ผู้บริหารไพโอเนียร์ฯระบุ แนวโน้มราคาเครื่องเล่นบลูเรย์ดิสก์โลกตกต่ำต่อเนื่องจนมีความเป็นไปได้ว่าราคาเครื่องในประเทศไทยจะลดลงต่ำกว่า 1 หมื่นบาทใน 2 ปีข้างหน้า มั่นใจตลาดบลูเรย์ในไทยโตเท่าตัวปีนี้ เดินหมากรักษาตลาดอันดับหนึ่งด้วยการเปิดตัว 2 รุ่นใหม่รุกตลาดกลางลงมา
ซาโตรุ คุโรซากิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไพโอเนียร์ฯ อีเล็กทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเปิดตัวเครื่องเล่นแผ่นบลูเรย์ดิสก์ 2 รุ่นใหม่เมื่อวันพฤหัสฯ (13) ที่ผ่านมา ว่าไพโอเนียร์ฯวางเป้าหมายครองส่วนแบ่งตลาดเครื่องเล่นบลูเรย์ไทยให้ได้ 20% จากยอดประมาณการในปีนี้ที่เชื่อว่าจะอยู่ที่ราว 7,000 เครื่อง ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย JFK
"7,000 เครื่องนี้เติบโตจาก 3,000 เครื่องในปีที่แล้ว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 เครื่องในปีหน้า เพราะแนวโน้มในสหรัฐฯและยุโรปเติบโตมาก เชื่อว่าแนวโน้มนี้จะเข้าสู่ตลาดไทยเช่นกัน สัดส่วนที่เราเชื่อว่าจะทำได้ 20% ใน 7,000 เครื่อง อยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 เครื่อง จาก 700 เครื่องในปีที่แล้ว"
ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไพโอเนียร์ฯเปิดตัวในครั้งนี้คือ BDP-LX52 และ BDP-320 สนนราคาเริ่มต้นที่ 17,900 บาท จุดนี้คุโรซากิยอมรับว่าราคาเครื่องเล่นบลูเรย์นั้นตกต่ำต่อเนื่อง โดยระดับราคาเริ่มต้นในปีที่แล้วอยู่ที่ราคา 20,000 บาทขึ้นไป ทำให้เป็นไปได้ว่าราคาเครื่องจะลดลงเหลือระดับ 1 หมื่นบาทในช่วง 2 ปีข้างหน้า
"ไม่ใช่เฉพาะผลิตภัณฑ์ของไพโอเนียร์ฯ แต่เชื่อว่าภาพรวมทั้งตลาดก็จะราคาตกลง ปัจจัยคือแนวโน้มในต่างประเทศ ซึ่งเมื่อราคาตกลงเราก็สามารถนำเข้าได้ในราคาถูกลงด้วย กลยุทธ์การตลาดเครื่องเล่นบลูเรย์ดิสก์ในปีที่ 3 นี้ของไพโอเนียร์ฯ คือการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ การครอบคลุมตลาดให้ทั่วถึง และการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เราเพิ่มรุ่นผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบสนองความต้องการที่กว้างขึ้น 2 รุ่นที่เปิดตัวใหม่จะรุกตลาดกลางและล่าง ราคาต่ำลงก็จริงแต่ไม่ได้ลดคุณภาพและเทคโนโลยีลง"
แผ่นภาพยนตร์บลูเรย์ดิสก์ (Bluray) มีจุดเด่นที่ความคมชัดของภาพและเสียงมากกว่าดีวีดี (DVD) ประมาณ 5 เท่า ปัจจุบัน ร้านจำหน่ายแผ่นภาพยนตร์ในประเทศไทยเริ่มนำเข้าแผ่นบลูเรย์ดิสก์บางเรื่องแล้ว เฉลี่ยราคาประมาณ 1,000 บาท ต้องเล่นบนแอลซีดีทีวีราคาแพงจึงจะเห็นคุณภาพชัดเจน แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ แต่ไพโอเนียร์ฯยังเชื่อว่าทิศทางความต้องการแผ่นบลูเรย์ในประเทศไทยและในต่างประเทศจะเติบโตไปในทางเดียวกัน โดยผู้บริหารบลูเรย์ระบุว่าได้ร่วมมือกับบริษัทจำหน่ายแผ่นภาพยนตร์ ให้ดำเนินการกระตุ้นตลาดบลูเรย์ร่วมกันแล้ว
ไพโอเนียร์ฯไม่เปิดเผยงบการตลาดที่วางไว้สำหรับผลิตภัณฑ์บลูเรย์ ระบุเพียงว่าวางงบการตลาดรวมในปีนี้ไว้ที่ 100 ล้านบาท แม้จะยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว
"พิษเศรษฐกิจมีผลแน่นอน ปีที่แล้ว ตลาดตกไปช่วงกลางปี โชคดีที่ครึ่งปีแรกเราทำไว้ดี ส่วนปีนี้ ช่วงครึ่งปีแรกเราเห็นทิศทางที่ดีขึ้น มีรายได้ส่วนเครื่องเสียงรถยนต์เข้ามาช่วยด้วย เราเองอยากที่จะเน้นกลุ่มกลางถึงสูง แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจทำให้เราต้องหันมาหาตลาดกลางถึงล่างในปีนี้"
ปีที่แล้ว ไพโอเนียร์ฯระบุว่าสามารถทำยอดขายได้ 1,500 ล้านบาทในประเทศไทย คาดว่าจะสามารถทำยอดได้ตัวเลขใกล้เคียงกันในปีนี้
"เรามีแผนหยุดจำหน่ายจอพลาสมาในไทยเช่นเดียวกับต่างประเทศ เรากำลังตรึงราคา ถ้าดูจากสต๊อกสินค้าคิดว่าจะหมดภายในสิ้นปีนี้"
http://www.zabzaa.com/news/technology/view.php?id=331
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น