นายกรัฐมนตรีโดนกระถางดอกไม้ขวางไม่ได้ทัก"ฮุนเซน"ยันทะเลาะเขมรไม่กระทบอาเซียน แจงโละข้อตกลงกลัว"ทักษิณ"คลายความลับชาติ"กษิต"กระหยิ่มหวัง"ฮุนเซน"รู้สำนึก....
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 6 พ.ย.52 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์จากประเทศญี่ปุ่นถึงกรณีที่สิงคโปร์ ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชาที่ จะมีผลกระทบต่ออาเซียนว่า คงไม่กระทบ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรืองทวิภาคีที่ต้องแก้ปัญหาในกรอบทวิภาคี และวันนี้กระทรวงการต่างประเทศมีมาตรการออกมามากขึ้น ซึ่งสิ่งที่วางเป็นแนวทางหลักคือ ไม่ต้องการให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ระหว่างประชาชน และหลีกเลี่ยงไม่ให้มีความเดือดร้อนกับคนไทยอย่างถึงที่สุด ส่วนกระทรวงต่างประเทศก็ดำเนินการโดยมุ่งเน้นการแสดงออกทางการทูต และทบทวนข้อตกลงใดๆที่เกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้น ในแง่สถานะของอดีตนายกฯ เนื่องจากว่า คนที่เคยอยู่ฝ่ายไทยปัจจุบันไปอยู่ฝ่ายกัมพูชาเสียแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่านายกฯห่วงว่า การไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะกระทบความมั่นคงของชาติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมีบางเรื่องที่เป็นกรอบการเจรจาที่เริ่มต้นสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ดังนั้นจะทราบในเรื่องของจุดยืน ที่มาข้อมูลของไทย แต่ปัจจุบันกลายเป็นที่ปรึกษาของฝ่ายกัมพูชา ดังนั้นจำเป็นต้องมีการทบทวน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ จะพิจารณาอย่างรอบคอบ และประชาชนคนไทยส่วนหนึ่งก็ไม่สบายใจในข้อตกลงที่ผ่านมา อย่างข้อตกลงไทย-กัมพูชาที่จะมีการเสนอเข้าพิจารณาในรัฐสภาวันที่ 9 พ.ย.นี้ ก็ถือว่า ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนกว่าข้อตกลงระหว่างประเทศในเรื่องอื่น คิดว่าขณะนี้ได้แสดงออกทางการทูต ที่เรามีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย ประเทศไทยและสถาบันหลักในเรื่องกระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามว่า ในช่วงร่วมรับประทานอาหารค่ำ นายกฯนั่งร่วมโต๊ะกับสมเด็จฮุน เซน ได้มีการ ทักทายกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บังเอิญนั่งไกลกัน และมีแจกันดอกไม้ขวางอยู่
ด้าน นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การที่ประเทศกัมพูชาได้แต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจมีผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นไปในการเมืองไทย ต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกัมพูชา ซึ่งก็ได้แสดงออกไป 2 เรื่อง ว่า ไม่พอใจกับพฤติกรรมนี้ ภาระก็ตกอยู่กับฝ่ายกัมพูชาที่ต้องพิจารณาให้ดีว่าจะต้องทำอะไรต่อไป แนวทางการตอบโต้ทางการทูตเป็นแนวทางที่ต้องถูกต้อง
เมื่อถามว่า หากกัมพูชายกเลิกการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ทางการไทยจะยกเลิกมาตราในการตอบโต้ด้วยหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ต้องดูความสัมพันธ์อื่นๆด้วย ไม่ใช่แค่เลิกอย่างเดียว ความเข้าอกเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นไป อย่าลืมว่าที่สมเด็นฮุน เซน ได้พูดในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ได้มีคำถามและความสงสัยหรือไม่เห็นด้วยต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทั้งชาติและรัฐบาลรับไม่ได้ ที่จะมามีข้อสงสัยหรือดูหมิ่นดูแคลนเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริต ความเที่ยงตรงของกระบวนการยุติธรรมของไทย.
สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย :
http://www.thairath.co.th/content/pol/45069
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น