เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

ป๋าเปิดอก คุมผีนาน จนกลัวที่จะเลิก

|

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยความรู้สึกหลังการคุมทีม "ปีศาจแดง" มา 23 ปีคือ หากวางมือเมื่อไหร่ ระบบการทำงานอาจพังครืน ยืนยัน ณ ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับรีไทร์ตัวเอง และกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้าน




เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดผู้จัดการทีมชาวสกอตต์ของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้วางแผนเกี่ยวกับการวางมือจากงานคุมทีม นับตั้งแต่เคยหลุดปากว่าจะเลิกคุมทีมตอนจบฤดูกาล 2001-02 ยอมรับความรู้สึกตอนนี้คือ เหมือนตัวเองคลุกคลีกับเกมมานาน จนกลัวว่า หากอำลาวงการเมื่อไหร่ ระบบการทำงานของเขาอาจล้มเหลวทันทีก็ได้




"ก็อดฟาเธอร์ แห่ง พรีเมียร์ลีก" อายุอานามปาเข้าไป 68 ปี แต่ว่ายังคงมีความกระหายเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม และยังไม่รู้เลยว่าจะเลิกทำงานตอนไหน แม้ที่ผ่านมาจะมีข่าวลือว่า เขาจะวางมือในปี 2011 ก็ตาม โดย เฟอร์กูสัน ให้สัมภาษณ์ละเอียดยิบกับหนังสือพิมพ์ "เล กิ๊ป" ของ ฝรั่งเศส ถึงเรื่องราวต่างๆ ตลอดเส้นทางการทำงานของเขากับทีม "ปีศาจแดง" กว่า 23 ปี




"ตอนอายุ 60 ปี ผมตั้งคำถามกับตัวเอง และผมเกือบจะลาออกไปแล้ว แต่ผมตระหนักอย่างรวดเร็ว ร่วมกับครอบครัวของผม ว่า มันคือความผิดพลาด วันนี้ผมกลัวมากกับความคิดเรื่องการวางมือ ผมอยู่บนรถไฟขบวนนี้มานาน จนเมื่อผมจะลง ผมกลัวว่าระบบของผมมันจะล้มเหลว และผมตัดสินใจว่าจะไม่ถามคำถามนี้กับตัวเองอีก มีปัจจัยอยู่ 3 ข้อที่จะทำให้ผมเลิก ข้อแรกคือ สุขภาพ ข้อสองคือ เมื่อผมไม่มีความสุขแล้ว และข้อสามคือถ้าผมไม่เข้มแข็งพอจะสู้กับความท้าทายใหม่ๆ"




"ผมคิดถึงเรื่องพวกนี้ทุกซัมเมอร์ อันดับแรกผมจะไปหาหมอ ผมติดตั้งเครื่อง เพซเมคเกอร์ (อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจสม่ำเสมอ) ตั้งแต่ 4-5 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้ผมกับอาชีพของผมเหมือนกำลังแข่งยิงจุดโทษกันอยู่ ผมรู้ดี ที่เหลือเป็นการตัดสินใจระหว่างผมกับตัวเอง ผมไปหาหมอทุกซัมเมอร์ และเขาบอกว่า - บอส คุณอายุ 67 ปีแล้ว คุณจะปวดหลังมากขึ้น บางครั้งการตื่นเช้าๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ - นี่แหละการดวลจุดโทษ" เฟอร์กูสัน กล่าว




ตลอดหลายสิบปี เฟอร์กูสัน สร้างทีมที่เต็มไปด้วยผู้เล่นระดับดารา แต่ก็พร้อมที่จะอาบเหงื่อแทนน้ำเพื่อทีมเสมอ ซึ่ง เฟอร์กี้ อธิบายว่า "ผมชอบย้ำเตือนเรื่องรากเหง้ากับพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจะไม่มีวันลืมพื้นเพที่ พ่อแม่ หรือ ปู่ยาตายายของพวกเขาจากมา ผมอยากให้พวกเขาคิดถึงประวัติของครอบครัว ตระหนักในคุณค่าชนชั้นของพวกเขา การเป็นชนชั้นแรงงานในยุคนี้ ต้องเผชิญหน้ากับโลกแห่งเทคโนโลยี และความสะดวกสบาย ที่คุณไม่สามารถหามีได้"




