เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

ทำงานไม่เป็นจริงๆ

|

เมื่อวานนี้ผมเล่าเรื่อง SMART โครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซียให้ฟังไปแล้ว โครงการนี้รัฐบาลมาเลเซียลงทุนด้วยเงินก้อนเดียว แต่ได้ทั้ง อุโมงค์ผันน้ำแก้น้ำท่วม และ ทางด่วนใต้ดินสองชั้น ช่วยระบายจราจรที่แออัดในเมืองหลวง สะท้อนให้เห็นถึง วิสัยทัศน์ของผู้นำมาเลเซีย และ การคิดบวกต่อบ้านเมือง คือคิดเพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองจริงๆ

ผมพยายามค้นดูว่า นายกฯมาเลเซีย คนไหนเป็นคนทำโครงการนี้ แต่ไม่พบข้อมูลเลย แม้แต่ข้อมูลของรัฐก็บอกแต่เพียงว่า เป็นโครงการของรัฐบาล เป็นการร่วมลงทุนระหว่าง กรมทางหลวง กับ กรมชลประทาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ไม่มีการยกยอปอปั้น ไม่มีการสร้างภาพเพื่อเอาหน้าแบบนัก การเมืองไทย เพราะนี่คือ หน้าที่ของรัฐบาล และ เงินภาษีของประชาชน

ไป ดูโครงการการแก้ปัญหาน้ำท่วมของมาเลเซียเป็นตัวอย่างแล้ว ย้อนกลับมาดู การแก้ปัญหาน้ำท่วมของไทย กันบ้าง ปีนี้ต้องบอกว่าเป็นปีที่ น้ำท่วมสาหัสที่สุด ท่วมทุกภาคตั้งแต่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ยัน ภาคใต้ เพราะฝนฟ้าวิปริต

แม้ฝนฟ้าจะวิปริตก็จริง แต่เมื่อไปดู การวางแผนป้องกันและรับมือกับภัยน้ำท่วม หลังจากที่มีคำเตือนจาก กรมอุตุนิยมวิทยา หลายครั้งแล้ว ต้องบอกว่า ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง รัฐบาลแทบจะไม่ได้เตรียมการป้องกันรับมืออะไรเลย โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่า กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ รวมทั้ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่ไม่เห็นมีมาตรการป้องกันและการบรรเทาอะไรออกมาเลย

นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เองก็ ทำงานไม่เป็น ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเป็น "ผู้นำ" ในการแก้ปัญหายามวิกฤติ ต้องเป็นแม่ทัพนั่งหัวโต๊ะสั่งการไล่จี้รัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด แต่กลับไปทำตาม กุนซือสมองนิ่ม นั่งเรือไปเยี่ยมชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมถึงเอวจนถูกด่าค่อยลงไปลุยน้ำพอเป็น พิธี แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

ที่น่าเกลียดที่สุดก็คือ การเกณฑ์ชาวบ้านลุยน้ำเอาดอกกุหลาบไปมอบให้นายกฯอภิสิทธิ์ ถามจริงๆเถอะ ประชาชนเดือดร้อนจากน้ำท่วมสาหัสกันทุกครัวเรือน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีข้าวกิน จะมีใครบ้าดั้นด้นไปหาซื้อดอกกุหลาบ ซึ่งมีขายแต่ในเมืองใหญ่ เพื่อไปมอบให้นายกฯที่ไปตรวจน้ำท่วม แค่คิดก็เพี้ยนแล้ว กุนซือคนไหนแนะนำ ผมอยากให้ นายกฯอภิสิทธิ์ ไปเขกกบาลมันสักสามโป๊ก

เมื่อวานนี้ หน้าเศรษฐกิจไทยรัฐ ไปสัมภาษณ์ คุณธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีเกษตรฯ ที่รับผิดชอบเรื่องน้ำโดยเฉพาะ ท่านกลับโบ้ยว่า เป็นเพราะแผนการจัดการน้ำถูกดอง โดยเฉพาะลุ่มแม่น้ำชี เช่น เขื่อนชีบน เขื่อนยางนาดี เขื่อนโป่งขุนเพชร เขื่อนวังสะพุง สร้างไม่ได้ น้ำก็เลยท่วม

ก็ จริงอยู่แผนการจัดการน้ำเดิมอาจจะถูกดอง แต่เมื่อ คุณธีระ ได้เป็น รัฐมนตรีเกษตรฯ มาเกือบสองปีแล้ว ท่านมีอำนาจเต็มๆที่จะทำต่อได้ ทำไมจึงไม่ทำ พอถูกถามก็โยนความผิดไปที่โครงการเหล่านี้ ทั้งๆที่ คนผิดคือตัวรัฐมนตรีธีระ นั่นแหละ

