เพื่อการแสดงผลหน้าเว็ป SPVARIETY ที่ถูกต้องท่านควรใช้ IE8 Firefox & Google Chrome

Download Browsing Click Here

This page is optimized for IE8 Firefox & Google Chrome

เกาะติดชีวิต ยายทอง นักสู้ชีวิต ขายเศษไม้มัดละบาท

|

เกาะติดชีวิต ยายทอง นักสู้ชีวิต ขายเศษไม้มัดละบาท

























"สับเศษไม้ขายมัดละบาท" ยาย 85 ป่วยหนักสู้ชีวิตลำพัง (คมชัดลึก)


เปิดชีวิต "ยายทองโคราช" หญิงชราวัย 85 ปี คนสู้ชีวิต ขายเศษไม้ก่อไฟมัดละบาทหาเลี้ยงชีพ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมชัดเกิดป่วยหนัก ตาเป็นต้อกระจกเริ่มมองไม่เห็น หูตึงไม่ได้ยิน คนใจบุญพาส่งหมอผ่าต้อกระจกให้ อาการดีขึ้นกลับพักฟื้นที่บ้าน ยังต้องฝืนลุกนั่งผ่าไม้มัดไว้เตรียมไปขายที่มุมตึกข้างถนน เผยชีวิตรันทดไม่มีญาติลูกหลานทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนหายเกลี้ยง หมดโอกาสรับสิทธิสงเคราะห์ทุกอย่าง ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ

ชีวิตรันทดของคุณยายวัย 85 ปีรายนี้ ที่ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า หรือแม้แต่สารถีสามล้อก็คุ้นชินตากับภาพของ "ยายขายฟืน" หรือ "ยายขายเศษไม้ก่อไฟมัดละบาท" หญิงชราที่นั่งกับพื้น หน้าร้านทองวัชร หัวมุมตลาดกิมเฮง ริมถนนราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ด้านหน้าปูผ้าพลาสติกหรือกระดาษวางขายเศษไม้ที่มัดด้วยหนังยางเป็นกำ กำละ 1 บาท เพื่อหาเลี้ยงชีวิตไปวันๆ

แม้ว่าอากาศจะร้อน หนาวหรือฝนตก หากฝืนสังขารมาได้ หญิงชราผู้นี้ก็จะมานั่งขายเศษไม้ที่ดูเหมือนไม่มีค่าอะไร แต่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของยายในตอนนี้ เพราะนั่นหมายถึงค่าอาหาร น้ำดื่ม และค่ารถที่ต้องจ่ายในแต่ละวัน แต่ระยะหลายวันมานี้ กลับไม่มีใครพบเห็นหญิงชราขายเศษไม้หัวมุมตลาด จนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า "ยายหายไปไหน" ผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ได้ไปสอบถามสารถีสามล้อที่บริเวณนั้น ได้รับคำตอบว่า "ไม่เห็นมาหลายวันแล้ว" สอบถามต่อจนรู้ว่ายายอาศัยอยู่ที่ชุมชนหนองโสน ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ยายมานั่งขายเศษไม้ประมาณ 5 กิโลเมตร

เมื่อไปถึงชุมชนหนองโสน สอบถามชาวบ้านถึงยายขายเศษไม้ ชาวบ้านต่างรู้จักกันดี และพาไปที่บ้านเลขที่ 342 ในชุมชนหนองโสน พบ คุณยายทอง หรือ น.ส.ทอง ขอปล้องกลาง อายุ 85 ปี สวมเสื้อคอกระเช้าสีแดง นุ่งผ้าถุงกลางเก่ากลางใหม่ ที่ตาด้านซ้ายถูกปิด กำลังสาละวนกับการตัดเศษไม้มัดเป็นกำเพื่อนำไปขาย

