"นักเตะสามารถมีทุกอย่างได้ แต่ผมทำให้มั่นใจว่า พวกเขาจะไม่ทิ้งลักษณะพื้นฐานทางสังคมที่ทุกๆ คนมีร่วมกัน และนั่นเริ่มต้นด้วยการทำงานหนัก ผมพยายามเข้าถึงจิตใจของนักเตะ ผมบอกพวกเขาว่า ไม่มีใครหอบถ้วยแชมป์มาประเคนให้คุณถึงหน้าบ้านหรอก มันมาจากการทำงาน และความกลมเกลียว แน่นอนว่า คุณต้องการเทคนิค, การทำงาน และทีมสปิริต แต่คุณยังจะต้องมีสิ่งที่เรียกว่าการเสียสละด้วย ไบรอัน ร็อบสัน คือตัวอย่างที่เพอร์เฟค และสมบูรณ์แบบ เพื่อชนะคุณต้องมีนักเตะ 8 คน ที่คุมจังหวะ และมีสปิริต แล้วพวกเขาจะช่วยแบกเพื่อนอีก 3 คน ถ้าน้อยกว่า 8 ก็จะยากหน่อย"




"ผมอยากเห็นตัวตนของผมอยู่ในตัวนักเตะของผม ผู้จัดการทีมทุกคนอยากเห็นแบบนั้น เชื่อผมเถอะ สมัยอยู่ อเบอร์ดีน พวกนักเตะจะดูเหมือนผมมาก ที่นี่ก็มี และ ไบรอัน ร็อบสัน เหมือนผมที่สุด เขาคือผู้จัดการทีมในสนาม เขาล้ำเลิศ มันเยี่ยมมากที่ในเกมที่ดุเดือด บรรยากาศร้อนแรง แต่นักเตะยังคงเล่นตามแท็กติกของผม ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมผมถึงหมั่นดึงผู้เล่นดาวรุ่งมาร่วมทีม และไม่เพิกเฉยต่อผู้เล่นท้องถิ่น พวกเขาจึงสามารถเข้าใจความเป็น ยูไนเต็ด ได้นั่นเอง"




"ผมชื่นชอบนักเตะที่สามารถมีวันที่เลวร้าย แต่ทำงานยังกับคนบ้า มากกว่านักเตะที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิด ผมจะให้ความสำคัญกับนักเตะแบบแรก เพื่อให้พวกเขาพัฒนาตัวเอง เพราะผมรู้ว่าพวกเขาจะพยายาม และพยายาม รอย คีน ก็เป็นนักเตะแบบนั้น เขาไม่ได้มีขีดความสามารถลำเลิศ แต่เขากลายเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริงได้ เขาพรากชีวิตออกมาจากคู่แข่ง เขายกระดับเกมตัวเองขึ้นไป"




"คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง เขามีพรสวรรค์ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ผมเชื่อว่าเขามีจิตใจที่เข้มแข็ง ภายในระยะเวลา 3-4 ปี เขากลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกได้ ความสำเร็จของพวกเขาคือความสำเร็จของสโมสร ที่มอบค่านิยมที่ถูกต้องแก่พวกเขา" เฟอร์กี้ กล่าว




