เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

เณรแอ

|

เณรแอ

ในวงการ ไสยศาสตร์ ของประเทศไทย ไม่มีใครไม่รู้จัก "เณรแอ" หรือ นายหาญ รักษาจิตร์ เจ้าของต้นตำรับ "กุมารทอง" ของขลัง รวมทั้ง มนต์ดำ เสน่ห์ยาแฝด ที่ชื่อดังที่สุดแห่งยุค

"เณรแอ" บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดหนองระกำ อ.หนองโดน จ.สระบุรี อยู่หลายปี แม้ว่าอายุจะถึงวัยที่ต้องอุปสมบทเป็นพระภิกษุ "เณรแอ" ก็ไม่ยอมอุปสมบทเป็นพระภิกษุ แต่เลือกที่จะร่ำเรียน ไสยศาสตร์ มนต์ดำ จาก อาจารย์เขมร จนว่ากันว่ามีอาคมแก่กล้า ช่ำชองการ ทำเสน่ห์ยาแฝด การสะเดาะเคราะห์ และ ปลุกเสกของขลัง จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว แต่ละวันมีลูกศิษย์ลูกหาเดินทางไปให้ "เณรแอ" ทำ พิธีทางไสยศาสตร์ ให้จำนวนมาก

กระทั่งปี 2537 "เณรแอ" ใช้ใต้ถุนเมรุวัดหนองระกำทำพิธีปลุกเสก กุมารทอง ของขลังตามท้องเรื่องในวรรณคดีดัง "ขุนช้างขุนแผน" ที่ "เณรแอ" และผู้คลั่งไคล้ไสยศาสตร์ เชื่อกันว่า เป็น ผีเด็ก ที่ใครมีไว้ในครอบครองแล้วจะทำให้เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน การค้าการขายได้กำไรดี

ทั้งนี้ ในวรรณคดี "ขุนช้างขุนแผน" ระบุไว้ว่า กุมารทอง คือ ผีเด็ก เป็นลูกของ ขุนแผน กับ นางบัวคลี่ ซึ่ง นางบัวคลี่ คิดไม่ซื่อ แอบวางยาพิษ ขุนแผนโกรธจึงฉวยโอกาสที่นางบัวคลี่หลับผ่าท้องควักเอาเด็กออกมาย่างไฟจนแห้งสนิท แล้วปลุกเสกด้วยคาถาอาคม เป็นของขลังที่ติดตามขุนแผนไปทุกหนทุกแห่ง คอยช่วยเหลือขุนแผนให้ปลอดภัยจากศัตรู

"เณรแอ" อาศัยความเชื่อใน ไสยศาสตร์ ที่มีอยู่ดั้งเดิมของคนไทยมาเชื่อมโยงกับเรื่องราวในวรรณคดีขุนช้างขุนแผนที่คุ้นเคยกันดีในหมู่คนไทย ทำให้มีคนเชื่อถือคลั่งไคล้ในตัว "เณรแอ" และต่างยกให้เป็น "จอมขมังเวท" ไปในที่สุด

แต่พิธีกรรมปลุกเสก "กุมารทอง" ในครั้งนั้น ทำให้จอมขมังเวทผู้นี้ต้องติดคุกติดตะรางอยู่ 1 ปีเต็ม เนื่องจากในพิธีปลุกเสก "กุมารทอง" ครั้งนั้น มีการบันทึกภาพวิดีโอขั้นตอนการปลุกเสกไว้อย่างละเอียดยิบ โดยเฉพาะขั้นตอนการย่างศพเด็ก และมีการนำวิดีโอเทปไปเผยแพร่ในสื่อมวลชนต่างๆ จนเป็นข่าวครึกโครม

หลังจากนั้นไม่นาน กรมการศาสนาได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองโดน ให้ดำเนินคดี "เณรแอ" ในข้อหาอุตริมนุษยธรรมที่ไม่มีตัวตน ซึ่งศาลจังหวัดสระบุรีได้พิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี

แต่เรื่องราวของ "เณรแอ" ไม่ได้จางหายไปจากสังคมไทย เพราะหลังจากนั้นไม่นานผู้สร้างภาพยนตร์นำเรื่องราวของจอมขมังเวทผู้นี้ ไปถ่ายทำภาพยนตร์ให้ชื่อว่า "เณรแอจอมขมังเวทย์" ทำให้ชื่อเสียงของเณรแอเป็นที่จดจำของคนไทยทั้งประเทศจนถึงบัดนี้

หลังจากพ้นโทษ แม้ว่า "เณรแอ" จะไม่ได้ถือครองผ้าเหลือง แต่เขาก็ไม่ได้ห่างหายไปจากแวดวงไสยศาสตร์ เขาได้ใช้บ้านพักทรงไทย ปลูกสร้างอยู่ในเนื้อที่ 5 ไร่ เลขที่ 18 หมู่ 6 ต.หนองโดน อ.หนองโดน จ.สระบุรี เป็นสถานที่ทำ เสน่ห์ยาแฝด ให้แก่ผู้ที่ศรัทธา จนกลายเป็นคนมีฐานะ มีทรัพย์สินอยู่ในความครอบครองหลายสิบล้านบาท