จากสภาพบ้านที่ดูเก่าทรุดโทรม หลังคามุงสังกะสี ฝาบ้านเป็นสังกะสีเก่าปิดทึบทั้งสี่ด้าน ไม่มีหน้าต่าง ลักษณะเป็นกระท่อมเล็กๆ ปูพื้นไม้ ภายในบ้านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใด ไม่มีแม้น้ำประปา ไฟฟ้า มีเพียงเทียนไข 1 เล่ม ตั้งอยู่เพื่อจุดให้แสงสว่างยามลุกไปเข้าห้องน้ำในช่วงค่ำคืน ถ้วยชามที่มีเศษอาหารแห้งกรัง ในหม้อไหไม่มีข้าวสารเหลืออยู่ น้ำก็มีเพียงถังเดียวเท่านั้น ส่วนที่นอนมีเพียงมุ้งสีชมพู ผ้าห่ม หมอน 1 ใบ ไม่มีแม้ที่นอนรองหลัง ข้างบ้านมีแผ่นไม้กระดานกองอยู่ประมาณ 20 แผ่น ซึ่งยายทองจะนำไม้เหล่านี้มาผ่าให้เป็นเศษไม้เอาไปมัดขาย

ยายทอง ปัจจุบันหูตึงมาก เวลาสื่อสารต้องตะโกนเสียงดังๆ และทำท่าทางประกอบจึงจะพูดกันรู้เรื่อง โดยยายทองบอกว่า ที่ไม่ได้ออกไปขายฟืนเพราะไปผ่าตัดต้อกระจกตาซ้าย ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมีผู้ใจบุญแถวบ้านพาไป และหมอให้พักฟื้นอย่างน้อย 5 วัน

ยายทอง เล่าว่า ไม่เคยแต่งงานมีครอบครัว มีเพียงลูกเลี้ยงผู้ชาย 1 คนเท่านั้น แต่ก็เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 9 เดือนก่อน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ทำงานตัดฟืนและรับจ้างทั่วไป กระทั่งเมื่อ 10 ปีก่อน อาชีพสุดท้ายคือทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา แต่เมื่อร้านอาหารที่ทำอยู่ปิดลงก็ไม่รู้จะไปทำอะไรเพราะแก่มากแล้ว และไม่มีความรู้อะไร จึงไปยึดอาชีพเก็บของเก่าขาย แต่ทำไม่นานก็เลิกเพราะร่างกายไม่แข็งแรง จากนั้นจึงหันมาเหลาเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟขายเลี้ยงปากท้องตัวเอง

แต่ละวันต้องหาเก็บเศษไม้เก่าตามสถานที่ต่างๆ นำมาผ่าเป็นไม้ชิ้นเล็ก ตัดแบ่งให้เป็นเศษไม้ขนาดความยาวประมาณ 1 คืบ ต่อ 1 ชิ้น ให้ได้ 8-10 อัน จึงมัดรวมกันเป็นมัด แล้วนำมาขายในราคามัดละ 1 บาท ซึ่งต้องทำเสี้ยนไม้ หรือเศษไม้ก่อไฟให้ได้วันละประมาณ 50-100 มัด จากนั้นนำไปวางขายริมฟุตบาท หน้าร้านทองวัชร หากขายหมดจะมีรายได้ประมาณวันละ 100 บาท แต่วันไหนมีผู้ใจบุญมาซื้อแล้วไม่เอาเงินทอน ก็ถือว่าโชคดี ส่วนค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน นอกจากมีค่าข้าวสาร อาหารและน้ำดื่มแล้ว ยังต้องจ่ายค่ารถเดินทางไปกลับในการขายเศษไม้ที่ตลาด ประมาณวันละ 40 บาทอีกด้วย

















"ยายเป็นคนไม่มีญาติพี่น้องหรือลูกหลาน จึงต้องต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง และด้วยสภาพร่างกายและอายุที่มากขึ้น ประกอบกับเพิ่งไปผ่าตัดต้อกระจกมองไม่ถนัด หูก็ดึง เลยไม่ได้ออกไปขายเศษไม้มา 3 วันแล้ว ทำให้ไม่มีรายได้ อาหารที่พอมีเหลืออยู่ก็หมดแล้ว ถ้าหมอให้ไปทำงานได้เมื่อไหร่ จะรีบออกไปขายเศษไม้หาเงินมาซื้อข้าวกิน" ยายทอง กล่าว

ยายทอง เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง ส่วนบ้านปัจจุบันก็ขออาศัยจากผู้ใจบุญอยู่ ทำให้หลักฐานเอกสารต่างๆ ทั้งบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หายไปหมด ไม่สามารถดำเนินการขอรับสิทธิประโยชน์อะไรได้เลย ทั้งการทำบัตร 30 บาท รักษาทุกโรค รวมทั้งการขอเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท ก็ขอไม่ได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานไปยื่นขอรับสิทธิประโยชน์