ในทีม "ปีศาจแดง" ชุปัจจุบันยังมีผู้เล่นตัวเก๋าอีก 3 คนคือ ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์ และ แกรี่ เนวิลล์ โดยทั้ง 3 คนได้สัญญาใหม่คนละ 1 ปีเรียบร้อย ซึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ กล่าวว่า "บทบาทของพวกเขาภายในห้องแต่งตัวมีความสำคัญพอๆ กับผม พวกเขารู้ทุกอย่าง นักเตะที่ย้ายมารู้ว่า เขาจะต้องแข่งขันเพื่อประสบความสำเร็จที่นี่"




ผู้เล่นที่ย้ายมาใหม่คนหนึ่งคือ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ โดย เฟอร์กี้ อธิบายเหตุผลของการที่ เบอร์าตอฟ คือหัวหอกตัวเลือกแรกว่า "รูนี่ย์, เตเวซ และ โรนัลโด้ ยังมีช่องว่างสำหรับการพัฒนาตัวเอง แต่สำหรับผม นักเตะสมบูรณ์ที่สุดตอนอายุ 26-27 ปี นั่นคือช่วงอายุของ เบอร์บาตอฟ เขาเป็นตัวเชื่อมระหว่างนักเตะดาวรุ่งกับนักเตะอาวุโส"




เฟอร์กูสัน ชอบการต่อสู้เสมอ และการสู้กับ เรอัล มาดริด ในการรั้งตัว โรนัลโด้ เอาไว้ คือหนึ่งในการชิงชัยที่ดีที่สุดครั้งหนึ่ง "ข้อแรก คุณจะต้องรับฟังความตั้งใจของนักเตะ ถ้ามีสโมสร 2 สโมสรยื่นข้อเสนอ 100 ล้านปอนด์ (ราว 5 พันล้านบาท) ขอซื้อ คริสเตียโน่ และ เขาอยากย้ายไป มาดริด คุณคิดว่าผมจะให้เขาย้ายไปเล่นกับอีกทีมมั้ย ? คุณคิดว่าผมจะขัดขวางความต้องการของเขามั้ย ?"




"ทั้งหมดที่ผมทำคือ ให้คำแนะนำแก่เขา แต่ทั้งหมดมันจะเป็นเหตุเป็นผลก็ต่อเมื่อเราพร้อมจะขาย คริสเตียโน่ ในค่าตัว 100 ล้านปอนด์เท่านั้น เราเคยขายนักเตะให้ มาดริด แล้ว ทั้ง ไฮน์เซ่, เบ็คแฮม และ ฟาน นิสเตลรอย เราขายพวกเขา เพราะเราอยากขาย เราไม่ขาย คริสเตียโน่ เพราะเราไม่อยากขาย มันเป็นคำถามทางธุรกิจ ไม่ใช่หลักจรรยา ผมไม่ปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวมามีอิทธิลต่อการตัดสินใจของผมหรอก" ท่านเซอร์ กล่าว




หนึ่งในการตัดสินใจที่ประสบความสำเร็จของ เฟอร์กี้ คือ การซื้อ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ มาจาก ฟูแล่ม เมื่อ 4 ปีก่อน "ปลายเดือน ม.ค. มีบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจเกิดขึ้นกับ ฟาน เดอร์ ซาร์ ตอนที่เขาทำลายสถิติของผู้รักษาประตู เขาอยากได้บอลในเกมวันนั้น และเขาตื่นเต้นมากตอนอยู่ในห้องแต่งตัว เขาหอมแก้มเพื่อนร่วมทีมทุกคน"




"ในวัย 38 ปี ความสำเร็จอย่างนี้มีความหมายกับเขามากๆ และมันก็ทำให้ผมพลอยภูมิใจไปด้วย เพราะมันหมายความว่า บางทีผมอาจจะได้ทำอะไรสักอย่างแก่ลูกทีมของผม ผมเหมือนคนที่คอยปกปักรักษา ตลอด 23 ปีมานี้ ผมยึดความสมบูรณ์แบบเป็นหลักประจำใจมาตลอด" ท่านเซอร์ กล่าวในที่สุด
ข่าวจาก siamsport.co.th

0 ความคิดเห็น:

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP