อภิสิทธิ์
ลางบอกเหตุมาก่อนเลย
ตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 10 เมษายน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบนำหมายจับแกนนำบุกเข้าไปกลางวงผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงที่เวทีราชประสงค์ เกิดเหตุชุลมุนทำให้พระพุทธรูปสีแดงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพ นปช.
หล่นลงมาแตก หักออกเป็น 2 ท่อน
ตามปรากฏการณ์ไม่ใช่ฤกษ์ดีแน่นอน
แล้วก็ดังคาด "นาทีเลือดเดือด" บ่ายโมงกว่าๆ กองทัพเสื้อแดงที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ เคลื่อนขบวนปิดล้อมกองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำเนิน หลังแว่วข่าวทหารเตรียมเคลื่อนกำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ยึดคืนพื้นที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
จุดเริ่มการปะทะ ทหารฉีดน้ำไล่กลุ่มผู้ชุมนุม ตามด้วยการยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง เพิ่มระดับการลุยแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในอารมณ์เตลิดเปิดเปิงไม่กลัวตาย วิ่งเข้าหาทหาร
สัญญาณมัจจุราชเตือนแล้ว
และความจริงที่มีหลักฐานยืนยันได้ ในห้วงนาทีหัวเลี้ยวหัวต่อ จังหวะที่ทหารรุกคืบมาจ่อประจันหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมที่สี่แยกคอกวัว ในช่วงฟ้าใกล้มืดสลัว นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ขึ้นเวทีที่สะพานผ่านฟ้าฯ ปราศรัยดังๆ
เตือนไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้ยุติการปฏิบัติการ ไว้รอตอนรุ่งสางค่อยว่ากัน
เพราะหากมีการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีเป็นจำนวนมากในเวลามืดค่ำ โดยความสุ่มเสี่ยงจะไม่สามารถควบคุมความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
กระตุก "อภิสิทธิ์" อยู่บนทางสองแพร่งที่ยังมีโอกาสเลือก ทางหนึ่งเดินไปสู่การยุบสภา แล้วกลับมาเป็นนายกฯใหม่ หรือถึงไม่ได้ ก็ยังอยู่ในวิสัยนักการเมืองที่ต้องกลับคูหาเลือกตั้งไปหาประชาชน กับอีกทางเลือกหนึ่งเดินหน้าปราบประชาชนคนเสื้อแดง แล้วเกิดความสูญเสียเลือดเนื้อ คนชื่อ "อภิสิทธิ์" ก็จะถูกประทับตราเป็นทรราชที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
มือมวลชนคนเดือนตุลาฯ เตือนแล้ว แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากฝ่ายถืออำนาจ
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจก็เริ่มยุทธการตะลุมบอน ก่อนที่สิ้นเสียงปืน เสียงระเบิด กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ไล่นับตัวเลขจนถึงเย็นวันที่ 11 เมษายน ผู้เสียชีวิต 20 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 800 คน
กงล้อประวัติศาสตร์ไม่สามารถหนีอาถรรพณ์การเมืองไทยต้องเซ่นด้วยเลือด
ไม่ว่าจะยังไง โดยความรับผิดชอบของผู้นำประเทศที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ตัดภาพ "อภิสิทธิ์" นั่งแถลงเพียงลำพังหลังเกิดเหตุปะทะนองเลือด โดยไม่มีขุนทหารนั่งขนาบข้างแต่อย่างใด ในบทแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตพอเป็นพิธี
แล้วก็วกเข้าสไตล์เก่า "เล่าความข้างเดียว"
ต้องยอมรับว่า ความสูญเสียส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่พกพาอาวุธ และมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารที่เน้นการยิงขึ้นฟ้า และตอบโต้ในจังหวะจวนตัว
แต่ไม่พูดถึงว่า การที่ทหารพกอาวุธสงคราม ปืนเอ็ม 16 พร้อมกระสุนจริงเข้าไปในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ตามหลักสากลมีที่ไหนในโลกเขาทำกัน
เพราะมันเท่ากับว่า ตั้งท่าเตรียมเล่นของหนักกับกลุ่มผู้ชุมนุมมาตั้งแต่ต้น โดยการบัญชาการของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
และยังมีปมที่ฟันธงไม่ได้ กับระเบิดเอ็ม 79 ที่ยิงเข้าใส่กลุ่มทหาร โดยการแถลงของ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. ที่นำ ด.ต.วิชิต สันติสิทธิมนต์ทอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.6 ที่ไปแทรกซึมป้องกันเหตุในกลุ่มผู้ชุมนุม มายืนยัน เห็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งสวมเสื้อและกางเกงสีดำ คลุมไอ้โม่งบังใบหน้าเห็นแต่เพียงลูกตา ถืออาวุธปืนเอ็ม 79 แนบลำตัว พร้อมยิงเข้าไปในจุดที่มีการปะทะกัน
จึงเข้าล็อกจับกุมตัว แต่เนื่องจากคนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ ส่วนตนตัวเล็กกว่า พยายามจะกอดฟัดกับไอ้โม่ง และตะโกนให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ใกล้เคียงช่วย แต่มีเสียงระเบิดและเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ คนร้ายจึงสลัดหลุดหลบหนีไป แต่ยึดอาวุธปืนไว้ได้
ตามรูปการณ์เข้าข่ายมือที่สามป่วนสถานการณ์ มันรวบรัดเกินไปที่จะโยนให้เป็นฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมโดยปราศจากอาวุธมาตลอด 20 กว่าวัน
เอาเป็นว่า โดยปรากฏการณ์หลังนาทีแห่งความสูญเสีย กับคำถามที่เกิดขึ้น
"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก ที่ข่าววงในระบุเป็นคนทุบโต๊ะ "ทุกอย่างต้องจบ" ก่อนนาทีทหารลุยสลายกลุ่มผู้ชุมนุม
จะฝ่าอาถรรพณ์ "ไม่มีรอง ผบ.ทบ.ขึ้นเป็นจ่าฝูงกองทัพบก" ได้หรือไม่
นายกฯอภิสิทธิ์ที่ "มือเปื้อนเลือด" ซะแล้ว จะจัดการกับอนาคตอย่างไร ท่ามกลางเสียงคำรามด้วยความเคียดแค้นของกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ใช่แค่ยุบสภา ลาออกจากนายกรัฐมนตรี
แต่ต้องออกจากประเทศไทยไปเลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/76319
เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome
Download Browsing Click Here
This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome
เขียนโดย sp ที่ 13:44
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น