"ที่ผ่านมารู้สึกท้อแท้กับชีวิต แต่ก็ต้องสู้ต่อและอดทนจนกว่าจะหมดเรี่ยวแรง สิ่งที่อยากได้ตอนนี้ เป็นเพียงอาหารและน้ำประทังชีวิตเท่านั้นไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองอะไรมากมาย เพราะไม่รู้จะร่ำรวยไปทำไม ขอเพียงมีชีวิตรอดไปวันๆ ก็พอ แต่ยายยึดคติว่า ชีวิตทุกคน ถึงแม้จะยากจนหรือมั่งมีแค่ไหน ก็ต้องสู้ จะมานั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ไม่ได้" ยายทอง กล่าว





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

โดย : ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ



จากความคิดเห็นของผู้อ่านหลายๆ ท่านที่ต้องการช่วยเหลือ คุณยายทอง ขอปล้องกลาง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเลขที่บัญชีเพื่อช่วยเหลือคุณยายทอง จากคุณ chuma ในความเห็นที่ 309 และ 266 นั้น ทางทีมงานกระปุกดอทคอม ได้ติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงไปยัง สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง (วัดม่วง) เป็นที่เรียบร้อย ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้ค่ะ

1. คุณยายทอง เคยเข้ามาอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง (วัดม่วง) ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ต่อมาคุณยายทองมีความประสงค์จะขอออกมาพำนักตามลำพังข้างนอก ทางเจ้าหน้าที่ของสถานสงเคราะห์จึงผลัดเปลี่ยนออกมาดูแลคุณยายทองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (ทั้งนี้ จากการสอบถามของทีมงานทำให้ทราบว่า ตามระเบียบดูแลบุคคลชราในสถานสงเคราะห์นั้น ผู้พำนักจะต้องเข้ามาอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ด้วยสมัครใจ ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบังคับหรือนำผู้ชรามาดูแลเองได้หากไม่ได้รับความยินยอม)

2. เจ้าหน้าที่ได้ประสานความช่วยเหลือคุณยายทอง ในเรื่องการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

3. สำหรับท่านใดที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือทางด้านทุนทรัพย์ ทีมงานกระปุกดอทคอมได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเลขบัญชีธนาคารเพื่อช่วยเหลือคุณยายกับทางเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์ฯ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตรงตามรายละเอียดที่คุณ chuma ระบุมาตามความคิดเห็นข้างล่าง ทีมงานกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณ คุณ chuma มา ณ ที่นี่

ทั้งนี้ท่านใดที่ต้องช่วยเหลือคุณยายทอง สามารถโอนเงินผ่านเลขที่บัญชีชื่อ

บัญชี : สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง (วัดม่วง)
ธนาคาร : กรุงไทย สาขาถนนโพธิ์กลาง
เลขที่บัญชี : 323-6-00697-8


หมายเหตุ สำหรับท่านใดที่โอนเงินช่วยเหลือผ่านทางเลขที่บัญชีของสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง (วัดม่วง) ทางเจ้าหน้าที่ฯ ขอความกรุณาท่าน แฟกซ์หลักฐานการโอนเงินมาที่ 044 258 986 โดยระบุเพื่อช่วยเหลือคุณยายทอง ขอปล้องกลาง รวมถึงแจ้งชื่อ - นามสกุล และหมายเลขโทรศัพท์ของท่าน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการส่งมอบเงินดังกล่าวให้กับคุณยายทองได้อย่างถูกต้อง

4. ท่านใดที่ต้องการสอบถามข้อมูลของคุณยายทอง สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์โพธิ์กลาง จังหวัดนครราชสีมา
583 ถนนโพธิ์กลาง ตำบลในเมือง อำเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000
หมายเลขโทรศัพท์ (044) 242 521, (044) 244 300
(ติดต่อคุณณัชชา, คุณวณิชกร หรือเจ้าหน้าที่ท่านอื่นของสถานสงเคราะห์ได้ตลอดเวลาค่ะ)



ขอขอบคุณกระปุกดอทคอม

0 ความคิดเห็น:

search

search this site the web
search engine by freefind

ฝากไฟล์

YOUR IP