เมื่อปี 2538 "เณรแอ" ได้แต่งงานกับ นางชไมพร รักษาจิตร์ โดยยังคงยึดอาชีพ หมอเสน่ห์ ทำมาหาเลี้ยงครอบครัว แต่ก็ต้องเลิกรากันไป โดยนางชไมพรอ้างว่าทนพฤติการณ์ของ "เณรแอ" ไม่ไหว กรณีบังคับให้หลอกลวงหญิงสาวที่มีปัญหาครอบครัวให้มาทำพิธีไสยศาสตร์ และได้ฟ้องหย่าต่อศาล

ต่อมาเมื่อปี 2548 นางชไมพรเข้าร้องเรียนต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวหา "เณรแอ" ว่าเป็นจอมลวงโลก มีพฤติการณ์ต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชน อ้างพิธีทางไสยศาสตร์หลอกข่มขืนหญิงสาวที่หลงเชื่อ แถมยัง แอบถ่ายวิดีโอ ไว้ แบล็กเมล์เหยื่อ

หลังรับเรื่องร้องเรียน นางปวีณาได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบก.ปดส.(ตำแหน่งในขณะนั้น) ให้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี "เณรแอ" ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน จนทำให้ "เณรแอ" ต้องระเห็จเข้าคุกอีกครั้ง

ระหว่างการเข้าตรวจค้นบ้านพักของเณรแอ เมื่อเช้ามืดวันที่ 10 กรกฎาคม 2548 ตำรวจพบ "เณรแอ" นอนอยู่ในห้องพักกับหญิงสาววัย 19 ปี รายหนึ่ง โดยหญิงสาวรายนี้ยอมรับกับตำรวจว่า เดินทางมาพบ "เณรแอ" เพื่อให้ทำเสน่ห์ยาแฝดให้ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าพิธี จึงต้องยอมร่วมหลับนอนกับ "เณรแอ" แทน

การค้นบ้านพักของ "เณรแอ" ในวันนั้น นอกจากหญิงสาวแล้ว ยังพบเครื่องรางของขลังและอุปกรณ์การทำพิธีไสยศาสตร์อยู่เต็มบ้าน ทั้งพระพุทธรูป รูปปั้นกุมารทอง หัวกะโหลกลงอักขระหลายขนาด ตะกรุด ปลัดขิก ขวดน้ำมันพราย หุ่นขี้ผึ้งปั้นหญิง-ชายกอดกันและมัดติดกัน

อย่างไรก็ตาม ของกลางที่พบไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบได้ในบ้านพักของจอมขมังเวทรายนี้ แต่ที่ทำให้ตำรวจแปลกใจคือ มี ยาทน ยาไวอากร้า และยากล่อมประสาท ซุกซ่อนอยู่ใต้ฐานพระภายในห้องทำพิธีของ "เณรแอ" ด้วย

"เณรแอ" ถูกควบคุมตัวมาสอบสวนที่ บก.ปดส. ซึ่งเขายืนกรานปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยเฉพาะในประเด็นการข่มขืนหญิงสาว ที่มาพบเขาเพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ โดยอ้างว่าหญิงสาวยินยอมมีเพศสัมพันธ์กับเขาเอง ต่อมาพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเณรแอ ต่อศาลอาญา รัชดาฯ เอาผิดเณรแอฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งศาลได้พิพากษาให้จำคุก "เณรแอ" เป็นเวลา 100 ปี แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้เหลือจำคุก 75 ปี อย่างไรก็ตาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไว้สูงสุดที่ 20 ปี และให้ริบของกลางที่ใช้ประกอบพิธีกรรมและชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทุกราย

จากการสืบสวนของตำรวจ ปดส.ในครั้งนั้น พบว่ามีหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อของ "เณรแอ" ทั้งสิ้น 33 คน ในจำนวนนั้นมีดารา นักแสดง และผู้ที่มีชื่อเสียงในสังคม หลายรายรวมอยู่ด้วย ซึ่งนั้นเป็นเพราะ "จอมขมังเวท" รายนี้มีการโฆษณาชวนเชื่อในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ในทำนองว่า เป็นจอมขมังเวท เป็นหมอผี มีเวทมนตร์คาถาไสยศาสตร์ ทำเสน่ห์ ลงนะหน้าทอง ให้เกิดพลังเมตตามหานิยม ทำให้คนรักคนหลง ค้าขายดี

ข้อความโฆษณาเหล่านี้ เป็นตัวจุดชนวนอย่างดีให้แก่บุคคลที่มีปัญหาในชีวิตหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อในที่สุด

ปัจจุบันเณรแอยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงทำให้เรือนไทย เลขที่ 18 หมู่ 6 ต.หนองโดน ที่เคยคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เดินทางไปให้ จอมขมังเวท รายนี้ ทำพิธีทางไสยศาสตร์ให้เงียบเหงา

แต่แม้ว่า "เณรแอ" จะถูกขังอยู่ในคุก แต่ชื่อเสียงก็ยังไม่ได้สูญหายไปจากสังคม และก่อนจะถูกนำเข้าห้องขัง "เณรแอ" เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้ว่า การถูกจับกุมดำเนินคดีจะยิ่งทำให้เขาโด่งดัง และเมื่อพ้นโทษจะมีคนเดินทางมาหาเขาอีกจำนวนมาก

การให้สัมภาษณ์ของ "เณรแอ" ในครั้งนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ คงต้องรอพิสูจน์กันอีก 10 กว่าปีข้างหน้า

"เณรแอ" ข้อมูลจากคมชัดลึก วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เณรแอ

0 ความคิดเห็น:

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP