คอลัมน์:สรณะ-คนดัง : เด่น ดอกประดู่ เกือบตาย!...เพราะบทบู๊
เด่น ดอกประดู่ เกือบตาย!...เพราะบทบู๊
บรรพต วีระรัฐ เป็นชื่อและนามสกุลจริงของ "เด่น ดอกประดู่" ดาวตลกรุ่นเดียวกับ เด๋อ ดอกสะเดา ดู๋ ดอกกระโดน และ ดี๋ ดอกมะดัน
นอกจากนี้ ยังเป็นเจ้าของรายการ “ไม่ลองไม่รู้” ซึ่งออกอากาศนานถึง ๑๔ ปี
ก่อนจะเข้าสู่วงการบันเทิง เด่นเป็นนักเรียนโรงเรียนดุริยางค์กองทัพเรือ โดยระหว่างที่เรียนอยู่ได้เป็นไม้ดรัมเมเยอร์ ของเหล่าสามทัพอยู่ ๓ ปี สมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รวมทั้งหันมาหัดเล่นตลกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถูกทาบทามให้มาเป็นพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง "เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง"
นอกจากนี้ ยังรับบทพระเอกในภาพยนตร์ของ โรม บุนนาค อีกหลายเรื่อง ขณะเดียวกัน ได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น ร้อยป่า ลอดลายมังกร
ประสบกาณ์เฉียดตาย เด่น เล่าว่า ชีวิตที่เฉียดตายจากการถูกยิงสองครั้งแต่ไม่ตาย มีความเชื่อว่า น่าจะมาจาก พระหลวงพ่อขาว วัดบางเสาธงกลาง
เนื่องจากก่อนที่จะแสดงหนัง มีคนบอกว่า หลวงพ่อขาวท่านเก่งมาก เลยหาโอกาสไปกราบท่าน ครั้งแรกที่ไปหา ท่านให้พระพุทธรูปสมัยอู่ทองมาบูชา ครั้งที่ ๒ ท่านให้พระสมัยสุโขทัย และครั้ง ๓ ท่านให้พระสมัยเชียงแสน ครบ ๓ องค์ แล้วทำให้ได้เล่นหนังเป็นพระเอกเรื่องแรก "เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง"
จากนั้นมาจะแขวนพระหลวงพ่อขาวติดตัว ยิ่งสมัยนั้นพูดกันว่า พระหลวงพ่อขาวเน้นพุทธคุณทางด้านแคล้วคลาด คงกระพัน ส่วนตนเป็นคนชอบลอง เนื่องจากไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เหมือนกัน
ครั้งแรก ไปเล่นตลกอยู่บนเวทีพร้อมกับ โน้ต เป็ด ศราวุธ มีนักเลงตะโกนบอกว่า วันนี้มาไหว้อาจารย์ครับ พวกนี้พอเมาแล้วชอบเรียกตนว่าอาจารย์ เพราะไม่ได้เข้ามาไหว้หลายเดือน พอเล่นตลกจบเดินเข้าไปหาคนที่ตะโกนขึ้นมา
จังหวะนั้นเอง มีนักเลงอีกคนขึ้นมาล้มโต๊ะ ทุกคนต่างกรูไปอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ คนที่มาเที่ยวต่างก็ไปรวมกันอยู่ด้านขวามือกันหมด
นักเลงคนนี้ถือปืนเดินออกไปด้านหน้าประตูทางเข้าบาร์ ศราวุธเกิดความกลัวขึ้นมา แต่ตนไม่กลัว เพราะตัวใหญ่กว่าเพื่อน เลยบอกศราวุธว่า ไปกลัวทำไม ไหนเอาบุหรี่มาสูบหนึ่งมวน จริงๆ แล้วเป็นคนไม่สูบบุหรี่
ศราวุธก็ถาม ไม่เคยเห็นสูบบุหรี่ แต่ตอบกลับไปว่า ไม่รู้เหมือนกันวันนี้อยากสูบ พอหยิบบุหรี่มาสูบก็ถามต่อว่า ทำไมไม่จุดไฟให้
"ระหว่างที่ศราวุธหยิบไฟแช็กจะต่อบุหรี่ให้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังปั้ง ศราวุธกอดตัวผม แล้วรูดลงไปที่ขาผมแน่น แล้วก็สั่นใหญ่เลย ปั้งที่สองเข้าคอ คนที่ยืนอยู่ขวามือทันทีร่างก็ร่วงลงไป ส่วนศราวุธที่กำลังกอดขาผมสั่นอยู่ ก็ยังบอกเขาไปว่า กลัวเขาทำไมวะ เขายิงก็เรื่องของเขาสิ ที่ไหนได้ พอผมสลัดขาเท่านั้นเองก็เห็นกองเลือดเต็มเลย ศราวุธตายคาขาผมเลย ผมรอดตายมาครั้งนั้นต้องเป็นอิทธิฤทธิ์หลวงพ่อขาว" เด่น เล่าเหมือนเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
อดีตพระเอกเทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง กล่าวต่อว่า หลายคนชอบบอกว่า ใครมีพระหลวงพ่อขาวแล้วชอบเอาไปลองทดสอบความขลัง วัหนึ่งมีโอกาสจึงถามหลวงพ่อขาว ท่านก็ไม่พูดอะไรเพียงแค่หัวเราะ หลังจากหลวงพ่อมรณภาพลงจึงนำพระหลวงพ่อขาวเก็บบูชาไว้ เพราะกลัวนักเลงจะมาหาเรื่องอีก ประกอบเป็นคนชอบพระเครื่องที่มีพุทธคุณทางเมตตามากกว่า แล้วผ่านไประยะหนึ่งไม่รู้คิดอย่างไร จึงนำพระหลวงพ่อขาวมาแขวนติดตัวอีกครั้ง แล้วก็มีเรื่องกับนักเลงอีกแล้ว
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อไปเล่นตลกในย่านฝั่งธน ดอกไม้ป่า เทพ โพธิ์งาม เล่นอยู่บนเวที จากนั้น น้อย โพธิ์งาม ก็มายืนประกบเล่นบนเวที คนที่มาเที่ยวต่างหัวเราะกันสนุกสนาน เจ้าเทพพูดออกไมค์ว่า หัวเราะอะไรยังไม่ได้เล่นตลกกันเลย ปรากฏว่า มีกลุ่มนักเลงเขาหัวเราะไอ้ใบ้ที่อยู่บนโต๊ะ เพราะว่าไอ้ใบ้มันทำท่าบ้าๆ บอๆ ไอ้เจ้าเทพว่า มันขำอะไรกู กูยังไม่ได้เล่น ไอ้พวกนักเลงก็แซวกลับมา พร้อมกับขว้างแก้วขึ้นมาบนเวที โดนที่กระโปรงของน้อย โพธิ์งาม เราเห็นพอดีก็เกิดความโมโหเลยเดินออกไปหยิบไมค์
"จำได้ว่า พอขึ้นไปแล้วก็เอามือป้องไฟแล้วถามว่า โต๊ะไหนมาขว้างลูกน้องผม ไอ้พวกนักเลงมันก็ถามว่า มองอะไรวะไอ้เด่น ผมก็ไม่รู้ว่า พวกนี้เป็นพวกนักเลง ผมก็ตอบไปว่า อ้าวถ้าคุณไม่มองผมจะรู้หรือว่าผมมองคุณ ผมก็กวนไปอย่างนั้นแหละ แค่นั้นแหละแก้วลอยมาอย่างกับเพชรเลย ขว้างมาที่ผมเต็มเวทีเลย เทพกับน้อยก็วิ่ง ผมวิ่งเป็นคนสุดท้าย ได้ยินเสียงปั้ง มันยิงด้วยหัวระเบิด มีความรู้สึกว่ามันเฉี่ยวก้นผมไปนิดเดียว เกือบตาย" นี่เป็นสาเหตุที่ไม่แขวนพระหลวงพ่อขาว
ส่วนพระเครื่องที่แขวนติดตัวประจำในปัจจุบันคือ หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ได้มาจากภรรยา เนื่องจากภรรยาเป็นคนชอบพระเครื่องมาก ส่วนตัวแล้วมีความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพุทธคุณของทุกองค์อยู่แล้ว พระทุกองค์ที่บูชาอยู่ในบ้านไม่เคยไปเช่ามาจากไหน ไม่มีคำว่าเช่าพระเข้าบ้าน ส่วนใหญ่ได้มาจากความศรัทธามีคนให้มาเป็นที่ระลึก
"หลักธรรมที่ผมนำมาใช้ตลอดชีวิต คือผมจะไม่ยุ่งกับเมียคนอื่นเด็ดขาด แต่ถ้าเราไม่รู้ไม่เป็นไร และสิ่งที่ต้องทำมาตลอดชีวิตการแสดง คือการทดแทนบุญคุณพ่อแม่ และที่สำคัญผมไม่เคยลืมผู้มีพระคุณคนที่ทำให้ผมมีชื่อเสียง ทุกปีถ้ามีโอกาสจะไปกราบทุกครั้ง" เด่น กล่าวทิ้งท้าย
0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ อุทร ศรีพันธ์ 0
โดย ท่านเจ้าคุณ
ข้อมูลจาก
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=179064
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น