2D และ C2Q เลยตอนนี้นะครับ จะยังคงมีอยู่ตราบใดที่ผู้บริโภคยังต้องการอยู่ โดยจะค่อยๆลดการผลิตลง และให้สถาปัตยกรรม Core i เข้ามาแทนจนเต็มตลาดทั้งหมด ยังไงประเด็นตรงนี้ผมจะเขียนเป็นบทความให้ชมกันอีกในโอกาสต่อไปครับ
สำหรับคนที่ซื้อไปแล้วก็ไม่ต้องเสียใจไปครับ ซื้อก่อนก็ได้ใช้ก่อน ของใหม่ออกก็เป็นทิศทางที่ดีจะได้กระตุ้นตลาดไอทีบ้านเราด้วยครับผม
สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย :
เขียนโดย
sp
ที่
23:27