ยิ่งฟัง รศ.ดร.เจษฎา แก้วกัลยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ พูดก็ยิ่งชัดเจน สมัยน้ำท่วมปี 2549 รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ สั่งให้ศึกษาแผนบริหารจัดการน้ำ ซึ่งแผนพัฒนาชลประทานฉบับนั้น มีรายละเอียดแยกเป็นจังหวัดเป็นรายพื้นที่ เพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ 60 ล้านไร่ แต่ไม่ได้ทำ

เมื่อ คุณธีระ มาเป็น รัฐมนตรีเกษตรฯ แล้ว ทำไมจึงไม่นำมาทำต่อ แผนก็มีอยู่แล้ว ช่วยตอบหน่อยเถอะ แล้วนำมาอ้างตอนนี้ทำไม

การ เลือกตั้งกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ผมหวังว่าเวลาที่เหลือ นายกฯอภิสิทธิ์ จะสามารถสร้าง "ผลงาน" ที่เป็นรูปธรรม เพื่อเรียกคะแนนที่เสียไปให้กลับคืนมา ไม่งั้นก็ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน การเอาเงินภาษี 5 หมื่นล้านไปแจกน้ำท่วม ซื้อใจไม่ได้หรอก วันนี้คนไทยเริ่มเข้าใจแล้ว "ผลงาน" คืออะไร.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/123403

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

"ทักษิณ" นั้นเคยโชว์ภาวะ "ผู้นำ" ในคนไทยได้ประจักษ์มาแล้วหลายครั้ง ทั้งเรื่องการนำคนไทยกลับจากกัมพูชาหลังสถานทูตไทยโดนเผา การแก้ปัญหาโรคซาร์ส ไข้หวัดนก

"สึนามิ" ถล่มใส่ 6 จังหวัดภาคใต้

คลื่นยักษ์ถล่มใส่ชายฝั่งทะเลอันดามันวันที่ 26 ธันวาคม 2547

เพียงแค่วันเดียว "ทักษิณ" ไปลุยโคลนในพื้นที่แล้ว

จากนั้นก็สั่งการให้ทุกฝ่ายช่วยเหลือ มีการกำหนดพื้นที่ชัดเจนให้รัฐมนตรี 1 คนลงไปควบคุมดูแล

การจัดการปัญหาครั้งนั้นของ "ทักษิณ" ได้รับคำชมเชยจากต่างชาติโดยเฉพาะประเทศที่มีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้

และส่งผลให้คะแนนนิยมในประเทศของ "ทักษิณ" พุ่งกระฉูด

"ทักษิณ" สามารถแปร "วิกฤติ" ให้เป็น "โอกาส" ทางการเมือง ด้วยการแสดงภาวะ "ผู้นำ" ในการบริหารจัดการ

แต่ "อภิสิทธิ์" กลับทำไม่สำเร็จ

วิกฤติจากน้ำท่วมใหญ่นอกจากสร้างความเสียหายให้กับประชาชนกว่า 3 ล้านคนแล้ว

ยังพัดถล่มใส่ "อภิสิทธิ์" อีกด้วย

ประโยคที่ "อภิสิทธิ์" เคยเผชิญเมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีช่วงต้นๆ ได้กลับมาอีกครั้ง

นั่นคือ คำว่า "ถ้าเป็นทักษิณนะ..."

ประโยคนี้หายไปจากสังคมไทยนานพอสมควรตามกาลเวลา

แต่วันนี้คำพูดดังกล่าวเรื่องกลับมาอีกครั้ง

คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจการทำงานที่ล่าช้าของรัฐบาล เริ่มมีประโยคนี้ติดตาม

"ถ้าเป็นทักษิณนะ..."

วิกฤติครั้งนี้ได้ทำให้กระแสโหยหา "ทักษิณ" ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องการมากที่สุดกลับคืนมาอีกครั้ง

และจะชัดเจนยิ่งขึ้นหลัง "น้ำลด"

นี่คือ "อาฟเตอร์ช็อก" ทางการเมืองของ "อภิสิทธิ์"

หลังวิกฤติ "น้ำท่วมใหญ่" ครั้งนี้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

"อภิสิทธิ์" ไม่เข้าใจถึงภาวะ "ผู้นำ" ในภาวะวิกฤติ เพราะการดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามปกติ





ประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับ "อภิสิทธิ์" ก็คือเรื่อง "ฝีมือ" การบริหารงานในยามวิกฤติ


คนจำนวนไม่น้อยเริ่มเทียบเคียงภาวะ "ผู้นำ" และฝีมือการบริหารงานในสถานการณ์วิกฤติระหว่าง "อภิสิทธิ์" กับ "ทักษิณ ชินวัตร"

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP